
มีเรื่องให้ลุ้นกันอีกแล้วครับ....ทั่น!
ว่าวันนี้ (๓ ก.ค.๖๘) อุ๊งอิ๊งที่ถูกแขวนในตำแหน่งนายกฯ
จะกล้าเผยอหน้าเข้า “ถวายสัตย์ปฏิญาณ” ในตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม” หรือไม่?
ก็เป็นเรื่องที่พูดกันมาก จากโต๊ะอาหารในทำเนียบจนถึงหน้าเตาขนมครกในตลาด ด้วยความเห็นแตกเป็น ๒ นัย
นัยหนึ่งว่า เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อทำหน้าที่รัฐมนตรีวัฒนธรรมได้
อีกนัย มีความเห็นว่า ไม่ได้และไม่ควรอย่างยิ่ง
ฉะนั้น วันนี้ มาลุ้นกันว่า “นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้รักษาการนายกฯ จะกล้านำ "นายเหนือหัว" เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณหรือไม่?
และตัว “นายเหนือหัว” นายสุริยะเอง จะมั่นหน้าเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณมั้ย?
ก็มาฟังความเห็นจากทั้งสองฝ่ายกัน......
แล้วดูซิว่า ถ้าอุ๊งอิ๊งเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณและปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีวัฒนธรรมแล้ว บทจบจะเป็นแบบไหน?
ความเห็นแรก จากนายสุริยะ “ผู้รักษาการนายกฯ” เขาบอกว่า
"ได้ปรึกษากับ 'สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี' และฝ่ายกฎหมายคือ 'สำนักงานกฤษฎีกา' แล้ว
เห็นตรงกันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ไม่มีความห่วงใยอะไรตรงนี้"
“นายชูศักดิ์ ศิรินิล” มือกฎหมายรัฐบาล ด้วยดีกรีระดับอดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง ภูมิใจฟันธง
“ส่วนตัวมองว่าศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะตำแหน่งนายกฯ แต่มีการอ้างว่าเป็นคุณสมบัติอันเดียวกันในเรื่องของซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และเรื่องจริยธรรม
มองว่าหากคิดเช่นนั้น แสดงว่าศาลได้วินิจฉัยไปแล้ว แต่ความเป็นจริง ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยในเรื่องนี้ เพียงแต่ศาลรับคำร้อง และให้ชี้แจงภายใน ๑๕ วัน
ซึ่งอาจมีการเรียกสอบพยาน และตัดสิน โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ ๑-๒ เดือน
ดังนั้น หากไม่มีคำวินิจฉัย แสดงว่า น.ส.แพทองธาร ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ ยังไม่มีกรณีที่ถูกกล่าวหา ยังไม่เป็นบุคคลที่ฝ่าฝืนจริยธรรม
ได้ปรึกษาหารือกันแล้วและคิดว่าสามารถเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณได้”
มาฟังความเห็นฝ่ายที่บอกว่า "อุ๊งอิ๊งไม่เหมาะสมจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณและปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี" กันบ้าง
ทนาย "เชาว์ มีขวด" โพสต์เฟซ ตอนหนึ่งว่า
“................ข้อกล่าวหาอันเป็นหลักแห่งที่มาของคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ คือ นางสาวแพทองธารไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๐ (๔) และ (๕)
ซึ่งเป็นเรื่องคุณสมบัติเฉพาะตัว เฉพาะบุคคล ของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ปรากฏเหตุอันควรสงสัยตามคำร้อง คือไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
จึงมีคำสั่งให้ นางสาวแพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี
คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ย่อมผูกพันต่อสถานะความเป็นรัฐมนตรีทุกตำแหน่งของนางสาวแพทองธารและกับทุกองค์กรแล้ว
ผมจึงเตือนไปที่ รักษาการนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ต้องไม่ทำอะไร ที่ขัดคำสั่งศาล
มิฉะนั้น ความเป็นรัฐมนตรีอาจ 'ถูกถอดถอนทั้งคณะ'
อย่าเอาคนมีตำหนิไปเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ จนกว่าคนผู้นั้นจะพ้นมลทิน ถ้ายังดึงดันกอดอำนาจโดยไม่สนความชอบธรรม ก็อย่าโทษใคร…หากสุดท้าย ครม.ทั้งคณะต้องพังไปพร้อมกัน"
"นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ" นักการเมือง-นักกฎหมาย ก็มีมุมมองไปทางเดียวกัน
“นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ด้วยข้อกล่าวหาว่า ขาดความซื่อสัตย์สุจริต และฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๐ (๔) และ (๕)
ทั้งนี้ คุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ม.๑๖๐ เป็นคุณสมบัติ ของรัฐมนตรีทุกคน มิใช่เป็นคุุณสมบัติเฉพาะของนายกรัฐมนตรี
และเนื่องจากนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญก็ถือว่า 'เป็นรัฐมนตรี' คนหนึ่ง
เมื่อนายกรัฐมนตรีถูกสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ด้วยข้อกล่าวหา ขาดความซื่อสัตย์ และฝ่าฝืนจริยธรรม
นายกรัฐมนตรีจึงอยู่ในสภาวะที่ขาดคุณสมบัติในการเป็นรัฐมนตรีด้วย
กรณีนี้ ต่างกับกรณี ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี (ควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม) ตามข้อกล่าวหาว่า ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีครบ ๘ ปีแล้วหรือยัง?
เพราะเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น มิใช่คุณสมบัติเรื่องความซื่อสัตย์ หรือจริยธรรม ซึ่งเป็นคุณสมบัติทั้งของนายกรัฐมนตรีและของรัฐมนตรี
ความเห็นส่วนตัวผม นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้
หากปฏิบัติ จะมีปัญหาทางกฎหมายตามมาว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบหรือไม่ เสี่ยงถึงเสี่ยงมาก และเสี่ยงที่สุด"
“ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์แล้ว หยุดการปฏิบัติหน้าที่อย่างสิ้นเชิงทุกตำแหน่งเถอะ อย่าไปเสี่ยงเลย นี่ผมเตือนด้วยความหวังดีนะ”
“นายสมชาย แสวงการ” อดีต สว.เพื่อมวลชน โพสต์เฟซว่า....
“อุ๊งอิ๊งเข้าถวายสัตย์ในตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรมไม่ได้ #อย่าดันทุรัง
เพราะศาล รธน.สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี
ที่ถูกร้องในปัญหาคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ (๔) และมาตรา ๑๖๐ (๔) (๕)
จะตะแบงตีความว่า 'ศาลให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะนายกฯ
ศาลไม่ได้สั่งให้หยุดในฐานะรัฐมนตรี' ไม่ได้!!!
อุ๊งอิ๊งจะเข้าทำหน้าที่ รมว.วัฒนธรรมได้ ต่อเมื่อศาลมีคำวินิจฉัยแล้วว่า 'ไม่ขาดคุณสมบัติรัฐมนตรี' ตามที่ศาลรับคำวินิจฉัยไว้แล้วเท่านั้น"
“นายวัส ติงสมิตร” นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาและอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
.......................................
“วัส ติงสมิตร”
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สามารถถูกถอดถอนจากตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมได้ เพราะเข้าข่ายทำลายความไว้วางใจที่รัฐมนตรีได้รับจากมหาชน
ไม่ใช่การดำเนินคดีซ้ำ ซึ่งต้องห้ามตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
จากคดีคลิปหลุดกรณี แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยสนทนาทางโทรศัพท์กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาหลายสิบปี
เกี่ยวกับปัญหาชายแดน ไทย-กัมพูชา และศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องไว้พิจารณา
และมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 สั่งให้แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป
ในขณะที่ก่อนหน้านั้น 1 วัน มีโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ โดยแพทองธารดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วย นั้น
มีปัญหาว่า ภายหลัง แพทองธาร เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมในวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 แล้ว
จะสามารถยื่นถอดถอนแพทองธารออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีดังกล่าวได้หรือไม่?
ฝ่ายที่เห็นว่ายื่นถอดถอนไม่ได้ เพราะไม่มีการกระทำใหม่ ส่วนการกระทำเดิมก็ถูกลงโทษไปแล้ว จะลงโทษซ้ำอีกไม่ได้
ผู้เขียนมีความเห็นดังนี้
1) หลักห้ามดำเนินคดีซ้ำ (หลัก “ne bis in idem” ในภาษาละตินหรือ "double jeopardy" ในภาษาอังกฤษ) ปรากฏชัดเจนในกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของไทยว่า
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปเมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4))
ซึ่งสอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่ว่า บุคคลย่อมไม่ถูกพิจารณา หรือลงโทษซ้ำในความผิดซึ่งบุคคลนั้นต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ
หรือให้ปล่อยตัวแล้วตามกฎหมายและวิธีพิจารณาความอาญาของแต่ละประเทศ (กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อ 14 วรรค 7)
2) ส่วนการถอดถอนรัฐมนตรีรวมทั้งนายกรัฐมนตรีโดยศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญในปัญหาคุณสมบัติของรัฐมนตรีว่า
“มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์”
และมีลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรีว่า “ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” หรือไม่?
ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินคดีซ้ำในการกระทำเดิม ซึ่งต้องห้ามตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
3) อาจกล่าวได้ว่า เหตุแห่งการทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญไทย มาจากการทำลายความไว้วางใจที่รัฐมนตรีได้รับจากมหาชน (the abuse or violation of some public trust) คล้ายกับการ Impeachment หรือ การถอดถอนของสหรัฐอเมริกา
อันเป็นกระบวนการทางรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาสหรัฐสามารถใช้อำนาจในการฟ้องร้องและถอดถอนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลกลาง
รวมถึงประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี และเจ้าหน้าที่พลเรือนอื่นๆ หากพบว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายความผิดร้ายแรง
4) แพทองธารจึงสามารถถูกถอดถอนจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วยเหตุขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ได้
เพราะเข้าข่ายทำลายความไว้วางใจที่รัฐมนตรีได้รับจากมหาชน (the abuse or violation of some public trust)
ไม่ใช่การดำเนินคดีซ้ำ ซึ่งต้องห้ามตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
...................................
แล้วพวกเรา-เหล่าท่านล่ะครับ คิดเห็นอย่างไรกันบ้าง?
ผมเชื่อว่าวันนี้ นายสุริยะต้องนำอุ๊งอิ๊งเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณด้วยแน่!
ถ้าเป็นอย่างนั้น ไม่เพียงอุ๊งอิ๊ง......
อนาคต "ครม.ทั้งคณะ" จะเป็นอย่างไร ช่างเร้าใจยิ่งกว่าดูระบำจ้ำบ๊ะคณะตาหรั่งเป็นร้อยเท่า
“นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์” จองกฐินเรียบร้อยแล้ว ทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภา เพื่อให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ "ถอดถอนอุ๊งอิ๊ง" จาก “รมว.วัฒนธรรม” แล้ว
และเชื่อว่านายสุริยะ "ผู้รักษาการนายกฯ" ก็จะต้องเจอข้อหาเดียวกับที่ทำให้ "นายเศรษฐา" ต้องตกเก้าอี้
เพราะนำคนไม่ซื่อสัตย์สุจริตและผิดทางมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงตั้งเป็นรัฐมนตรี เป็นผลให้ "รัฐบาลพังทั้งคณะ" มาแล้ว
รับรอง เรื่องรัฐบาลสองพ่อลูกนี้....สนุก
สนุกทั้ง “นอกคุก” และ “ในคุก” บอกไม่เชื่อ!?
-เปลว สีเงิน
๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
🛑LIVE ‘นันทเดช’ ทะลุช็อต ‘พ่อคืนคุก-ลูกลาออก’!! | อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร
‘นันทเดช’ ทะลุช็อต ‘พ่อคืนคุก-ลูกลาออก’!! อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ.2568
เข้าสู่โซน ‘อันตราย’
โจษขานกันอื้ออึงทั้งเมืองว่า..... “ทักษิณถูกอาจารย์วีระน็อกตาตั้งคาเวทีตั้งแต่ยก ๑” เมื่อคืนวันพฤหัสบดี ที่ ๑๗ ก.ค.๖๘
ปฏิทิน ‘วันติดคุก’
บ้านเมืองตอนนี้ ถูกทั้งศึกนอก-ศึกในหนาบกระหน่ำ จากภายนอก ภาษีทรัมป์ ๓๖% เส้นตาย ๑ สิงหา. รัฐบาลยังยักแย่-ยักยัน นอกจากโม้ขี้ฟันกระเด็น จะให้เหลือ ๑๘% ลมๆ แล้งๆ แล้ว
'เขมรขี้ตู่' รู้กันรึยัง?
ก็จริงอย่างที่ท่าน “ภูมิธรรม” พูดนะ ว่า “อย่าไปฟังฮุน เซน มาก...... เพราะฮุน เซน เป็นเพียงแค่คนคนหนึ่ง ที่มีตำแหน่งประธานวุฒิสภา แล้วก็ไม่ได้มีอำนาจในการเจรจาพูดคุย”
ไทย ‘ไม่เคยสิ้น’ ไส้ศึก
ประกาศ ยกเลิกพระบรมราชโองการประกาศสถาปนาสมณศักดิ์ และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์
“อังเคิลฮุน” มาแว้ววว!
ถูกเข้าอีกดอกจนได้ “นายกฯ แพทองธาร” ครบกำหนดยื่นคำชี้แจงต่อ “ศาลรัฐธรรมนูญ” วันนี้ ประเด็นจริยธรรม กรณีคลิป “อังเคิลฮุน”