คืนภาษีหนังดันเศรษฐกิจ?

วันก่อน..

ที่เขียนถึงข่าว รมต.กระทรวงวัฒนธรรม-แพทองธาร ชินวัตร ได้ประชุมติดตามมาตรการจูงใจทางภาษี ที่เรียกว่า Cash Rebate หรือ Refund เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตภาพยนตร์ไทย

ก็..มีคนถามว่า มันคืออะไร คำฝรั่งสองคำนี้ วันนี้จึงเลยต้องมาเขียนทำความกระจ่างกับสองคำนี้ซะหน่อย จริงๆ ผมก็ไม่ทราบหรอกครับว่า มันหมายถึงอะไร?

 เผอิญมีคนรู้จักมักจี่ในวงการภาพยนตร์ไทยซึ่งเชื่อว่าน่าจะให้ความกระจ่างได้ จึงจิ้มมือถือหา ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน..คุณมานพ อุดมเดช ผู้กำกับภาพยนตร์ไทยผู้มีชื่อขึ้นหิ้งน่ะแหละ!

ถึงได้รู้ว่า คำฝรั่งสองคำข้างบนนั้นไม่ใช่ศัพท์เทคนิคเฉพาะอะไรหรอก มันแปลว่า “ลดราคา” ทั้งสองคำความหมายเดียวกัน

เพียงแต่ในบริบทตามข่าวนี้หมายถึง การคืนภาษีในรูปเงินสด ซึ่งหนังของฝรั่งหรือหนังของผู้ผลิตที่เป็นคนต่างด้าวท้าวต่างแดน ที่ขออนุญาตมาถ่ายทำภาพยนตร์ในเมืองไทยนั้น

จะได้ลดภาษี หรือคืนเงินภาษีทั้งนั้น หนังต่างด้าวได้คืนภาษีเป็นเพราะไทยต้องแข่งขันกับประเทศในอาเซียนด้วยกัน

ที่ต่างก็ต้องการให้ผู้ผลิตภาพยนตร์ต่างชาติไปใช้ประเทศของตนเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เพราะเม็ดเงินสร้างหนังมันเยอะนะไหลเข้ามาต่อปี!

ดังนั้นไทยเราจึงเสนอ “คืนภาษี” เมื่อการถ่ายทำเสร็จสิ้น เป็นการสร้างแรงจูงใจผู้ผลิตต่างชาติให้มาลงทุนในประเทศของเรา ส่วนผู้ผลิตท้องถิ่นคือบริษัทไทย ไม่มีคืนภาษี!

เมื่อผมบอกแกว่ากำลังจะมีไง คุณมานพจึงถาม “จริงเหรอ?” ดูทรงจากน้ำเสียงของแกไม่อยากเชื่อก่อนจะพูดต่อ..

“ถ้าลดอย่างอื่นล่ะก็เป็นไปได้ อย่างเมื่อก่อนรัฐบาลสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ท้องถิ่นผ่านการลดภาษีนำเข้าฟิล์มและอุปกรณ์เครื่องมือในการผลิต

โดยหน่วยงาน BOI ส่งเสริมการลงทุน แต่ไม่เวิร์ก ทำท่าว่าจะดีแต่ไปๆ มาๆ ยังไงก็ไม่ทราบ ไม่มีใครไปหา BOI อีกเลยจนคนสร้างหนังไทยบริษัทรุ่นใหม่ๆ ไม่รู้จัก

และป่านนี้ BOI ก็คงปิดแผนกนี้ไปแล้วมั้งคิดว่านะ ผมไม่คิดว่าจะมีการคืนภาษีการสร้างแบบหนังต่างชาติที่เข้ามาสร้างในเมืองไทย”

“แต่ตอนนี้กระทรวงวัฒนธรรมกำลังจะมี” ผมยืนยัน ก่อนจะถามความเห็น “คิดว่าไง?”..  

“ทำได้มันก็ดี แต่จริงๆ ทุนสร้างหนังไทยมันน้อย ที่เป็นร้อยล้านเหมือน 10 ปีก่อนนี้ไม่มีแล้ว เดี๋ยวนี้ 5-8 ล้านยังเหนียวเลยแล้วจะคืนกี่เปอร์เซ็นต์กันล่ะ

สรรพากรก็มีระบบเก็บภาษีรายได้ของบริษัทผู้ผลิตท้องถิ่นอยู่แล้ว แต่จะมีลดหรือคืนภาษีหรือเปล่าผมไม่เคยได้ยินว่ามี มันไม่น่าจะมีผลให้เกิดการผลิตเฟื่องฟูอะไรหรอก

เพราะต้นทุนในการผลิตหนังไทย จริงๆเท่าไหร่กันแน่ ผมก็ไม่รู้ หนังต้นทุนถ่ายทำ บอก 50 ล้าน จริงๆ อาจจะแค่ 8 ล้านก็ได้ ที่เหลือ 42 ล้านเศษ มันเป็นงบโพสต์โปรดักชัน

ทีมงานถ่ายทำไม่รู้ 42 จริงมั้ย เพราะไม่ได้เป็นคนทำบัญชี ยิ่งหนังเข้าโรงแล้วหนังเก็บสตางค์ได้เท่าไร ขาดทุนหรือกำไรไม่รู้จริงๆ  

ได้ยินแต่พูดกันมาว่า พอสรรพากรเรียกเก็บภาษี เจ้าของหนังก็บอก ขาดทุนตลอด...แล้วรัฐบาลจะคืนภาษียังไง?

ผมเลยไม่รู้ว่า การจะใช้วิธีจูงใจทางภาษีแบบ Cash Rebate เหมือนหนังต่างด้าวจะโดนใจผู้ผลิตท้องถิ่นมั้ย ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยแน่หรือ?

สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศจริงมั้ย?” ผู้กำกับ คุณมานพตั้งข้อสังเกต และว่า..

“สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ ธุรกิจหนังไทยมันยังไม่เข้าข่ายเป็นอุตสาหกรรม ไม่มีสหภาพแรงงาน ยังไม่หลุดภาพอาชีพเต้นกินรำกิน ยึดเอาเป็นสรณะความมั่นคงในชีวิตไม่ได้

 ถ้าอยากจะเห็นความก้าวหน้าของการผลิตหนังไทย รัฐบาลควรศึกษาวิธีอุดหนุนอุตสาหกรรมนี้ของปักกิ่ง หรือศึกษาจากเกาหลีใต้

น่าจะดีกว่าการสร้างแรงจูงใจเจ้าของบริษัทหนังด้วยวิธีคืนภาษีด้วยเงินสด” คุณมานพฝากให้คิด ส่วน รมต.กระทรวงวัฒนธรรมจะเห็นด้วยหรือไม่..

สุดแท้แต่!.

 

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ระวังจะโดนย้อนศร

เรื่องนี้ต้องขยาย.. ผมหมายถึง “ยอดคนตาย” จากมหาอุทกภัยหาดใหญ่น่ะ เพราะหลังจาก นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลง..

ต่างฝ่ายต่างโกง?

ดารา-นักแสดงถูกเบี้ยวค่าตัว! ความจริงก็ใช่ว่าเพิ่งมาเกิดเอายุคปัจจุบัน-ตอนนี้..สมัยนู้นนน ในยุคพระเอก-นางเอกคู่ขวัญ “มิตร ชัยบัญชา-เพชรา เชาวราษฎร์” และ “สมบัติ เมทะนี-อรัญญา นามวงศ์”..

ความคิดหลุดโลก?

แค่นายกฯ อนุทินหยอดมุก.. “อยากนามสกุล ‘หลีกภัย’ แต่เจอเข้าไป 4 ภัย ทั้งภัยเศรษฐกิจ ภัยความมั่นคง ภัยสังคม และภัยธรรมชาติ”

‘ตลก’ไม่ทิ้งกัน!

“เต็มที่แล้ว เต็มที่จริงๆ ผมทำดีที่สุดแล้ว” นี่.. “นายกแป้น” คุณณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้บอกผู้สื่อข่าว หลังจากที่ประกาศก่อนหน้าว่า..

เขต 8 แดนเจอรัส?

น้ำลด..เขต 8 โผล่! ทีนี้ ก็เป็นหน้าที่ของ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” แล้วล่ะ จะปฏิบัติการกวาดล้างพวก “มนุษย์ขยะ” เฮงซวย-เส็งเคร็ง ที่สร้างความเสื่อมเสียให้ชาวเมืองหาดใหญ่กันอย่างไร?

‘กับดัก’ ความเชื่อมั่น?

สส.จังหวัดสงขลา มี 9 คน 9 เขต.. พรรคประชาธิปัตย์ยึดไป 6 เขต 6 คน ที่เหลือพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย แบ่งกันไปเขตละคน