บันทึกหน้า 4

การเมืองไทยยามนี้ต้องบอกว่าร้อนแรงยิ่งกว่าหน้าข้าวหน้าเหล้าในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเสียอีก เพราะมีการหักเล่ห์ชิงเหลี่ยมกันแบบหมัดต่อหมัดโดยเฉพาะ พรรคเพื่อไทย ต้องเปลี่ยนชื่อได้แล้วว่าเป็น “พรรคเพื่อชินวัตร” เพราะสโลแกนที่ระบุว่า “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” นั้น มาถึง ณ เวลานี้ต้องบอกว่า “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อนายใหญ่คนเดียว” ...๐

ที่สำคัญคือก็ไม่ทิ้งลายตระบัดสัตย์อีกระลอกเช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้การยุบสภาผู้แทนราษฎรนั้นบอกว่าเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่ พอพรรคประชาชนโดย “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชนออกมาแถลงมติพรรคส้ม

ว่าจะสนับสนุน “อนุทิน ชาญวีรกูล” สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เท่านั้น ก็เรียงหน้าออกมาว่า “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้ทูลเกล้าฯ ถวายยุบสภาไปแล้ว โดยไล่เรียงการให้ข่ามาตั้งแต่ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” โฆษกสำนักนายกฯ “สรวงศ์ เทียนทอง” รมว.การท่องเที่ยวฯ รวมถึง “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รมต.ประจำสำนักนายกฯ  โดยเฉพาะรายหลังสุดบอกเฉยว่าไม่อยากให้มีรัฐบาลเป็ดง่อย ซ้ำร้ายเป็นรัฐบาลแค่ 4 เดือน ...๐

พระเจ้าจอร์จ! พรรคเพื่อไทยตอนไปหาหัวหน้าเท้งก็บอกรับเงื่อนไขเป็นรัฐบาล 4 เดือนมิใช่เหรอ “บิ๊กอ้วน” ยังอวดโอ่ด้วยซ้ำว่าหากยุบสภาเร็วกว่านั้นได้ก็จะทำ แต่วันนี้กลับมาพล่ามบอกว่าเป็นรัฐบาล 4 เดือนไปทำไม แล้วที่ ตอแหลได้โล่คือ “ภูมิธรรม” ยอมรับโต้งๆ ว่าทูลเกล้าฯ ถวายยุบสภาไปตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน แล้วทำไมเมื่อวานกลับปัดเรื่องนี้เล่า ...๐

งานนี้คงต้องบอกให้บรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทย รวมถึงแฟนคลับไปดูไทม์ไลน์ที่ “ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร” อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ไทม์ไลน์เรื่องยุบสภาเอาไว้ ว่า ในปี 2549 “ทักษิณ ชินวัตร” ประกาศยุบสภาวันที่ 24 กุมภาฯ ราชกิจจานุเบกษาก็ลงประกาศพระบรมราชโองการในวันเดียวกัน ปี 2554 “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นำพระราชกฤษฎีกายุบสภาเข้าเฝ้าฯ วันที่ 9 พ.ค. เพื่อขอให้มีการยุบสภาในวันที่ 10 พ.ค. ราชกิจจาฯ ลงประกาศวันที่ 10 พ.ค. และปี 2566 การยุบสภาตามเกณฑ์ครบวาระ 4 ปีในพระราชกฤษฎีกาให้ไว้วันที่ 17 มี.ค. ประกาศในราชกิจจาฯ วันที่ 20 มี.ค. วันยุบสภาคือวันที่ 20 มี.ค. ส่วน “ภูมิธรรม” ยื่นทูลเกล้าฯ ถวายไปวันที่ 2 ก.ย. ส่วนจะลงในราชกิจจาฯ หรือไม่วันไหนต้องติดตาม ...๐

งานนี้ “ภูมิธรรม” ยอมเป็นสีดาลุยไฟ ก็คงเป็นไปตามที่ “รศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์” แห่งสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์วิเคราะห์วิจารณ์ไว้ว่ามาจาก 6 สาเหตุหลัก และที่แท้ทรูส่วนใหญ่ก็เพื่อผลประโยชน์ของ “สทร.” แทบทั้งสิ้น โดย ดร.อานนท์ก็ระบุว่า “ภูมิธรรม” ชิงทูลเกล้าฯ ถวายให้ทรงยุบสภา ทั้งๆ ที่มีปัญหาข้อกฎหมายเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการบังคับให้องค์พระมหากษัตริย์ต้องทรงใช้พระบรมราชวินิจฉัยทรงเลือกระหว่างยุบสภาหรือเปิดประชุมสภาเพื่อลงมติเลือกนายกฯ อันเป็นการไม่บังควรเป็นอย่างยิ่งด้วยประการทั้งปวง …๐

ล่าสุดก็มีข่าวสะพัดว่า สำนักองคมนตรีในฐานะหน่วยงานกลั่นกรองหนังสือและถวายความเห็นประกอบกราบบังคมทูลเพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย และทรงลงพระปรมาภิไธย ได้ส่งคืนร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภากลับแล้ว โดยระบุว่าไม่เป็นไปตามระเบียบการนำเสนอเพื่อขอพระมหากรุณา เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีปัญหาข้อขัดแย้งว่ากระทำได้หรือไม่ ...๐

นี่ยังไม่นับรวมบรรดานักการเมืองที่แห่ไปแจ้งความอีกต่างหาก โดย “สุรทิน พิจารณ์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.) พร้อม “ไทกร พลสุวรรณ” นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อแจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” ในความผิดตามมาตรา 112 จากเรื่องนี้ ขณะที่ “บังซุป-ศุภชัย ใจสมุทร” ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคภูมิใจไทย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดุสิต เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ “ภูมิธรรม” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และเชื่อว่าข้อร้องเรียนจะยาวเป็นหางว่าวอีกแน่นอน ...๐

แต่ดูเหมือน สมาชิกเพื่อไทยหลายคนจะทราบระแคะระคายเรื่องยุบสภามาแล้ว โดยชาวบ้านแถวคลองสานบอกว่า “สายรุ้ง ปิ่นโมรา” ติดป้ายหาเสียงตามเสาไฟฟ้ามา 2 วันแล้ว ซึ่งการสั่งพิมพ์ป้ายจำนวนมากล่วงหน้าก็แสดงให้เห็นว่าบรรดาลูกหาบรู้ดีกันอยู่แล้วว่าไม่มีการจับมือกับพรรคส้มแน่นอน ที่ผ่านมาก็แค่ “เพื่อไทยการละคร” ที่สุดท้ายก็ขึ้นกับนายใหญ่จะสั่งอย่างไรก็เท่านั้นเอง ...๐

 

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ถึงคิว "พรรคส้ม" หลังประชาธิปัตย์ประเดิมเปิด 100 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์เป็นพรรคแรก ถึงแม้จะเป็นการเรียงตามตัวอักษร ไม่ใช่เรียงลำดับที่แท้จริงก็ตาม พอเดากันได้ว่า 3 อันดับแรก น่าจะเป็น 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

บันทึกหน้า 4

ต้องบอกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันนี้ยังคงร้อนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า หาก “ระบอบฮุน เซน” ไม่ตายจากดินแดนเขมร ก็ยากหาความสงบลงได้

บันทึกหน้า 4

ปี่กลองเลือกตั้งดังสนั่น หลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 เป็นวันเลือกตั้ง สส. ส่วนวันที่ 27-31 ธ.ค.2568 เป็นวันรับสมัคร สส.แบ่งเขตเลือกตั้ง 28-31 ธ.ค.2568 วันรับสมัค สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนการทำประชามติเรื่องยกเลิกMOU 43 และ MOU 44 คงไม่มีแล้ว โดย นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล

บันทึกหน้า 4

ขอเข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังคำสั่งยุบสภาเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สนามการเมืองที่อุ่นๆ กลายเป็นเตาแก๊สเปิดไฟแรงในพริบตา เลือกตั้งต้นปี 2569 ยังไม่ทันมาถึง แต่เกมช่วงชิงอำนาจเริ่มเดือดเกินองศา

บันทึกหน้า 4

บันทึกตอกย้ำบรรทัดแรกว่า "ไทยนี้รักสงบ!!" จากวันแรกที่มีสยามประเทศ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้รุกรานเชิงจักรวรรดินิยม ไม่เคยสร้างอาณานิคมในต่างแดน เราจะลุกขึ้นสู้เพื่อป้องกันตนเอง หรือตอบโต้ เพื่อการรักษาดินแดนของตัวเองเท่านั้น

บันทึกหน้า 4

ยังไม่ถึงเวลา! วันศุกร์นี้ "รัฐบาลอนุทิน" ยังคาดเข็ดขัดนิรภัยต่อ แม้ "นายกฯ หนู" จะบอกว่าพร้อมยุบสภาทุกเมื่อ เตรียมพระราชกฤษฎีการอไว้แล้ว ถึงจะเลื่อนเร็วขึ้นจากไทม์ไลน์เดิม 31 ม.ค. 69 แต่ไม่ใช่ 12 ธ.ค.