
ในช่วงเปลี่ยนผ่านการเมืองไทย วันนี้ชื่อของ "นายกฯ หนู" อนุทิน ชาญวีรกูล ไม่ได้ปรากฏเพียงเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 แต่ยังสะท้อนภาพผู้นำที่เลือกเดินบนเส้นทางแตกต่าง และเส้นทางที่เน้น “ความร่วมมือ” มากกว่าความขัดแย้ง
ตลอดเวลากว่า 6 ปีที่ผ่านมา "อนุทิน" ได้มองเห็นปัญหาในเชิงโครงสร้างการเมืองชัดเจน โดยเฉพาะบรรยากาศแห่งความหวาดระแวง ที่ทำให้รัฐบาลในอดีตไม่สามารถขับเคลื่อนงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
พรรคหนึ่งคุมกระทรวงสำคัญ แต่อีกพรรคกลับไม่ยอมสนับสนุน เพราะกลัวผลงานจะไปเพิ่มคะแนนนิยมให้ฝ่ายตรงข้าม เขาจึงประกาศหนักแน่นว่า “สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลของผม” พร้อมวางหลักคิดชัดเจนว่า “คนละพรรคแต่พวกเดียวกัน สำคัญกว่าพรรคเดียวกันคนละพวก”
ท่าทีเช่นนี้ไม่เพียงสร้างความมั่นใจแก่พรรคร่วมรัฐบาล แต่ยังส่งสารเชิงบวกไปถึงประชาชน ว่ารัฐบาลอนุทินจะไม่ปล่อยให้ความต่างกลายเป็นรอยร้าว หากแต่จะใช้พลังของทุกฝ่ายมารวมกันเพื่อก้าวผ่านอุปสรรค
ในกรณีการล้างแค้นจากรัฐบาลที่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องการเมืองถูกโยงคดีฮั้ว สว. หรือที่ดินเขากระโดง ที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาจัดการ และข้าราชการกระทรวงมหาดไทยที่ใกล้ชิดถูกย้ายยกเข่ง
"นายกฯ หนู" ยืนยันว่ารัฐบาลจะบังคับใช้กฎหมายเต็มที่ ไม่มีช่วย ไม่มีแกล้ง ไม่มีเอาคืน พร้อมยึดหลักคำสอนจากบิดา "โกรธร้อยครั้งไม่เท่าอภัยครั้งเดียว" สะท้อนภาวะผู้นำที่ไม่เพียงรู้จักกฎหมาย แต่ยังรู้จักคุณค่าของการให้อภัยและการมองไปข้างหน้า
ด้านการบริหารนโยบาย "นายกฯ อนุทิน" เน้นย้ำความต่างจากอดีตเช่นกัน โดยจะไม่ใช่การกำหนดจากพรรคแกนนำฝ่ายเดียว แต่เปิดให้พรรคร่วมมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น เพื่อให้ทุกคนรู้สึกเป็นเจ้าของรัฐบาลร่วมกัน
“ร่างนโยบายของรัฐบาลจะทำให้เร็วที่สุด และให้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นมารับทราบด้วย ไม่ใช่ยัดเยียดเหมือนที่ผ่านมา เพราะพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีปากมีเสียงเลย เป็นนโยบายของพรรคแกนนำอย่างเดียว จึงมีปัญหาทำงานไม่มีความสามัคคี”
ทั้งหมดนี้คือความพยายามของผู้นำประเทศ ที่ต้องการยกระดับมาตรฐานจากการเมืองแห่งความระแวง สู่การเมืองแห่งความไว้ใจ.
ช่างสงสัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่ได้มีดีแค่ ‘เกษตร’
ถ้าใครเข้าไปรัฐสภา ถามหา มิสเตอร์เกษตร ตั้งแต่แม่บ้าน ตำรวจ ข้าราชการ ยัน สส. สว. รู้หมดว่าหมายถึง สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ สส.ชัยภูมิ พรรคภูมิใจไทย
'ทำอะไรต่อ?'
หลัง "เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร" สส.พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับกรณีจะไม่ลงสมัคร สส.กทม.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
'ไม่ตรงกับความจริง'
ช่วงนี้ภาคใต้บ้านเราน้ำท่วมหนักซะจนหาดใหญ่กลายเป็นเมืองบาดาลไปเลย ฝนเทลงมาแบบไม่ยั้งมือ จนชาวบ้านหลายคนบอกว่าเหมือนฟ้าผ่ากลางใจ ใครจะไปคิดว่าน้ำจะทะลักเข้ามาเร็วขนาดนี้ โดยเฉพาะในหาดใหญ่พื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของสงขลา
“ขอบคุณทุกน้ำใจ”
ช่วงนี้ถึงแม้ว่าน้ำท่วมอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จะลดลงในบางพื้นที่แล้ว แต่สิ่งที่หนักต่อมาคือผลกระทบหลังน้ำลด ที่ไม่ใช่มีแค่น้ำ แต่เป็นความสูญเสียทั้งเรื่องของสิ่งของและชีวิต รวมถึงจิตใจที่ต้องมีการฟื้นฟูด้วยเช่นกัน
ไม่ยอมป่วย
ช่วงนี้ภาระหนักเต็มมือ “นายกฯ หนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้งสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังไม่คลี่คลาย และมาเกิดเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่หัวหน้ารัฐบาลอย่างนายอนุทินต้องวางแผนบริหารจัดการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน
มีแต่คนรัก
ทุกๆ ครั้งที่กองทัพต้องเข้าไปมีบทบาทในเรื่องใดๆ หากต้องมีเรื่องการสื่อสาร เสธ.เบิร์ด-พล.ท.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ต้องถูกเรียกใช้งานเสมอ


