จะช้าอยู่ทำไม?

ในปีนั้น-2552..

ผม..ได้ร่วมเป็น “คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์” อยู่ด้วยคนหนึ่ง และก็เป็นคณะกรรมการชุดที่ทำหน้าที่ตรวจพิจารณาภาพยนตร์เรื่อง “นาคปรก”..

ที่ได้มีความเห็นตรงกัน กำหนดเรตติ้งให้เป็นภาพยนตร์ประเภท น 18+ หมายถึงภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป!

อันเนื้อหา..เป็นเรื่องราวของสามโจรที่ร่วมกันปล้นรถขนเงิน แต่ถูกตำรวจไล่ตามจับ เมื่อจวนเจียนจนมุมจึงได้ตัดสินใจนำเงินที่ปล้นแอบซ่อนไว้ใต้ดินบริเวณวัด

เวลาผ่านไปอีกหลายปีพวกเขาทั้งสามได้ย้อนกลับมาขุดหาเงิน แต่จุดที่ฝังไว้นั้นกลับพบว่าอยู่ใต้โบสถ์ไปเสียแล้ว

ทั้ง 3 โจรจึงหาวิธีที่จะได้อยู่ในวัดโดยไม่มีใครสงสัย ด้วยการบังคับให้ “หลวงตาชื่น” โกนหัวบวชให้ ปลอมเป็นพระแค่ห่มผ้าเหลืองบังหน้า เบื้องหลังคือพยายามขุดหาเงินใต้โบสถ์

มีฉากให้ถกเถียง-วิพากษ์วิจารณ์กันมาก ก็ฉากคุณทราย เจริญปุระ ที่รับบทเป็นผู้หญิงหากินแวะไปหาแฟนโจรในคราบพระ 1 ใน 3 รูป และได้มีอะไรกันในกุฏิ

แต่คณะกรรมการฯ ก็มอง..นั่นคือโจรไม่ใช่พระมาตั้งแต่แรก แค่อาศัยผ้าเหลืองคลุมกาย การสมสู่กับผู้หญิงจึงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพุทธศาสนา!

และเมื่อหนังเรื่องนี้เข้าฉายก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวาง ทำรายได้ไปเกือบ 50 ล้านบาท นักแสดงก็แสดงเข้าถึงบทกันทุกคน..

โดยเฉพาะคุณสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ ที่รับบท “หลวงตาชื่น” ผู้ร้ายตัวจริงของเรื่อง ได้กวาดรางวัล “นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม” ไปถึง 3 สถาบัน!

นี่..ที่ขุดเรื่องเก่าขึ้นมาคุยวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แม้จะมีข่าวฉาวโฉ่พระสงฆ์องคเจ้าแปดเปื้อนโลกีย์อยู่ในขณะนี้ แต่ดูเหมือนหนัง “นาคปรก” จะไม่ได้ไปถึงขั้น (นรก) นั้น

แม้ผู้กำกับ คุณใหม่-ภวัต พนังคศิริ ปรารถนาที่จะนำเสนอ-สะท้อน ตีแผ่วงการพุทธศาสนา แต่ก็ทำได้เพียงผิวๆ ไม่ใช่ไม่มีกึ๋น หากแต่คงรู้อยู่เต็มอก..

ขืนนำเสนอลึกไปกว่านั้น อย่างเช่น “นารีพิฆาตพระ” ที่เป็นข่าวดังอยู่ในห้วงนี้ ก็คงยากที่จะนำออกฉายได้ แม้จะเป็นความจริงที่เกิดขึ้นอยู่ตามวัดวาก็ตามที!

เพราะถ้าจะทำให้ถึงแก่น-ถึงอารมณ์ แต่ละซีน-แต่ละฉากก็จะต้องถึงพริก-ถึงขิง ซึ่งก็คงจะอุบาทย์ อัปรีย์ หดหู่-สังเวชสำหรับคนดูที่เป็นพุทธศาสนิกชน

ผู้สร้าง-ผู้กำกับจึงไม่อยาก “เสี่ยง” ต่อทั้งเสียงก่นด่าจากสังคม และต่อทั้งคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ฯ จะให้ผ่านหรือไม่ ส่วนใหญ่จึงเลี่ยง เอาแค่พอหอมปากหอมคอ

ซึ่งด้วยความรับผิดชอบของผู้กำกับภาพยนตร์นี่แหละ ทำให้หนังไทยแทบไม่เคยถูกจัดอยู่ประเภท “ภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร” ให้ปรากฏ!

ในยุคของผมก็มีแค่เรื่อง “แมลงรักในสวนหลังบ้าน-INSECTS IN THE BACKYARD” และก็คณะผมเองที่กำหนดประเภท “ภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร”

ด้วยเหตุผล..มีฉากเห็นการสอดใส่อวัยวะเพศ ซึ่งกฎหมายภาพยนตร์ปี 2551 ห้ามเอาไว้และผมเองก็ได้บอกกับผู้กำกับ คุณกอล์ฟ ธัญญ์วารินทร์ สุขะพิสิษฐ์

เพียงแค่ขลิบฉากนี้ออกไปก็จบ แต่คุณกอล์ฟก็ยืนยันหัวชนฝาจะด้วยเหตุอะไรนั้น ก็เป็นที่รู้ที่เข้าใจกันดี (ไม่อยากพูดถึง) และเมื่อหนังไม่ได้ฉาย ผู้กำกับก็ไปฟ้องร้องต่อศาล

สุดท้าย คุณกอล์ฟก็ยอมตัดฉากที่ว่านั้นออกไป หนังจึงมาได้ฉายเอาในปี 2560 ก่อนที่หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) จะประกาศให้เป็น “มรดกภาพยนตร์แห่งชาติ ประจำปี 2562”

และคุณกอล์ฟก็ให้สัมภาษณ์ว่า.. “คือก็เข้าใจนะคะ ว่าคนทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการ เขาใส่หมวกของผู้ถือศีลธรรมอันดี แล้วเขาคิดว่าเขามีหน้าที่คิดแทนปวงชนชาวไทยทั้งหมด

ซึ่งตรงนี้แหละ ที่ต้องทำความเข้าใจกับคณะกรรมการนิดหนึ่ง..คณะกรรมการควรจะมองถึงตัวภาพยนตร์ ที่สามารถสะท้อนสิ่งที่สังคมเป็น

แต่เขากลับมองว่าภาพยนตร์ควรจะเป็นสิ่งดีงาม ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งดีงามเสมอไป มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีงามก็ได้ ใช่ไหมคะ”

ครับ..ผมนั้นได้ปิดปากมานาน วันนี้ต้องขออนุญาตพูดสักเล็กน้อย ว่า ตอนทำหน้าที่คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ ผมไม่ได้ใส่หมวกผู้ถือศีลธรรมอันดีอะไรนั่นหรอก

และ (สาบาน) ไม่ได้คิดจะตัดสินใจแทนปวงชนชาวไทย ผมถืออย่างเดียวคือ “กฎหมายภาพยนตร์” ซึ่งถ้าผู้กำกับเคารพกฎหมายก็จะไม่ละเมิดหรือทำผิดให้เกิดเป็นปัญหา..

 นอกเสียจากตั้งใจ-ต้องการให้เกิดประเด็น-ปัญหาเพื่อตัวเองจะได้เป็นที่รู้จัก-มีชื่อเสียง!

และถ้าคณะกรรมการมองเพียง “ภาพยนตร์ต้องเป็นสิ่งดีงาม” ขอถามหน่อยเถอะ..ทุกวันนี้หนังไทยจะมีได้ออกฉายไหม?

กรรมการ (ทุกท่าน) น่ะ ไม่ได้เขลา เป็นเต่าล้านปี และ (เชื่อ) ไม่ได้มีอคติกับหนังไทย..กฎหมายเขียนอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น ถ้าแก้กฎหมายแล้วทำให้หนังไทยเจริญรุ่งเรือง..

จะช้าอยู่ทำไมเล่า?.

 

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ระวังจะโดนย้อนศร

เรื่องนี้ต้องขยาย.. ผมหมายถึง “ยอดคนตาย” จากมหาอุทกภัยหาดใหญ่น่ะ เพราะหลังจาก นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลง..

ต่างฝ่ายต่างโกง?

ดารา-นักแสดงถูกเบี้ยวค่าตัว! ความจริงก็ใช่ว่าเพิ่งมาเกิดเอายุคปัจจุบัน-ตอนนี้..สมัยนู้นนน ในยุคพระเอก-นางเอกคู่ขวัญ “มิตร ชัยบัญชา-เพชรา เชาวราษฎร์” และ “สมบัติ เมทะนี-อรัญญา นามวงศ์”..

ความคิดหลุดโลก?

แค่นายกฯ อนุทินหยอดมุก.. “อยากนามสกุล ‘หลีกภัย’ แต่เจอเข้าไป 4 ภัย ทั้งภัยเศรษฐกิจ ภัยความมั่นคง ภัยสังคม และภัยธรรมชาติ”

‘ตลก’ไม่ทิ้งกัน!

“เต็มที่แล้ว เต็มที่จริงๆ ผมทำดีที่สุดแล้ว” นี่.. “นายกแป้น” คุณณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้บอกผู้สื่อข่าว หลังจากที่ประกาศก่อนหน้าว่า..

เขต 8 แดนเจอรัส?

น้ำลด..เขต 8 โผล่! ทีนี้ ก็เป็นหน้าที่ของ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” แล้วล่ะ จะปฏิบัติการกวาดล้างพวก “มนุษย์ขยะ” เฮงซวย-เส็งเคร็ง ที่สร้างความเสื่อมเสียให้ชาวเมืองหาดใหญ่กันอย่างไร?

‘กับดัก’ ความเชื่อมั่น?

สส.จังหวัดสงขลา มี 9 คน 9 เขต.. พรรคประชาธิปัตย์ยึดไป 6 เขต 6 คน ที่เหลือพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย แบ่งกันไปเขตละคน