ละอายใจหรือไม่..คิดเอา!

“รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจน

ที่จะไม่สนับสนุนธุรกิจการพนัน ไม่มีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แบบมีกาสิโน และการพนันออนไลน์ที่ถูกกฎหมาย”

สิ้นคำคุณอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ไม่ทันไร คุณโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด

ก็..โผล่หน้าพูด “ต้องส่งเสริมให้ไทยมีกาสิโน เพราะปัจจุบันในความเป็นจริง มีกาสิโนอยู่มากมาย ขณะเดียวกันยังเพิ่มมูลค่าให้กับที่ดินได้ด้วย

ขณะเดียวกันจะมีรายได้จากการเก็บภาษีกาสิโน ซึ่งที่สิงคโปร์กำหนดให้กาสิโนต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เสียภาษีของกิจการอีก 17% ทำให้รัฐบาลมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ

 สำหรับที่มาเลเซีย รัฐบาลเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย 30% ส่วนที่มาเก๊าเก็บสูงถึง 35% ยังหักเพื่อสังคมอีก 2-3% รวมเกือบ 40% ของรายได้สุทธิของกาสิโน

สหรัฐฯ เสียภาษี 7.5%-32% (มลรัฐอินดีแอนา) ของรายได้สุทธิ โดยรายได้จำนวนมหาศาลนี้สามารถนำมาพัฒนาประเทศได้...

การใช้กาสิโนเป็นตัวชูโรง จึงคุ้มค่ามาก การพัฒนากาสิโนจึงเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจ”

ลงท้าย..ก็อืมม สนับสนุนให้มีกาสิโน เพราะเป็นการ “พัฒนาอสังหาริมทรัพย์” นี่เอง ก็เห็นต้องรอให้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล และอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร เป็นนายกฯ นู่นแหละ..

 คุณโสภณจึงจะสมหวังได้เห็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์!

เอ้า..แล้วนั่นก็จะได้เห็นกัน เพราะคุณสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้พูดถึงนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ในการให้ไฟเขียวการรถไฟแห่งประเทศไทย ฟ้องผู้ครอบครองพื้นที่รายแปลง ปมเขากระโดง ว่า..

“เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการฟ้องร้องผู้ครอบครองพื้นที่รายแปลง

เพื่อให้ศาลพิจารณาชี้ขาด มากกว่าการใช้อำนาจฝ่ายปกครองไปบีบบังคับประชาชน

การฟ้องร้องในครั้งนี้ ไม่ใช่การรังแกประชาชน แต่เป็นการเปิดช่องให้ประชาชนได้พิสูจน์สิทธิอย่างเต็มที่ หากมีหลักฐานที่ชัดเจน ก็สามารถต่อสู้ และได้รับความเป็นธรรม

 นี่คือวิธีที่ถูกต้อง และยุติธรรม หากประชาชนมีเอกสารสิทธิที่ดีกว่าก็ชนะ และอยู่ในที่ดินได้อย่างสงบสุข จบปัญหาอย่างถาวร

ที่ผ่านมาเคยมีคดีที่ประชาชนร้องขอโฉนด 35 แปลง แต่แพ้การรถไฟฯ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับคดีที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน จึงไม่ควรสับสนหรือเหมารวม

ผมขอปรบมือให้รัฐมนตรีคมนาคม การดำเนินการเช่นนี้คือการใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย”

ครับ..ผมก็ขอปรบมือให้รัฐมนตรี-คุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ ด้วยคน และคงได้เห็นการรถไฟฯ ลงมือ-ลงดาบฟ้องในเร็ววัน!

เออ..และนั่นก็ต้องปรบมือให้เช่นกัน ผมหมายถึง “คุณจ๊ะ-นงผณี มหาดไทย” นักร้องลูกทุ่งสาวคนดัง ที่ได้แสดงพลังน้ำใจร่วมบริจาคเงินจำนวน 100,000 บาท

 ให้แก่ “กองทุนหทัยทิพย์” ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ เพื่อร่วมสร้าง “กำแพงและบังเกอร์” เสริมความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

"จ๊ะร่วมสร้างกำแพงและบังเกอร์ป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชา 100,000 บาท เอาบุญมาฝากทุกคนนะคะ ขอบคุณแผ่นดินไทยที่ทำให้จ๊ะมีแผ่นดินทำมาหากินเลี้ยงชีพและครอบครัว"

ขอบใจนะ (จ๊ะ)..ส่วนศิลปิน ดารา นักร้องท่านอื่น หากไม่มีความพร้อมก็อย่าได้กังวลหรือซีเรียสที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ใจคิด-ต้องการ

เพราะยามนี้ก็เป็นที่เข้าใจ บางคนมีงานแสดง-งานโชว์ไม่ขาดมือ แต่หลายคนมีแต่ “ความว่างเปล่า” ในแต่ละมื้อ-แต่ละวัน ต้องดิ้นรนสู้เพื่อปากท้องตัวเอง-ครอบครัวอยู่เลย!

ไม่ได้บริจาคเงินทองก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้สำนึก ไม่ขอบคุณแผ่นดิน แต่ถ้ามีกิน-มีใช้จนเหลือล้นแล้วไม่ได้สร้างกุศล-ผลบุญใดๆ..

ควรละอายใจหรือไม่..ก็คิดเอา!

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ระวังจะโดนย้อนศร

เรื่องนี้ต้องขยาย.. ผมหมายถึง “ยอดคนตาย” จากมหาอุทกภัยหาดใหญ่น่ะ เพราะหลังจาก นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลง..

ต่างฝ่ายต่างโกง?

ดารา-นักแสดงถูกเบี้ยวค่าตัว! ความจริงก็ใช่ว่าเพิ่งมาเกิดเอายุคปัจจุบัน-ตอนนี้..สมัยนู้นนน ในยุคพระเอก-นางเอกคู่ขวัญ “มิตร ชัยบัญชา-เพชรา เชาวราษฎร์” และ “สมบัติ เมทะนี-อรัญญา นามวงศ์”..

ความคิดหลุดโลก?

แค่นายกฯ อนุทินหยอดมุก.. “อยากนามสกุล ‘หลีกภัย’ แต่เจอเข้าไป 4 ภัย ทั้งภัยเศรษฐกิจ ภัยความมั่นคง ภัยสังคม และภัยธรรมชาติ”

‘ตลก’ไม่ทิ้งกัน!

“เต็มที่แล้ว เต็มที่จริงๆ ผมทำดีที่สุดแล้ว” นี่.. “นายกแป้น” คุณณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้บอกผู้สื่อข่าว หลังจากที่ประกาศก่อนหน้าว่า..

เขต 8 แดนเจอรัส?

น้ำลด..เขต 8 โผล่! ทีนี้ ก็เป็นหน้าที่ของ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” แล้วล่ะ จะปฏิบัติการกวาดล้างพวก “มนุษย์ขยะ” เฮงซวย-เส็งเคร็ง ที่สร้างความเสื่อมเสียให้ชาวเมืองหาดใหญ่กันอย่างไร?

‘กับดัก’ ความเชื่อมั่น?

สส.จังหวัดสงขลา มี 9 คน 9 เขต.. พรรคประชาธิปัตย์ยึดไป 6 เขต 6 คน ที่เหลือพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย แบ่งกันไปเขตละคน