แก้น้ำท่วมแบบ ‘ดร.เอ้’

แม้ข่าวคราวน้ำท่วมจะเริ่มจาง เพราะถูกกลบด้วยสถานการณ์อื่นๆ ในประเทศที่หวือหวากว่า แต่หลายพื้นที่ขณะนี้ยังสาหัสอยู่ 1 ในพรรคการเมืองที่เกาะติดปัญหาดังกล่าว โดยพยายามหาวิธีแก้ไขแบบถาวร กลายเป็นพรรคน้องใหม่ ที่แม้จะไร้ สส.ในสภา แต่ลุยเรื่องนี้จริงจัง คือ พรรคไทยก้าวใหม่ ของ ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์

ไม่กี่วันก่อน ดร.เอ้ ไปทั้งพื้นที่ต้นน้ำอย่าง จ.น่าน และที่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา อำเภอที่ท่วมซ้ำซาก ที่คนอื่นมองว่าเป็นวิถีชีวิต แต่คนที่นั่นไม่คิดเหมือนทั่วไป อยากจะหลุดจากปัญหานี้เช่นกัน

ที่ จ.น่าน ดร.เอ้ ไปทั้งที เลยถือโอกาสรับฟังทุกปัญหาจากคนน่าน พร้อมกับมีข้อเสนอแนะออกมาหลายมิติ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ น้ำท่วม ตลอดจนเรื่องระบบการศึกษา

ซอยย่อยๆ ออกมาได้ประมาณนี้ 1.สินค้าท้องถิ่น ขาดช่องทางขายสู่ตลาดระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ ผ้าทอ สินค้าเกษตรแปรรูป โดยพรรคมีนโยบาย ‘สร้าง Ecosystem นวัตกรรม จากอุปสรรคสู่ก้าวใหม่ทางธุรกิจ’ มุ่งพัฒนาระบบนิเวศให้เอื้อต่อ SME โดยการตั้งศูนย์นวัตกรรมภูมิภาค (Regional Innovation Hub) เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างรัฐ–เอกชน–สถาบันการศึกษา

2.น้ำท่วมซ้ำซาก หนักขึ้นทุกปี ‘พรรคไทยก้าวใหม่’ มีแนวทางสร้างฝายชะลอน้ำหลาก ทั้งฝายคอนกรีต และฝายแกนซีเมนต์ เพราะสามารถชะลอน้ำหลากในฤดูฝนได้ และลดปัญหาการพังทลายของดิน เพิ่มความชุ่มชื้นให้ระบบนิเวศ เหมาะกับภูมิประเทศที่เป็นภูเขา ไม่เพียงเท่านั้น ยังสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ต้นน้ำเป็นแก้มลิง กักเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในฤดูแล้ง

 3.คนเก่ง ไปเรียนที่อื่น แล้วไม่กลับบ้าน ระบบการศึกษาในน่านยังขาดความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจในพื้นที่ ดร.เอ้ มีนโยบาย สร้างคนใหม่ พลิกโฉมการศึกษา จากภาระเป็นพลัง มอบทุน ‘เรียน–ทำ–กลับบ้าน’ ให้เยาวชนที่เรียนจบแล้วกลับมาทำงานในจังหวัด โดยรัฐและเอกชนร่วมสนับสนุน

ดร.เอ้ มองว่า การปฏิรูปด้วยหลัก ‘การศึกษา–นวัตกรรม–ความยั่งยืน’ คือกุญแจที่จะเปลี่ยนเมืองน่านจากพื้นที่ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังให้กลายเป็นเมืองนวัตกรรมสีเขียวของภาคเหนือ โดยมีคนท้องถิ่นเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลง

เรียกว่า ลงพื้นที่รับฟังปัญหาปุ๊บ กลับมาหาทางแก้ไขได้ปั๊บ ทำงานไว เข้าใจโครงสร้าง ตามสไตล์ ดร.เอ้ จริงๆ.

ฌ.เฌอ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ไผ่' มา 'ไอซ์' ไป

การเลือกตั้งครั้งนี้คึกคัก หลายพรรคเนื้อหอม มีนักการเมืองทยอยมาสมัครไม่ขาดสาย หนึ่งในนั้นคือพรรคกล้าธรรมของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค ที่ราวกับมีแม่เหล็กดึงดูดบรรดา สส.

‘เซนส์’ ที่ดี

นอกจาก “นายกฯ หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จะเป็นคนเหนือโพล ดวงดี และจังหวะตัดสินใจทางการเมืองดีแล้ว

'เสือกระดาษ' ยามสงคราม

สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรยังคงเดือดขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือน ก.ค. 68 ที่ปะทะกันแถวปราสาทตาเมือนธม จนเลือดตกยางออก พลเรือนไทยเจ็บตายระนาว โรงพยาบาลโดนถล่ม แต่ทำไม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)

“พบกันในสนามอ่างทอง”

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการยุบสภา ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 และ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา

สู้เต็มที่

เตรียมพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งกันทุกพรรคในเวลานี้ ภายหลังรัฐบาลประกาศยุบสภา ซึ่งหนึ่งในพรรคที่พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งมากคือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ที่ก่อนหน้านี้ได้ร่อนแถลงการณ์ทันที โดยมองว่าการยุบสภาไม่ส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาหลายสถานการณ์ที่รุมเร้าประเทศ

‘เสี่ยโอ๋’ ทำพรรคเอง

ปลีกตัวออกจาก ลุงป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังอยู่ช่วยงานพรรคมาตั้งแต่ปี 2562 ทุ่มเทไม่ว่าจะสวมบทบาทฝ่ายนิติบัญญัติ หรือฝ่ายบริหาร