
กราบสวัสดีแฟนคอลัมน์ทุกท่านครับ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันวันนี้ ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เดี๋ยวผมค่อยเล่า วันนี้ขออนุญาตเป็นเรื่องเบาๆ ซึ่งหลายคนอาจบอกว่าไร้สาระ หรือน่าหมั่นไส้ก็ได้ แต่ขอสักวันละกัน
เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมต้องงดคอลัมน์ไปหนึ่งสัปดาห์ เพราะผมหาเวลาเขียนไม่ลงตัวจริงๆ เนื่องจากผมพาครอบครัวไปเที่ยวสิงคโปร์ครับ ซึ่งเป็นการเดินทางออกนอกประเทศของลูกชาย เคยมีความพยายามและความตั้งใจจะพาไปเที่ยวกัน แต่โลกเจอโควิด และมีอุปสรรคอื่นๆ ในชีวิตครอบครัวที่ไม่เปิดโอกาสให้ไปได้ จนเวลาล่วงเลยหลายปี และทำให้เขารู้สึกเป็นปมของเขา ที่เพื่อนๆ ไปเที่ยวต่างประเทศเกือบหมด เว้นแต่เขา
ผมพยายามบอกเขาว่า มันไม่ใช่ประเด็นใหญ่ หรือปมอะไรทั้งสิ้น ผมพยายามบอกว่า เขายังโชคดีที่มีพ่อแม่ที่รัก มีพี่ที่รัก มีย่ามียายที่รัก มีชีวิตที่อบอุ่น และ (หวังว่า) ไม่ขาดอะไร ซึ่งเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ในโลก ถือว่าเขาโชคดี
แต่อย่างว่า เด็กอายุ 8 ขวบ เห็นและเข้าใจสิ่งที่เขาเห็นและเข้าใจ เลยตั้งใจพาไปเที่ยวสิงคโปร์ในช่วงปิดเทอมของเขา และบอกเลยว่าเขาตื่นเต้นยิ่งกว่าอะไร ผมไม่อยากคิดเลยว่า ถ้าอยู่ๆ ต้องยกเลิก ปรับแผน หรือเลื่อนออกไป เขาจะทำหน้าเศร้าขนาดไหน ซึ่งเขาคงไม่งอแง ไม่ร้องไห้ ไม่เหวี่ยง ไม่ฟัด และไม่อาละวาด แต่ด้วยสายตา เราจะรู้ว่าเขาผิดหวัง และผมจะนอนไม่หลับ
กว่าจะลงตัวกันได้ว่า เอาช่วงเวลานี้ถึงเวลานั้น ใช้เวลานานพอสมควร แต่ตั้งใจพาลูกไปเที่ยวให้ได้ และในที่สุดก็ตกลงกันว่า ระหว่างวันที่ 14 ตุลา. จนถึง 18 ตุลา. เราจะไปเที่ยวสิงคโปร์กัน เหตุผลที่เลือกสิงคโปร์ เพราะมันง่ายครับ เป็นประเทศ/เมืองที่สะดวก ไม่อยากให้ประเทศแรกเป็นประเทศที่วุ่นวาย สับสน ชุลมุน อยากให้ทุกอย่างเรียบง่าย แต่ไม่เรียบง่ายจนน่าเบื่อ
คือตัวผมเองไปสิงคโปร์หลายต่อหลายรอบ เลยคิดว่า “หมู” ในการเดินทางและพาไปเที่ยว แต่ผมลืมคำนึงและนึกถึงว่าผมไม่ได้ไปในฐานะนักท่องเที่ยวเป็นเวลาหลายสิบปี เลยต้องปรับทัศนคติของผม ปรับแนวความคิดและแผน ว่าจะต้องคำนึงถึงลูกผม 2 คน และภรรยาที่ไม่ได้ไปบ่อย ว่าจะต้องวางแผนและเที่ยวสิงคโปร์ ผ่านสายตาคนที่ไม่เคยไป บอกเลยครับ คราวนี้ผมเป็น Tourist เต็มตัว
ไปสถานที่ท่องเที่ยว ถ่ายรูปตามแหล่งท่องเที่ยว ซื้อบัตร Public Transportation เป็นบัตรนักท่องเที่ยว ภรรยาและลูกๆ อยากไปไหน ถึงแม้เราจะไม่มีวันอยากไปก็ตาม คราวนี้ไป เพื่อให้เขาเห็น ให้เขามีประสบการณ์
บอกเลยว่าการเห็นหน้าของเด็กๆ ผู้บริสุทธิ์ เวลาเขาเห็นสิ่งที่เขาเห็นแต่ในจอโทรทัศน์เป็นครั้งแรก แบบสดๆ เป็นๆ เห็นเขาอ้าปากด้วยความทึ่ง ด้วยความประทับใจ แค่นี้แหละครับ ทำให้ผมกับแฟนผมรู้สึกอิ่ม แล้วผมบอกเขาว่า การเดินทางทุกครั้ง ไม่ว่าจะใกล้ไกลขนาดไหนก็ตาม ถึงแม้ต้องใช้สตางค์ ถึงแม้ต้องใช้งบ สิ่งที่คุ้มค่าและจะอยู่กับเราตลอดไปไม่ใช่ Souvenir หรือของที่ซื้อ แต่เป็นความทรงจำและประสบการณ์ ที่จะอยู่กับเราตลอดไป
อีก 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า เขาจะไม่มีวันจำได้ว่าเขาซื้ออะไรจากสิงคโปร์ในครั้งนี้ แต่เขาจะมีความทรงจำที่ฝังอยู่ในใจ ที่ให้เราพูดคุยกันตลอดไป ผมจึงต้องงดเขียนสัปดาห์ก่อนครับ เพราะพาครอบครัวไปเที่ยวสะสมประสบการณ์
แต่….เรื่องไม่จบแค่นี้
ผมมีความจำเป็นต้องกลับไทยเร็วขึ้นหนึ่งวัน เพราะผมจะต้องกลับมาเลือกหัวหน้าพรรคใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่สมัครวันแรกจนถึงวันนี้ ผมไม่ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิก ทั้งๆ ที่คนอื่นลาออกด้วยเหตุผลต่างๆ นานาหลายท่าน แต่ผมไม่ออกเพราะ… ผมไม่รู้จะไปไหน (!!!!) หรือพรรคอื่นไม่เอาผมมากกว่า (?) อย่าหาว่าผมอย่างงั้นอย่างงี้ ผมเข้าใจคนภายนอกอาจมองพรรคผมว่า เมื่อพูดถึงคุณชวน หลีกภัย หรือบรรพบุรุษอื่นๆ ของพรรคจะต้องน้ำตาไหล และลงไปกราบ 3 หน
ผมเข้าใจว่าทำไมหลายคนอาจไม่ชอบและหมั่นไส้พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่ว่ากัน แต่สำหรับผม นี่คือบ้าน นี่คือสถานที่เกิดของผมทางการเมือง ย้อนเวลากลับไปครับ ในช่วงที่เป็นที่รู้ว่าผมจะลงเลือกตั้งปี 2544 นั้น หลังจากที่ผมเดินเข้าพรรค ข่าวออกไปว่าผมจะเล่นการเมือง เลยมีพรรคนี้พรรคนั้นติดต่อเพื่อทาบทามและเสนอเงื่อนไข
ผมเปิดเผยกับพรรคว่าผมขออนุญาตคุยกับพรรคอื่น เพราะไม่อยากคุยลับหลังและให้เขารู้ทีหลัง ผมได้คุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่สนิทกับคุณพ่อผมที่เป็นกูรูทางการเมือง จะเป็นเพื่อนคุณพ่อที่ทำสื่อด้วยกัน บอกเลยครับคุณลุงคุณอาทั้งหลาย ทุกคนพูดเสียงเดียวกันว่า “เวลานี้อย่าเข้าประชาธิปัตย์เลย เขากำลังจะตายอยู่แล้ว” มีพรรคที่กำลังมาแรง (ซึ่งไม่ใช่ไทยรักไทย) ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันหมด ผู้นำคนนี้มาแรง ไฟแรง และมีความพร้อมที่จะกวาดกรุงเทพฯ พร้อมจะเป็นแกนนำรัฐบาล และเป็นผู้ที่พึ่งพาได้
ลุงน้าอาทั้งหลายบอกว่า ถ้าเข้าประชาธิปัตย์ มีแต่โดดเดี่ยว และไม่มีใครคบ
ผมคุยทั้งหมด 7 คนครับ ทั้ง 7 คนพูดเป็นเสียงเดียวกัน ซึ่งทำให้ต้องคิด เพราะลุงน้าอาทั้งหลายมีประสบการณ์ทางการเมืองเยอะกว่าผม และเขามีเหตุผลที่ดี เขาให้คำปรึกษากับลูกของเพื่อนรักเขา ดังนั้นเขาหวังดีและพูดตรงไปตรงมา แล้วผมยอมรับว่า คุยกับใครต่อใครเสร็จทุกครั้ง ผมคิดหนักและไขว้เขวพอสมควร
แต่สิ่งเดียวที่ทำให้ผมเลือกประชาธิปัตย์ คือความศรัทธาที่ผมมีต่อคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ครับ
เราไม่รู้จักกันเป็นส่วนตัว เรารู้จักกันผ่านสื่อ และเคยพบคุณอภิสิทธิ์ในงาน ยกมือไหว้ทักทาย แต่ด้วยความศรัทธาส่วนตัวที่ผมมีต่อเขาอยู่แล้ว และเกียรติที่เขาให้ผมในการเสนอเงื่อนไขที่จะให้ผมเข้าพรรค ผมจึงไม่คิดไปที่อื่น พรรคอื่นมีเงื่อนไขที่ดีเยี่ยมทุกพรรค แต่พรรคประชาธิปัตย์ (ผ่านคุณอภิสิทธิ์) เสนอให้ผมลงเขตเลือกตั้งแทนเขา เนื่องจากคุณอภิสิทธิ์ต้องขึ้นบัญชีรายชื่อ
ผมบอกไม่ถูกครับ ผมปลาบปลื้มและรู้สึกได้รับเกียรติเต็มที่ บอกเลยว่าถ้าผมได้ไปพรรคอื่นด้วยเงื่อนไขสุดยอดทั้งหลาย ป่านนี้ผมคงมีเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวก็ได้ เงื่อนไขทั้งหลาย (สำหรับผม) สู้ศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจที่คุณอภิสิทธิ์เสนอให้ผมตอนนั้น และในที่สุดผมชนะการเลือกตั้งด้วยความห่างแค่ 102 คะแนน
ขยับเวลาไปที่การเลือกตั้งครั้งถัดไปที่ผมแพ้การเลือกตั้ง และไทยรักไทยตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ พอคะแนนออกมาว่าผมแพ้ ผมเจ็บปวดและหมดแรง แต่คุณอภิสิทธิ์โทร.มาพูดสั้นๆ ว่า “เราไม่ทิ้งกัน”…..และเขาไม่ทิ้งจริงๆ
ถ้าอย่างงั้นเรื่องอะไรผมจะไม่กลับมาจากสิงคโปร์เร็วขึ้นหนึ่งวัน? ผมทำด้วยความเต็มใจ ซึ่งก่อนที่ผมจะขึ้นเครื่อง เที่ยงวันเวลาสิงคโปร์ ในวันที่ 17 ตุลา.นั้น คุณอภิสิทธิ์โทร.มาถามว่ากลับทันไหม และถามทุกข์สุขต่างๆ นานา ผมบอกว่ากลับทัน กำลังอยู่สนามบิน รอขึ้นเครื่องอยู่ ก่อนวางคุณอภิสิทธิ์บอกว่า “ผมจะเสนอให้คุณเป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลต่างประเทศทั้งหมด” (!!!!!)
อย่างที่บอกครับ ใครจะหมั่นไส้หรือไม่ชอบพรรคผมอย่างไร หรืออาจไม่ชอบผมแล้วเพราะบทบาทที่ผมมีอยู่ในพรรค ว่ากันไปครับ แต่ผมเป็นคนเดิม เป็นคนเดียวกันกับที่เขียนคอลัมน์นี้เป็นประจำ ผมเคยมีความศรัทธาต่อพรรคประชาธิปัตย์ กับคุณอภิสิทธิ์ เมื่อครั้งแรกที่ตัดสินใจเข้าการเมืองเมื่อ 25 ปีที่แล้วอย่างไร วันเวลาไม่ได้เปลี่ยนใจผมครับ
ส่วนเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว….ว่ากันไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
10ธันวาคมเป็นวันเปลี่ยนโลก?
สถานการณ์ไทย-กัมพูชา เป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าจะถึงจุดนี้ และไม่น่ามีด้วยซ้ำ เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไรครับ? เรามาถึงจุดที่เพื่อนบ้าน 2 ประเทศ ถึงแม้จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นเรียบร้อย แต่ไม่ถึงกับเกลียดชังและพร้อมฆ่ากันเหมือนทุกวันนี้ คนทั้ง 2 ฝ่ายต้องสูญเสียชีวิต ต้องอพยพ
SEA Games แบบไทยๆ
คงไม่มีข่าวอะไรที่คนสนใจเท่ากับเรื่องผู้มีชื่อเสียง ผู้มีอำนาจหลายท่านมีรูปถ่ายกับเบน สมิธ ซึ่งถ้าโลกสวยเมื่อบุคคลเหล่านี้บอกว่าไม่รู้จักเขา เพียงถ่ายรูปเฉยๆ
ถ้าต้นไม้ล้มในป่าแล้วคนไม่ทำคอนเทนต์ ไม่ลงรูปลงโซเชียล…จะมีเสียงไหม?
“ต้นไม้ที่ล้มในป่าจะมีเสียงหรือไม่ หากไม่มีคนอยู่ในที่นั่น?” หรือเป็นภาษาอังกฤษคือ “If a tree falls in a forest and no-one is around to hear it, does it make a sound?”
'คำพูดเป็นนายเรา'ยังจริงไหม?
เรื่องการกลับลำของประธานาธิบดี Donald Trump เกี่ยวกับ Epstein Files ผมว่าตลกดี เพราะตั้งแต่เป็นประธานาธิบดี Trump พูดแล้วพูดอีกว่า
'Thailand. Taiwan? Thailand. Taiwan?' Ok, yes. Taiwan.'
วันนี้ขออนุญาตเขียนเรื่องที่คนไทยทุกคนที่เคยใช้ชีวิตในต่างแดนเจอทุกๆ คน ยิ่งต่างแดนที่เป็นเมืองฝรั่งๆ หน่อย ผมกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่าคนไทย 100% ต้องเจอทุกคน
SNAP ดีหรือไม่ดี?
ในที่สุดท่าทีการยุติ Government Shutdown ในสหรัฐที่จะยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ใช่เพราะความพยายาม หรือการประนีประนอม

