อินโดนีเซีย…ที่ผมสัมผัส

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอินโดนีเซียตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้าดูจากภาพในข่าว พวกเราที่อยู่ข้างนอกคงคิดว่าอินโดนีเซียทั้งประเทศกำลังลุกเป็นไฟ ไปไหนมาไหนมีแต่คนประท้วง และสถานภาพของสังคม ณ ตอนนี้คงอันตรายเกินที่คนทั่วไปจะอยู่ได้

แต่ภาพความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นครับ เพื่อนผมหลายคนที่อยู่อินโดฯ บอกว่าจุดประท้วงในจาการ์ตา เป็นแค่จุดเดียวที่ปรากฏในข่าว ซึ่งก็คือบริเวณหน้ารัฐสภา บนเส้นทางหลักของเมือง (อยู่ใกล้ๆ บ้านพักของผม) ถ้าเปรียบเทียบกับบ้านเรา เส้นทางที่ว่าคือวิภาวดีฯ แถว

โรงงานร้างที่ตั้งในย่านรังสิต ตอนรัฐสภาจะย้าย (ในสมัยโน้น) ในย่านอื่นๆ ของจาการ์ตาไม่ได้มีผลกระทบอะไรใดๆ ทั้งสิ้น คนที่ออกไปดื่มกาแฟ คนที่ออกไปเล่นกีฬา คนที่ออกไปช็อปปิ้ง ใช้ชีวิตปกติครับ เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ ที่มีการประท้วง

ถ้าเปรียบเทียบกับบ้านเราคือ เวลามีการชุมนุมทางการเมือง ภาพที่ปรากฏผ่านสื่อสู่คนทั่วโลกคือ ความวุ่นวาย ความอันตราย และความไม่สงบ เหมือนว่าประเทศไทยทั้งประเทศมีการชุมนุมและประท้วงทุกตารางนิ้วทีเดียว แต่ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ที่มีการชุมนุมจะเป็นย่านเดียว จุดเดียว แต่คนอื่นๆ ที่อยู่นอกพื้นที่ (อย่างเช่น ปากเกร็ดบ้านผม) ใช้ชีวิตปกติ

ไม่ใช่ว่าการชุมนุมที่จาการ์ตาและเมืองอื่นๆ ไม่รุนแรงและไม่สำคัญนะครับ ความรู้สึกโกรธแค้น ความรู้สึกเคืองใจ และความรู้สึกไม่พอใจที่มีต่อผู้แทนของเขามีจริงและฝังลึกมานาน ซึ่งไม่เจาะจงเฉพาะผู้แทนเท่านั้น แต่จะเป็นความรู้สึกลึกๆ ที่ถูกเอาเปรียบและเหลื่อมล้ำจากผู้มีอำนาจในชีวิตประจำวัน เพียงแต่ครั้งนี้กลุ่มผู้แทนรับความโกรธ ความเคืองใจเต็มๆ

ผมกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่า ความประทับใจที่ผมมีต่ออินโดนีเซียที่สุดคือ คนอินโดฯ ครับ ภาพพจน์คนไทยเราคือ Land of Smiles คือคนยิ้มแย้ม อัธยาศัยดี คนกันเอง ใช่ไหมครับ? แต่ผมขอบอกว่าสู้คนอินโดฯ ไม่ได้ครับ

ถ้าคุณเดินบนท้องถนนในอินโดฯ โอกาสที่คนธรรมดาจะยิ้มให้ จะทักทายจากความจริงใจมีสูงครับ และไม่ใช่ผู้ที่ต้องยิ้มตามหน้าที่ แต่ยิ้มจากใจ และยิ้มเมื่อไม่จำเป็นต้องยิ้ม เป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนที่อาศัยในอินโดนีเซียสังเกตเห็นและประทับใจ เวลาไปห้างและมีลูกเล็กไปด้วย ยามของเขาจะเข้ามาช่วยแบกและยกของ โดยที่เราไม่ต้องมองหน้าหรืออ้อนวอนเขา เขาจะวิ่งเข้ามาเองด้วยใจ ด้วยจิตสำนึก และด้วยความดีที่เขามี โดยไม่ได้หวังรางวัลจากเรา (แต่เราก็ให้เพราะประทับใจ)

แต่ย้ำครับ ผมพูดถึงคนอินโดฯ ทั่วไป คนธรรมดาๆ ครับ จุดเสียของอินโดนีเซียคือระบบการปกครองและผู้มีอำนาจเกือบทุกระดับ ผมไม่ได้หมายถึงระดับสูงๆ เท่านั้น ผมพูดถึงใครก็ได้ที่มียศ ใครก็ได้ที่มีตำแหน่ง และใครก็ได้ที่มีอำนาจ คนเหล่านี้ต่างหากที่ขวางและถ่วงความเจริญของประเทศ

ตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นระดับ ผอ. หรือรอง ผอ. แค่มียศอะไรสักอย่าง แค่เป็นข้าราชการตำแหน่งอะไรก็ได้ โอกาสที่คนคนนั้นจะทำระบบพัง หรือจะเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมมีสูงครับ ผมไม่ได้พูดเล่น ในช่วงที่ผมอยู่ที่นู่น และผมต้องเดินทางบ่อย ผมเห็นชัดเลยว่าระหว่างเดินทางไปสนามบินจะมีขบวนรถนำวิ่งเป็นว่าเล่นเลย คนไหนมียศและตำแหน่งสูง ขบวนจะใหญ่และยาว แต่ถ้าคนนั้นเป็นเพียง ผอ. หรือรอง ผอ. หรือระดับพันตรี พันโท ก็จะมีมอเตอร์ไซค์นำ และคนเหล่านี้ใช้ขบวนรถนำคุ้มมาก

เอาอย่างงี้ เป็นประเทศเดียวที่ผมเห็นรถพยาบาลที่กำลังเปิดไฟและไซเรน ที่กำลังส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลต้องหลบขบวน เพราะขบวนขับไล่เขาและบังคับให้หลบ ผมเห็นเกิดครั้งเดียวในไทย แต่ผู้นำขบวนประกาศให้รถพยาบาลหลบเพื่อให้ขบวนนำหน้าเปิดช่องทางให้รถพยาบาล แต่ในอินโดฯ ไม่ครับ รถพยาบาลต้องหลบเพราะขวางขบวน

พอพูดถึงขบวนรถนำ เวลาบ้านเรามีขบวนรถนำเข้าตามซอยเล็กๆ หรือที่อยู่อาศัย เขามักจะปิดไซเรน เพื่ออำนวยความสะดวกและเกรงใจชาวบ้านใช่ไหมครับ? ยิ่งถ้าเป็นซอยเล็ก หรือเวลาเช้าเกิน หรือดึกเกิน ขบวนรถนำบ้านเรามักจะมีความเกรงใจและนึกถึงสิ่งเหล่านี้ แต่ที่อินโดฯ ไม่ครับ ดึกแค่ไหน เช้าแค่ไหน ซอยเล็กแค่ไหน หรือย่านสงบแค่ไหน เขาจะเปิดไซเรนและไฟเต็มที่ เพื่ออะไรไม่รู้

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะผู้ที่อยู่ในตำแหน่งเท่านั้น แต่จะอำนวยความสะดวกให้กับครอบครัวของคนเหล่านี้ด้วย ดังนั้น เรื่องรถนำเปิดไซเรนส่งลูกไปโรงเรียน ส่งภรรยาไปทำผม และสนุกสนานกับเพื่อนฝูง มีทุกวันครับ เป็นส่วนของสังคมอินโดฯ ที่ เป็นอันเข้าใจและเป็นที่รับรู้ โดยที่คนธรรมดาทั่วไปทำอะไรไม่ได้

ความเหลื่อมล้ำในสังคมมีเยอะ ขบวนทั้งหลายขับรถรวดเร็วในชั่วโมงเร่งด่วน โดยที่คนธรรมดาต้องหลบและต้องหลีกทาง แถมเวลาฝนตก ขบวนเหล่านั้นยิ่งไม่มีความเกรงใจ ใครยืนรอรถเมล์อยู่อาจถูกน้ำกระเด็นใส่ พวกนี้ไม่สน น้ำกระเด็นใส่ปุ๊บ วิ่งต่อโดยที่ไม่มีคำว่าขอโทษ

ดังนั้นเมื่อผมปูทางขนาดนี้แล้ว พวกเราคงเข้าใจความโกรธแค้นที่คนอินโดฯ มีต่อผู้มีอำนาจมายาวนาน ดังนั้นเมื่อ สส.เขาออกกฎหมายเพิ่มสวัสดิการ เพิ่มเบี้ย เพิ่มเงินเดือนให้ตัวเอง มากกว่าแก้ปัญหาชาวบ้าน อันนั้นคือจุดที่หนึ่งที่ทำให้คนไม่ทน แต่ในการที่ตำรวจพุ่งชนไรเดอร์ตายโดยที่ไม่แยแส ไม่สน แล้วไม่ดูแลนั้น อันนั้นละ คนอินโดฯ รับไม่ได้แล้ว

พอเจอสภาพอย่างนี้ทุกวันๆ พอเจอการเอาเปรียบ พอไม่มีที่พึ่ง อารมณ์โกรธแค้นที่ฝังลึกๆ ในใจมันระเบิดออกมาครับ

ให้ความเป็นธรรมกับคนในตำแหน่ง ไม่ใช่ทุกรายที่เอาเปรียบคนอินโดฯ และสังคมอินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่และข้าราชการดีมีเยอะ แต่บังเอิญคนที่เอาเปรียบ คนที่ไม่ได้เรื่อง มีเยอะพอที่จะทำให้คนอินโดฯ ไม่พอใจ และภาพพจน์ของระบอบทั้งหมดดูไม่ดี แต่ไม่ใช่ว่าคนที่ออกมาประท้วงจะเป็นผู้บริสุทธิ์ทุกรายนะครับ บรรดาผู้ยั่วยุมืออาชีพ ให้สถานการณ์บานปลายและเข้าสู่ความรุนแรงมีอยู่แล้ว และกลุ่มนี้จะทำมาหากินกับการชุมนุมทุกครั้ง

แต่ความโกรธแค้นที่คนอินโดฯ มีต่อสถานการณ์ มีจริงและมีมานานแล้ว ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าหลังสถานการณ์สงบลง และการชุมนุมสลายในตัว อินโดนีเซียจะคิดแก้ปัญหานี้อย่างไร? ต่อเมื่อผู้ที่ก่อเหตุ ผู้ที่สร้างปัญหา ดันเป็นผู้ที่เป็นต้นตอของปัญหาด้วยซ้ำ แถมจะเป็นผู้ที่ต้องแก้ปัญหา ด้วยตำแหน่ง ด้วยอำนาจหน้าที่ เลยเหมือนเป็นงูกินหางที่ไม่มีวันจะแก้ปัญหานี้ได้

คงไม่ต่างจากเวลาบ้านเรามีปัญหากับสื่อ และสื่อจะโวยวายว่าห้ามแตะ ห้ามยุ่ง เพราะเป็นการก้าวก่ายและแทรกแซง เพราะสื่อจัดการจรรยาบรรณเองได้ (ขอมองบนหน่อย) หรือเวลามีปัญหากับพระภิกษุสงฆ์ บอกว่าสำนักพุทธฯ และ/หรือ มหาเถรสมาคม จะจัดการปัญหาเอง (ขอมองบนอีกครั้งหนึ่ง) พวกเราเชื่อมั่นมากน้อยขนาดไหนครับ? ในอินโดฯ ไม่แตกต่างครับ

คนอินโดฯ ควรมีศักยภาพชีวิต ศักยภาพสังคม และศักยภาพประเทศที่ดีกว่านี้ แต่ตราบใดที่ผู้มีอำนาจ ผู้มีตำแหน่ง ผู้มียศ ไม่เห็นหัวและไม่สน ความโกรธแค้นจะทำให้เหตุการณ์การชุมนุมและการประท้วงที่เห็นตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดขึ้นได้สม่ำเสมอ และทุกเมื่อครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

SEA Games แบบไทยๆ

คงไม่มีข่าวอะไรที่คนสนใจเท่ากับเรื่องผู้มีชื่อเสียง ผู้มีอำนาจหลายท่านมีรูปถ่ายกับเบน สมิธ ซึ่งถ้าโลกสวยเมื่อบุคคลเหล่านี้บอกว่าไม่รู้จักเขา เพียงถ่ายรูปเฉยๆ

ถ้าต้นไม้ล้มในป่าแล้วคนไม่ทำคอนเทนต์ ไม่ลงรูปลงโซเชียล…จะมีเสียงไหม?

“ต้นไม้ที่ล้มในป่าจะมีเสียงหรือไม่ หากไม่มีคนอยู่ในที่นั่น?” หรือเป็นภาษาอังกฤษคือ “If a tree falls in a forest and no-one is around to hear it, does it make a sound?”

'คำพูดเป็นนายเรา'ยังจริงไหม?

เรื่องการกลับลำของประธานาธิบดี Donald Trump เกี่ยวกับ Epstein Files ผมว่าตลกดี เพราะตั้งแต่เป็นประธานาธิบดี Trump พูดแล้วพูดอีกว่า

'Thailand. Taiwan? Thailand. Taiwan?' Ok, yes. Taiwan.'

วันนี้ขออนุญาตเขียนเรื่องที่คนไทยทุกคนที่เคยใช้ชีวิตในต่างแดนเจอทุกๆ คน ยิ่งต่างแดนที่เป็นเมืองฝรั่งๆ หน่อย ผมกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่าคนไทย 100% ต้องเจอทุกคน

SNAP ดีหรือไม่ดี?

ในที่สุดท่าทีการยุติ Government Shutdown ในสหรัฐที่จะยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ใช่เพราะความพยายาม หรือการประนีประนอม

Back to the Future…

กราบสวัสดีแฟนคอลัมน์ทุกท่านครับ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันวันนี้ ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เดี๋ยวผมค่อยเล่า วันนี้ขออนุญาตเป็นเรื่องเบาๆ ซึ่งหลายคนอาจบอกว่าไร้สาระ หรือน่าหมั่นไส้ก็ได้ แต่ขอสักวันละกัน