
ในที่สุดท่าทีการยุติ Government Shutdown ในสหรัฐที่จะยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ใช่เพราะความพยายาม หรือการประนีประนอม หรือต่อรองของรัฐบาลทรัมป์กับพรรคเดโมแครต หรือจากความตั้งใจของทรัมป์ที่อยากจะคลี่คลายปัญหาคนอเมริกัน
แต่จุดชนวนที่อาจทำให้ยุติ Government Shutdown คือความโกรธแค้น ความยากลำบาก และความเดือดร้อนของคนอเมริกันจำนวน 1 ใน 8 (ประมาณ 42 ล้านคน) ของประชากรในสหรัฐ ที่รับผลกระทบจาก Shutdown ในครั้งนี้เสียมากกว่า
ในช่วงแรกของ Shutdown คนจะพูดถึงเรื่องข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อาจไม่ได้รับเงินเดือน ไม่ได้รับค่าตอบแทน และไม่ได้รับสวัสดิการอะไร รวมถึงเรื่องหน่วยงานต่างๆ ที่อาจได้รับผลกระทบ เช่น อุทยาน แหล่งท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ ที่อาจต้องปิดตัวชั่วคราว เพราะไม่มีเงินสนับสนุนตลอดเดือนตุลาคม ทั้ง 2 พรรคโต้กันไปโต้กันมาว่าใครคือต้นเหตุ และความผิดอยู่ที่ใคร เอาเข้าจริง สื่อไม่ได้รายงาน Shutdown อย่างถี่ถ้วนเท่าไหร่นัก สื่อไม่ได้รายงานผลกระทบเท่าที่ควร
แต่มีสัญญาณที่หลายคนเฝ้าระวัง คือตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นมา คนอเมริกันประมาณ 42 ล้านคนจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐอย่างที่เคยรับทุกเดือน ตรงนั้นละครับจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการ Shutdown ในครั้งนี้จะมีผู้เดือดร้อน รับผลเต็มๆ จากการทะเลาะกันระหว่าง 2 พรรค
ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เงินสนับสนุนโครงการ SNAP จะไม่มีเงินช่วยเหลือจนกว่างบประมาณจะเข้า SNAP ย่อมาจาก Supplemental Nutrition Assistance Program ริเริ่มปี 1964 ยุคประธานาธิบดี Lyndon B. Johnson วัตถุประสงค์ของ SNAP คือช่วยเหลือคนยากจน หรือผู้มีรายได้น้อย ให้มีงบสนับสนุน มีเงินซื้ออาหาร ซื้อของในตลาด แก้ปัญหาการหิวของคนที่มีรายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัวตัวเอง
อีกชื่อที่คนจะคุ้นเคยกันนอกจาก SNAP คือ Food Stamp กลุ่มคนที่รับความช่วยเหลือจาก SNAP ไม่ใช่กลุ่มคนยากจนอย่างเดียว มีกลุ่มเยาวชน ผู้สูงอายุ ทหารผ่านศึก และคนพิการ ที่มีสิทธิ์เข้าโครงการนี้ด้วย วัตถุประสงค์ SNAP คือช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้ให้มีอาหารการกินให้ได้ ท่ามกลางค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นทุกวันๆ ถือว่าเป็นโครงการที่มีมายาวนาน และเป็นโครงการที่มีประสิทธิภาพ
งบประมาณมาจาก Farm Bill เป็นจำนวนเงินประมาณ 99.8 Billion เหรียญสหรัฐต่อปี ซึ่งฟังดูแล้วเป็นเงินมหาศาล และน่าจะเปิดช่องทางให้มีการ ทุจริต หรือกินหัวคิวแทบทุกหนทางใช่ไหมครับ? หรือดีไม่ดี เป็นโครงการที่ซื้ออาหารเน่า นมบูด หรือของเสีย แต่ความจริงไม่ใช่เลยครับ
เมื่อพูดถึงงบ 99.8 Billion ฟังดูแล้ว เงินที่เข้ากระเป๋าทุกคนที่เข้าโครงการน่าจะเยอะ แต่เฉลี่ยแล้วเงินตกอยู่ประมาณ 187 เหรียญฯ ต่อเดือนต่อคน (6,000 บาท) วิธีการกระจายงบประมาณคือ เงินมาจากรัฐบาล กระจายผ่านแต่ละรัฐ และแต่ละรัฐจะโอนเข้าบัญชีพิเศษของผู้มีสิทธิ์เข้าโครงการ ซึ่งมีเงื่อนไขว่า ทุกคนที่เข้าโครงการซื้อได้เฉพาะอาหารกับเครื่องดื่มเท่านั้น จะซื้อบุหรี่ เหล้า เสื้อผ้า เติมน้ำมัน จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า หรือแม้แต่อาหารตามร้านอาหารไม่ได้นะครับ อาหารกับเครื่องดื่มที่ซื้อได้คือซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้น
แล้วรัฐจะมีกฎเกณฑ์และมาตรฐานที่แตกต่างกันออกไปกับผู้มีสิทธิ์เข้าโครงการ จะต้องแสดงบัญชี แสดงทรัพย์สิน แสดงรายได้ที่มีอยู่ และใบรับรองจากงาน (ถ้าทำงาน) แต่ละรัฐจะมีเส้นตัด ที่จะเข้าข่ายกลุ่มคนยากจนของเขา ผู้มีสิทธิ์เข้าโครงการ SNAP จะต้องอยู่ต่ำกว่าเส้นตรงนี้ถึง 130% ซึ่งแต่ละรัฐจะมีตัวเลขแตกต่างกัน
วิธีการช่วยเหลือคือ ผู้มีสิทธิ์เข้าโครงการจะต้องแสดงจำนงและสมัครที่สำนักงานเขต หรือทางออนไลน์ ถ้าเข้าข่ายเมื่อไหร่ปุ๊บ ทางรัฐจะแจกการ์ดใบหนึ่ง พร้อมเปิดบัญชีพิเศษ การ์ดใบนี้เรียกว่า Electronic Benefit Transfer (EBT) Card ซึ่งทำหน้าที่คล้ายๆ กับบัตรเดบิตครับ แต่ละเดือนรัฐจะโอนเงินเข้าบัญชีนี้ เพื่อให้ผู้มีสิทธิ์ใช้บัตรซื้ออาหารและเครื่องดื่มได้
วงเงิน 6,000 บาท ฟังดูไม่มาก แต่สำหรับผู้มีรายได้น้อย เป็นการช่วยเหลือเขาได้ดี เขาจะได้จัดสรรงบประมาณแต่ละเดือนไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า ค่าเล่าเรียน และเรื่องอื่นๆ ถือว่า SNAP ช่วยเหลืออย่างดี เพราะเป็นโครงการที่แทบไม่มีเรื่องทุจริต ไม่มีเรื่องการโกงกิน ไม่มีการกินหัวคิว เป็นโครงการที่มีไว้ช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ
ผมจำได้ว่า สมัยผมเด็กๆ มีเพื่อนบางคนที่ต้องเข้าข่ายเข้าโครงการนี้ สมัยนั้นไม่ได้เป็นบัตรเดบิต แต่เป็นแสตมป์อาหารจริงๆ หน้าตาเหมือนคูปอง เวลาไปตลาดจะต้องยืนนับแสตมป์อาหารทีละใบๆ ให้แคชเชียร์ ซึ่งเขาเคยสารภาพกับผมว่าเป็นสิ่งละอายใจมาก และเขาเขินที่จะต้องทำ แต่มันจำเป็นต้องทำ ไม่งั้นเขาไม่มีเงินพอซื้ออาหารในแต่ละเดือนเลย
เห็นคนต้องใช้แสตมป์อาหาร และมีคนรอบๆ ยืนมองด้วยความน่าสมเพช สงสารก็มี แต่บางคนมองด้วยความรำคาญ และพูดออกมาให้ได้ยินว่า “แขนขาก็ดีเนี่ย ทำไมไม่ทำงานวะ?” ผมได้ยินกับหูเพราะ มีอยู่ครั้ง 2 ครั้ง ผมไปกับเพื่อนที่ต้องใช้แสตมป์อาหาร ผมยังเขินและอายแทน ซึ่งตามธรรมชาติของคนทั่วไป เวลานึกถึงใครที่ต้องเข้าโครงการ SNAP แบบนี้แล้ว สิ่งแรกที่คิดเข้าในหัวคือ “ทำไมภาษีกูต้องเสียกับคนเหล่านี้?”
จะมีภาพพจน์ติดลบว่า คนที่เข้าโครงการ SNAP คิดเอาเปรียบรัฐ ไม่อยากทำงานอะไร ไม่อยากช่วยเหลือตัวเอง เพราะแต่ละเดือนรัฐให้เงินสนับสนุนอยู่แล้ว ภาพลบที่ออกมาคือ คนเหล่านี้ขี้เกียจ ไร้ประโยชน์ ขี้เหล้า ขี้ยา หวังให้คนอื่นช่วยตลอดเวลาโดยที่ไม่พึ่งพาตัวเอง พูดง่ายๆ ครับ เป็นภาระของสังคม
ผมบอกเลยว่า ในจำนวน 42 ล้านคนที่รับการสนับสนุนจาก SNAP ถามว่ามีกลุ่มแบบนี้บ้างไหม มีอยู่แล้วครับ เพราะในทุกสังคมมีคนเกิดมาพร้อมสันดานอยากเอาเปรียบคนอื่นอยู่แล้ว และไม่ละอายใจที่จะเอาเปรียบคนอื่นด้วย แต่โครงการนี้ช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ คนที่มีงานทำอยู่ คนที่มีครอบครัว เพียงแต่มีรายได้น้อย เขาไม่ติดยา เขาไม่ติดเหล้า เพียงแต่เขาต้องสู้ชีวิต และความช่วยเหลือจาก SNAP ช่วยเหลือเขาได้ดี
ปัญหาอยู่ที่ว่าระหว่าง Shutdown ในโลกโซเชียล SNAP กลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่ฝ่าย MAGA ใช้เพื่อแบ่งแยกสังคม เขาพยายามวาดภาพว่าคนที่เข้าโครงการ SNAP เป็นขี้เหล้า ขี้ยา เอารัดเอาเปรียบคนอื่น คือพูดง่ายๆ ครับ เป็นกลุ่มที่ชอบคิดและพูดว่า “แขนขาดีเนี่ย ทำไมไม่ทำงานวะ?” เลวร้ายกว่านั้นคือ บรรดากลุ่มที่เอารัดเอาเปรียบ แขนขาดีแต่ไม่ทำงาน ออกมาโพสต์ในโซเชียลด้วย ยอมรับว่าตัวเองภูมิใจที่ไม่อยากทำงาน เพราะรัฐช่วย เลยบ้าไปกันใหญ่
ระหว่าง 2 กลุ่มนี้ฟัดกัน กลุ่มคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน จะเป็นผู้เดือดร้อนที่แท้จริง กลุ่มคนที่ตั้งใจเลี้ยงครอบครัว แต่มีรายได้น้อย ดันเป็นเหยื่อ แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา (วันศุกร์บ้านเรา) มีผู้พิพากษาชื่อ John J. McConnell Jr. แห่งรัฐ Rhode Island วินิจฉัยว่า การที่รัฐบาลจะไม่หนุนเงินงบประมาณเข้าโครงการ SNAP ผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ จริงๆ แล้วเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขาออกคำสั่งให้สนับสนุน SNAP แต่รัฐบาลเพิกเฉยไว้ ครั้งนี้เลยต้องออกคำสั่งอีกรอบ ให้รัฐบาลเปิดไขก๊อกเอาเงินสนับสนุน SNAP ทันที
ทางรัฐบาลยังไม่ยอมและไม่เห็นด้วย จะไปอุทธรณ์คำสั่งศาลต่อครับ
รัฐบาลภายใต้แกนนำของประธานาธิบดีแห่งสันติภาพที่ทำงานเพื่อประชาชน แบบนี้ใช่ไหมที่พวก You คนอเมริกันเลือกกันกับมือ?.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
SEA Games แบบไทยๆ
คงไม่มีข่าวอะไรที่คนสนใจเท่ากับเรื่องผู้มีชื่อเสียง ผู้มีอำนาจหลายท่านมีรูปถ่ายกับเบน สมิธ ซึ่งถ้าโลกสวยเมื่อบุคคลเหล่านี้บอกว่าไม่รู้จักเขา เพียงถ่ายรูปเฉยๆ
ถ้าต้นไม้ล้มในป่าแล้วคนไม่ทำคอนเทนต์ ไม่ลงรูปลงโซเชียล…จะมีเสียงไหม?
“ต้นไม้ที่ล้มในป่าจะมีเสียงหรือไม่ หากไม่มีคนอยู่ในที่นั่น?” หรือเป็นภาษาอังกฤษคือ “If a tree falls in a forest and no-one is around to hear it, does it make a sound?”
'คำพูดเป็นนายเรา'ยังจริงไหม?
เรื่องการกลับลำของประธานาธิบดี Donald Trump เกี่ยวกับ Epstein Files ผมว่าตลกดี เพราะตั้งแต่เป็นประธานาธิบดี Trump พูดแล้วพูดอีกว่า
'Thailand. Taiwan? Thailand. Taiwan?' Ok, yes. Taiwan.'
วันนี้ขออนุญาตเขียนเรื่องที่คนไทยทุกคนที่เคยใช้ชีวิตในต่างแดนเจอทุกๆ คน ยิ่งต่างแดนที่เป็นเมืองฝรั่งๆ หน่อย ผมกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่าคนไทย 100% ต้องเจอทุกคน
Back to the Future…
กราบสวัสดีแฟนคอลัมน์ทุกท่านครับ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันวันนี้ ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เดี๋ยวผมค่อยเล่า วันนี้ขออนุญาตเป็นเรื่องเบาๆ ซึ่งหลายคนอาจบอกว่าไร้สาระ หรือน่าหมั่นไส้ก็ได้ แต่ขอสักวันละกัน
ฉันเกิดในรัชกาลที่ 9
พรุ่งนี้ครบรอบ 9 ปีวันสวรรคตในหลวงรัชกาลที่ 9 (ของเรา) ผมขอออกตัวว่าจะขออนุญาตใช้คำศัพท์ง่ายๆ ในวันนี้ บอกตามตรงว่าผมไม่แม่นราชาศัพท์ครับ

