นานแล้วที่ไม่มีผู้นำแบบนี้

มันช่างเขมรจริงๆ...

อ้างว่าทหารไทยกราดยิงชาวบ้านมีทั้งเจ็บทั้งตาย

ออกข่าวใหญ่โต เปิดห้อง ICU ฉันมองเธอ ตบตาชาวโลกแบบไร้ยางอาย ไม่เกรงใจตัวเลขในจอมอนิเตอร์หัวเตียงผู้ป่วยเลย

มันก็กรณีเดียวกับการขุดหลุม เอาลูกระเบิดเก่าสนิมเขรอะไปวาง แล้วบอกว่าเป็นไข่จาก F-16 ของไทย นั่นแหละครับ

เขมรทำได้ทุกอย่างจริงๆ

ฉะนั้นต้องระวังให้ดี

สื่อเขมรตีข่าวเป็นตุเป็นตะว่า ด้วยจิตวิญญาณแห่งการเคารพข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม กองทหารกัมพูชาที่ส่งไปป้องกันหมู่บ้านเปรยจันไม่มีอาวุธ

อ้างว่าทหารเขมรตามแนวชายแดน เพียงสวมเครื่องแบบทหารเท่านั้น แต่ไม่ถืออาวุธ!

ตั้งแต่วันที่ ๑๓ สิงหาคม แม้ว่ากองทัพไทยจะพยายามยั่วยุหรือปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง แต่กองทัพกัมพูชาก็อดทนและไม่เคยตอบโต้เลย

พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ทหารเขมรเป็นสุภาพบุรุษขนาดนี้เลยหรือ

สื่อเขมรยังรายงานว่า ทหารไทยใช้ปืน RPD ยิงพลเมืองกัมพูชา ตาย ๑ ราย เจ็บ ๓ คน

ก็ยุ่งสิครับ เพราะปืนกลเบาโซเวียต RPD มีประจำการในกองทัพเขมร ไม่ใช่กองทัพไทย

กองทัพไทยใช้ปืนกลเบามาตรฐานนาโตนะครับ       

แล้วใครยิง?

คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ที่ลงไปตรวจสอบพื้นที่ ควรจะตรวจสอบด้วยว่าวิถีกระสุน ชนิดกระสุนที่ใช้ เป็นของใครกันแน่ ไม่ใช่แค่ฟังทหารเขมรเล่าเรื่องแล้วพยักหน้าหงึกๆ แบบนั้นถูกทหารเขมรหลอกตามเคย

งานนี้พิรุธมันเยอะครับ ถึงขนาดเผาโลงตบตา AOT

เรื่องก็คือว่า ศพของนาย "ดี นัย" ที่อ้างว่าถูกทหารไทยยิงตาย ตั้งศพ ๔ ชั่วโมง ก็จัดการเผาเลย ไม่ต้องสวดให้เสียเวลา

ไม่ต้องพิสูจน์หาสาเหตุของการตาย

ผิดวิสัยคนตายต้องตั้งศพ ๓-๔ วันค่อยเผา

แล้วจะรีบเผาไปไหน 

AOT ถูกหลอกอีกหรือเปล่า

ที่้เด็ดกว่านั้น เพจ Army Military Force มีคนติดตามเกือบล้าน เขาไปได้คลิปเสียงมา

เป็นคลิปเสียง พันตรีชุน โซะพอน ผบ.กองพันสนับสนุนที่ ๓๙๒ กองบัญชาการกองพลที่ ๓ (เป็นลูกน้องสรัย ดึก ผบ.พล) สั่งวางทุ่นระเบิด PMN-2 ในพื้นที่ช่องบก เมื่อวันที่ ๓ ก.ค.

ต่อมาวันที่ ๑๖ ก.ค. พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน เหยียบกับระเบิด PMN-2 ในพื้นที่ช่องบก

คลิปเสียงนี้ถูกอัปลงในกลุ่มเทเลแกรมทหารกัมพูชาเมื่อวันที่ ๑๓ พ.ย. ก่อนที่จะถูกลบไป

มาดูฝั่งไทยบ้าง ท่าทีของนายกฯ อนุทิน ต้องยอมรับว่าไม่เหมือนนายกฯ คนก่อนๆ ของไทย มีความแข็งกร้าวตามสถานการณ์ จนฝ่ายค้านฝ่ายแค้นพากันหวั่นๆ ว่า ที่ไปท้าทายอเมริกามันจะเสียมากกว่าได้

มีคนเขียนถึงนายกฯ อนุทิน ในมุมมองที่ไม่เหมือนใคร ดูเหมือนอวย แต่ก็มีหลักมีฐาน มาจากเพจ คัดข่าว บางช่วงบางตอน เขียนไว้แบบนี้ครับ...

"...อนุทิน : วิธีคิดแบบวิศวกร สิ่งที่เขมรไม่เข้าใจ

ในวงการเมืองไทย ชื่อ 'อนุทิน ชาญวีรกูล' มักถูกพูดถึงในแง่ความนิ่ง ความหนักแน่น และความเด็ดขาดที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนักในนักการเมืองรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งระหว่างประเทศอย่างกรณีกัมพูชา แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามไปคือ

รากฐานทางความคิดของเขา

ความคิดที่ไม่ได้มาจากการเรียนรู้ในห้องประชุมคณะรัฐมนตรี หรือการต่อรองในสภา แต่มาจากห้องปฏิบัติการวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ใช่ คุณอนุทินคือ วิศวกร ตัวจริงและในตัวตนของเขา มี “หลักการ” หนึ่งที่ฝังรากลึกจนกลายเป็น DNA ทางการเมือง นั่นคือ

Safety Factor-ค่าความปลอดภัยที่วิศวกรทุกคนรู้ดีว่า 'ข้ามไม่ได้'

Safety Factor : เส้นแดงที่วิศวกรไม่ยอมเสี่ยงในวิศวกรรมโยธา ไม่ว่าคุณจะออกแบบสะพาน ตึกระฟ้า หรือเขื่อน ความหนาของคอนกรีต จำนวนเหล็กเสริม หรือน้ำหนักสูงสุดที่โครงสร้างรับได้-ทุกอย่างต้องมี Safety Factor เช่นคอนกรีตที่รับน้ำหนักได้จริง ๑,๐๐๐ ตัน 

แต่จะออกแบบให้รับได้ไม่เกิน ๖๐๐ ตัน 

เหลือ 'ส่วนเกิน' ๔๐๐ ตัน เป็น Safety Margin

ทำไม?

เพราะโลกนี้มีความไม่แน่นอน-แผ่นดินไหว ลมพายุ การสึกกร่อน หรือแม้แต่ความผิดพลาดของมนุษย์วิศวกรไม่ทดลองกับเส้นแดง

ไม่มีการ 'ลองดูสักหน่อย'

ไม่มีการ 'ถ้าไม่พังก็โอเค'

ถ้าข้ามเส้นแดง = ระบบพัง = คนตาย = อาชีพล้ม

นี่คือ วิธีคิดแบบวิศวกร-คิดเพื่อความมั่นคงระยะยาว ไม่ใช่ กำไรระยะสั้น

จากห้องเรียนสู่ห้องประชุม ครม. คุณอนุทินนำหลักการนี้มาใช้ในทางการเมืองอย่างชัดเจน โดยเฉพาะใน ๒ เหตุการณ์สำคัญ :

๑.เส้นแดงกับพรรคเพื่อไทย (ปี ๒๕๖๖) เมื่อพรรคเพื่อไทยพยายามกดดันให้ภูมิใจไทยยอมเสียตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย-ซึ่งเป็นกระทรวงที่มีอำนาจควบคุมความมั่นคงภายใน งานโยธา งานปกครองส่วนท้องถิ่น อนุทินขีดเส้นแดงทันที :

'ถ้าถูกกดจากมหาดไทย-ผมถอนตัวจากรัฐบาลทันที'

และเมื่อถูกกดจริง-เขาทำตามที่พูด

ไม่มีการต่อรองเพิ่ม ไม่มี 'ขอเวลาคิด'

เพราะในโลกของวิศวกร คำพูดคือโครงสร้าง-ถ้าคำพูดพัง ความน่าเชื่อถือก็พัง

๒.เส้นแดงกับกัมพูชา (ปี ๒๕๖๘) ในกรณีข้อพิพาทชายแดน ความขัดแย้งในพื้นที่ทับซ้อน หรือการเคลื่อนไหวที่อาจกระทบอธิปไตย รัฐบาลไทยภายใต้นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน และรองนายกฯ อนุทิน ได้ส่งสัญญาณชัดเจน :

'มีเส้นแดง-ข้ามไม่ได้'

ไม่ใช่คำขู่แบบนักการเมืองทั่วไปที่พูดแล้วลืม

แต่เป็นการตั้ง Safety Factor ทางการเมืองถ้ากัมพูชาข้ามเส้น-ตอบโต้ทันที 

ไม่มีพื้นที่ให้ 'เจรจาเพิ่ม' 

ไม่มี 'ขอเวลาประเมินสถานการณ์'

เพราะถ้าปล่อยให้ข้ามได้ครั้งหนึ่ง-ครั้งต่อไปจะไม่มีใครเชื่อเส้นแดงอีก..."

"...ต่อมหาอำนาจ สหรัฐฯ จับตาว่า ไทยภายใต้อนุทินจะเป็น 'พันธมิตรที่ไว้ใจได้' หรือไม่ 

จีนประเมินว่า ไทยจะยังคง 'สมดุล' หรือเริ่มเอนไปทางตะวันตก 

ทั้งสองฝ่ายรู้ว่า เส้นแดงนี้ไม่ใช่แค่คำพูด

ต่อการเมืองไทย 

อนุทินกำลังสร้าง 'ต้นแบบ' ใหม่ของนักการเมือง :

'พูดแล้วทำ-ไม่ต่อรองกับหลักการ' 

อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ที่เบื่อการเมืองแบบเก่า..."

"...สรุป : วิญญาณวิศวกรในตัวนักการเมืองคุณอนุทินอาจไม่พูดคำว่า 'Safety Factor' ออกมาบ่อยๆ

แต่ทุกการตัดสินใจของเขา-โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับกัมพูชา-ล้วนสะท้อนวิธีคิดแบบวิศวกรอย่างชัดเจน : 'ไม่ใช่แค่แข็ง-แต่แข็งแบบที่คำนวณมาแล้วว่าจะไม่พัง'

นี่คือสิ่งที่เขมรไม่เข้าใจ

นี่คือสิ่งที่นักการเมืองไทยหลายคนยังไม่เรียนรู้

และนี่คือสิ่งที่อาจเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยในอีก ๑๐ ปีข้างหน้า เพราะในโลกที่ทุกอย่างผันผวน

คนที่ยึดหลักการมั่นคง คือคนที่อยู่รอดยาวที่สุด..."   

 ครับ...รอดูผล ท่าทีอเมริกาหลังจากนี้ ประเด็นภาษีจะถูกหยิบมากดดันไทยหรือไม่ ถ้าใช่ "นายกฯ อนุทิน" จะมีทางออกอย่างไร การหาตลาดใหม่มิได้ทำได้สำเร็จในวันสองวัน

หรือ "อนุทิน" จะพาประเทศเข้าสู่ตาจน!

ถ้านายกฯ ไทยเป็น "พิธา"-"หัวหน้าเท้ง" ประเทศไทยจะมีท่าทีอย่างไร ยืนอยู่ในจุดไหน

เราไม่มีผู้นำแบบนี้มานานแล้วครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เพื่อไทย' ไม่ไปต่อ

พรรคเพื่อไทยจะยื่นซักฟอกรัฐบาลหรือไม่? คำถามนี้เกิดจากคำตอบของนายกฯ อนุทิน วานนี้ (๓ ธันวาคม) "...คาดเข็มขัดนิรภัย..."

รอวันส้มเป็นรัฐบาล

ราคาคุยเยอะจริงๆ... ไม่มีพรรคไหนเก่งไปกว่าพรรคส้มแล้วครับ ไม่ได้ประชด แต่ตามรูปการณ์มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

พันศพ! เละเป็นโจ๊ก

กู่ไม่กลับ... "บิ๊กโจ๊ก" กำลังจะเละเป็นโจ๊ก ไม่รู้ไปเอาข้อมูลมาจากไหนว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ จำนวนมากเกินหลักพัน เน้นนะครับ เฉพาะที่หาดใหญ่

ควรโทษใครดี

น้ำท่วมว่าหนักแล้ว น้ำท่วมใจยังหนักกว่า ช่วยชาวบ้านเป็นเรื่องดีครับ แต่ช่วยไปช่วงชิงกันไป เที่ยวไปประกาศว่าช่วยได้กี่คนแล้ว บลั๊ฟกันไปมามันน่าอนาถจริงๆ