
เรื่องการกลับลำของประธานาธิบดี Donald Trump เกี่ยวกับ Epstein Files ผมว่าตลกดี เพราะตั้งแต่เป็นประธานาธิบดี Trump พูดแล้วพูดอีกว่า ใครที่ยังสนใจเรื่อง Epstein Files เหมือนหาเรื่อง เหมือนคนโง่ เหมือนคนไร้สาระ เพราะไม่มีประเด็นอะไรน่าสนใจ อย่าเสียเวลากับสิ่งไร้สาระอย่างนี้
แต่ตอนไม่ได้เป็นประธานาธิบดีพูดอีกแบบ
ตอนไม่มีตำแหน่งอะไร พูด (เยอะ) จังว่า Epstein Files ควรเปิดเผยเดี๋ยวนี้ ในเอกสารนี้มีข้อมูลเป็นประโยชน์ ที่ไม่ถูกเปิดเผยเพราะฝ่าย
Democrats พยายามปิดบัง เพราะมีข้อมูลลับทำให้ชื่อที่ปรากฏในนั้นเสียหายหมด บลาๆๆๆ กล่าวหาว่า Democrats ตั้งใจปิดบังเพราะชื่อส่วนใหญ่ล้วนเป็น Democrats เลยตั้งใจกีดกัน ปิดหูปิดตาคนอเมริกันไม่ให้รับรู้ความจริง
แล้วมีการพูดอีกว่า ถ้าตัวเองเป็นประธานาธิบดีจะเปิดเผย Epstein Files ทันที เพราะไม่มีอะไรต้องปิดบัง และจะไม่ปกป้องคนชั่วอีกต่อไป ไม่ใช่เฉพาะ Trump ที่พูดทำนองและแนวนี้ แต่บรรดาสาวก พวกพ้องปากดีทั้งหลายที่มีสื่อของตัวเอง ช่วยกันขยายและช่วยกันเผยแพร่คำสอนจากพระเจ้า (คือ Trump ครับ) ต่อ Trump พูดอะไร ลิ่วล้อพูดตามและขยายตามช่องสื่อตัวเอง จนเป็นเนื้อหา ทำนอง และแนวเดียวกัน
จนสร้างความเชื่อใจจากฐานเสียงว่าฝ่าย Democrats ปิดบังความจริง และมีแต่ Trump เท่านั้นที่จะกล้าเปิดเผยความจริง ทำให้สาวกและพวกพ้องที่บูชา Trump ได้ดิบได้ดีและมีตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีพ่อใหญ่ Trump ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งประเภทที่ปรึกษาหรือคณะทำงาน แต่เป็นหัวหน้าและรัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและมีความรับผิดชอบกับเรื่องความเป็นอยู่ของคนอเมริกันและเสถียรภาพของกระบวนการยุติธรรมอีกด้วย
เอาง่ายๆ ครับ เหมือนเอาบรรดาคนบ้าบอที่ไม่มีหลักเกณฑ์ หลักการ ไม่มีประสบการณ์ และไม่มีความเชื่อถือ มาดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในประเทศมหาอำนาจของโลก เพียงเพราะเชียร์ เชิดชู และเป็นกระบอกเสียงให้พ่อใหญ่ Trump ในช่วงไม่มีตำแหน่งอะไร
เลยเป็นสิ่งที่น่าสนใจ พอทุกคนดำรงตำแหน่ง และเรื่อง Epstein Files ปรากฏอีกรอบ ทั้งพ่อใหญ่ Trump ทั้งสาวกทั้งหลายที่ดำรงตำแหน่งสูงๆ จากที่เคยปากดี ปากกล้า ว่าจะเปิดเผย เปิดโปงทุกอย่าง จะกล้าทำในสิ่งที่ Joe Biden กับ Democrats ไม่คิดและไม่กล้าทำ จะเปิดโปงมันทุกอย่าง จะเปิดเผยทุกอย่าง โดยที่ไม่เกรงกลัวใคร และไม่ต้องเกรงใจใคร
ในที่สุด….ไม่ทำอะไร
Trump เปลี่ยนจุดยืนทันที บอกว่าไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่ต้องเปิดเผย Epstein Files เพราะไม่มีอะไรที่น่าสนใจ ส่วนคนที่ยังตามเรื่องนี้ เป็นคนไร้สาระและเป็น Losers ส่วนสาวกที่อยู่ในตำแหน่งดีๆ ที่เมื่อก่อนปากดี ปากกล้า พูดเก่งกันจังว่าต้องทำอย่างงั้นอย่างงี้กับ Epstein Files เงียบกริบทุกคน ไม่เห็นปากดี ปากกล้า เหมือนก่อนหน้านั้นสักคน พอมีตำแหน่งปุ๊บ จุดยืนและความกล้าเปลี่ยนไป จากที่เคยพูดทุกวันว่า Democrats เลวอย่างไรที่ปิดบัง Epstein Files พอชื่อพ่อใหญ่ Trump ปรากฏมากกว่าที่คิด เขาเปลี่ยนอุดมการณ์ทันที
กลายเป็นว่าทุกอย่างที่เขาเคยต่อว่าอีกฝ่าย เขาทำเอง ผมเลยสงสัยว่าแล้วที่อเมริกา “คำพูดเป็นนายเรา” ไม่มีน้ำหนักหรือศักดิ์ศรีอะไรเลยหรือ?
สื่อเขาไม่จี้? คนอเมริกันไม่สน? นักการเมืองไม่รู้สึกละอายใจ? ถ้าเป็นในไทย สื่อไทยเอาตายเลยครับ ฝ่ายค้านเอาตาย และคนทั่วไปไม่ปล่อย แต่ทำไมที่อเมริกา เรื่องราว Epstein Files เหมือนลอยตัวและลอยนวล?
ผมอาจพูดไม่แฟร์ก็ได้ เพราะสื่อเขาเล่นงานเหมือนกัน พยายามให้คนที่เคยพูดปากดีกันทั้งหลายรับผิดชอบสิ่งที่เคยพูด สิ่งที่เคยปากดีกัน แต่คนเหล่านี้ไม่มีความละอายใจ จี้เท่าไหร่ เขายิ่งทำเพิกเฉย จี้พ่อใหญ่เมื่อไร ยิ่งปัดออกไปให้ไกล ซึ่งเป็นวิธีของ Trump อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เรื่อง Epstein Files ทำให้บรรดาสาวก ผู้ติดตาม และ FC เริ่มตาสว่าง และไม่ทน เพราะเริ่มมีความไม่พอใจแสดงออกมาจากสาวก Trump ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเคยเขียนไว้ประมาณ 2 เดือนที่แล้วว่า อาจเป็นเรื่องจับตามองว่าทำให้กลุ่ม MAGA เริ่มตีตัวออกห่างจาก Trump หรือเปล่า?
ผมจึงแปลกใจว่าทำไม Trump ถึงกลับลำ และพลิกฟ้ารวดเร็วขนาดนี้? จากตอนไม่มีตำแหน่งอะไร พูดทุกวันว่าจะเปิด Epstein Files ทันทีหากเป็นประธานาธิบดี แต่เมื่อเป็นประธานาธิบดีจริง ไม่เห็นมีความกระตือรือร้นเหมือนตอนไม่มีตำแหน่ง และปิดทุกช่องทางในการเปิด Epstein Files ยืนขาเดียวตลอดว่ายังไงก็ไม่เปิด
ทำไมอยู่ๆ วันนี้ (เช้าวันที่ผมเขียนคอลัมน์) เขาเปิดไฟเขียวให้ Republicans ยอมเปิด Epstein Files? ณ วัน-เวลานี้ ผมไม่มีคำตอบอะไร และไม่มีข่าวความคืบหน้าอะไร เพราะข่าวยังใหม่อยู่ ซึ่งผมเชื่อว่าวันที่แฟนคอลัมน์อ่านคอลัมน์นี้น่าจะมีคำตอบหรือความชัดเจนมากกว่านี้ แต่ตอนนี้อยู่ในสภาวะงงครับ
สิ่งที่น่าสนใจคือ ตลอดระยะเวลาที่ Epstein Files เป็นประเด็น และ Democrats พยายามจี้ให้ Republicans เห็นชอบในการเปิดเผย ฝ่าย Republicans หลบหนี ปิดบัง และทำทุกวิถีทางให้คว่ำมาตรการทุกช่องทาง แถมในช่วงหาเสียง ทั้งพ่อใหญ่ Trump และบรรดาสาวกในพรรคทุกคน ทุกกลุ่ม หาเสียงในทิศทางเดียวกันคือ Epstein Files เป็นยาพิษให้กับ Democrats จึงไม่มีการเปิดเผยใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าผม (Trump) และพวกผม (Republicans ทุกคน) ถูกรับเลือก พวกเราจะทำหน้าที่แทนคนอเมริกันชนทั่วไป เปิดโปงและลงโทษคนทำผิดจริงจาก Epstein Files ทำให้คนที่เชื่อ เชื่อเต็มร้อย เชื่ออย่างเต็มใจ และเทคะแนนให้
แต่ในที่สุด Republicans หลบหนีเรื่องนี้หมด เลยอยากรู้ว่าเมื่อพ่อใหญ่ไฟเขียวให้แล้ว Republicans (และ Trump) จะวางตัวอย่างไรต่อ? เรื่องนี้น่าสนใจครับ อย่าว่าแต่ Trump กับ Republicans ที่อยู่ในสภาเท่านั้น บรรดาสาวกที่ได้ดิบได้ดี ได้ตำแหน่งกัน ตอนนั้นปะทะและต่อสู้กับ Democrats ปิดบังไม่เปิดโปง Epstein Files เลย
ต่อจากนี้เขาจะวางตัวกันอย่างไรครับ?
เคยกลับลำครั้งหนึ่งไปแล้ว ถ้ากลับอีกรอบ แปลว่ากลับมาอยู่ที่เดิม อย่างนั้นหรือครับ? เพราะเมื่อกลับลำหนึ่งครั้ง แสดงว่าเปลี่ยนทิศทางเปลี่ยนทิศ แต่ถ้ากลับอีกครั้ง จะไม่ได้อยู่ที่เดิมหรือ? ขอให้เป็นบทเรียนสำหรับใครต่อใครที่ทำมาหากินหรือสร้างชื่อเสียงด้วยการเผยแพร่ Conspiracy Theories ทั้งหลาย ว่าตอนพูดมันคงสนุก มันคงมันส์มาก ทำให้คนเออออ และพยักหน้าตาม แต่ถ้าสิ่งที่คุณพูดอยู่บนพื้นฐานเท็จและบิดเบือน สักวันหนึ่ง คำพูดที่คุณปากดีพูดกัน จะผูกมัดคุณไปเอง และคุณจะดิ้นหลุดยาก
แต่ถ้าคุณออกแนวไม่สนภาพพจน์ตัวเอง ไม่สนชื่อเสียง ไม่สนเครดิตตัวเอง เอาที่สบายใจครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
SEA Games แบบไทยๆ
คงไม่มีข่าวอะไรที่คนสนใจเท่ากับเรื่องผู้มีชื่อเสียง ผู้มีอำนาจหลายท่านมีรูปถ่ายกับเบน สมิธ ซึ่งถ้าโลกสวยเมื่อบุคคลเหล่านี้บอกว่าไม่รู้จักเขา เพียงถ่ายรูปเฉยๆ
ถ้าต้นไม้ล้มในป่าแล้วคนไม่ทำคอนเทนต์ ไม่ลงรูปลงโซเชียล…จะมีเสียงไหม?
“ต้นไม้ที่ล้มในป่าจะมีเสียงหรือไม่ หากไม่มีคนอยู่ในที่นั่น?” หรือเป็นภาษาอังกฤษคือ “If a tree falls in a forest and no-one is around to hear it, does it make a sound?”
'Thailand. Taiwan? Thailand. Taiwan?' Ok, yes. Taiwan.'
วันนี้ขออนุญาตเขียนเรื่องที่คนไทยทุกคนที่เคยใช้ชีวิตในต่างแดนเจอทุกๆ คน ยิ่งต่างแดนที่เป็นเมืองฝรั่งๆ หน่อย ผมกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่าคนไทย 100% ต้องเจอทุกคน
SNAP ดีหรือไม่ดี?
ในที่สุดท่าทีการยุติ Government Shutdown ในสหรัฐที่จะยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ใช่เพราะความพยายาม หรือการประนีประนอม
Back to the Future…
กราบสวัสดีแฟนคอลัมน์ทุกท่านครับ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันวันนี้ ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เดี๋ยวผมค่อยเล่า วันนี้ขออนุญาตเป็นเรื่องเบาๆ ซึ่งหลายคนอาจบอกว่าไร้สาระ หรือน่าหมั่นไส้ก็ได้ แต่ขอสักวันละกัน
ฉันเกิดในรัชกาลที่ 9
พรุ่งนี้ครบรอบ 9 ปีวันสวรรคตในหลวงรัชกาลที่ 9 (ของเรา) ผมขอออกตัวว่าจะขออนุญาตใช้คำศัพท์ง่ายๆ ในวันนี้ บอกตามตรงว่าผมไม่แม่นราชาศัพท์ครับ

