
ถ้าจะมี “ผู้นำ” ไว้เพื่อ “รับชอบ”
ไม่ต้องไปเค้นหา
ตะแคงบุ้งกี๋แล้วเอาตีนกวาด พักเดียวก็ได้มาเต็ม!
แต่ผู้นำที่พร้อมยืดอกรับหอก-ดาบ “แทนลูกน้อง” ในสนามรบแบบนี้ยากกว่าร่อนหาเพชร ถ้ามี ก็ควรรักษาไว้
วิกฤตมหาอุทกภัยหาดใหญ่ มองในความเป็นไป ทำให้เรารู้-เราเห็น “ธาตุแท้” ของแต่ละชีวิต ที่น่าคิด-น่าคำนึง
ในยามที่มนุษย์อยู่ในภาวะ “อารมณ์เหนือเหตุผล” เราจงผ่อนให้สุดสายป่าน ฟังให้มาก คิดตามให้มาก ตรึกตรอง-ใคร่ครวญให้มาก แต่พูดให้น้อยที่สุด
แล้วโลกจะสวยงาม!
“หาดใหญ่” ที่จริงเป็นแค่อำเภอหนึ่งของจังหวัดสงขลา ตัวเมืองบริหารโดย “เทศบาลนครหาดใหญ่”
ซึ่งเป็น “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ที่รับผิดชอบการบริหารจัดการเมือง
ปัจจุบัน “นายณรงค์พร ณ พัทลุง” หรือ “นายกแป้น” อดีตเป็นนายอำเภอหมุนเวียนอยู่ในสงขลาหลายอำเภอ
เกษียณแล้วลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น “นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่” ได้รับเลือกเมื่อพฤษภา.๖๘ นี่เอง
เพราะความเป็นอำเภอศูนย์กลางเศรษฐกิจทางใต้ ใหญ่กว่าจังหวัดด้วยซ้ำ สังคมจึงให้ความสำคัญระดับเมือง
และ “นายกแป้น” นี่แหละคือผู้มีอำนาจบริหารตัวเมืองหาดใหญ่ มีคณะผู้บริหารและสมาชิกสภาเทศบาลจากการเลือกตั้งทำหน้าที่ดูแลกิจการในท้องถิ่น
แล้วมหาอุทกภัยครั้งนี้ “นายกแป้น” มีบทบาทอย่างไร และชาวเมืองหาดใหญ่รู้สึกอย่างไรต่อการบริหารของคนที่เขาเลือกเป็นนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่?
ผมเป็นคนวงนอก ให้ความเห็นไม่ได้ วันนี้ จึงอยากให้ฟังความเห็นคนหาดใหญ่ที่มีต่อปัญหาและต่อตัวนายกแป้นเอง
....................................
Tong Kaewtrakulpong
พอจะทราบสาเหตุบางอย่างของความล่าช้าของรัฐบาลค่ะ..
ฉันได้คุยกับคนในพื้นที่เพิ่มเติม...คนหาดใหญ่ก็โกรธนายกฯ อนุทิน
แต่สิ่งที่เขาเล่าให้ฉันฟัง บวกกับการถ่ายทอดสดของคนในเหตุการณ์ และวิดีโอที่เทศบาลหาดใหญ่สื่อสารกับประชาชนนั้น
พอมาปะติดปะต่อแล้ว เข้าใจตรงกันว่า
“นายกฯ อนุทิน ได้รับการรายงานผิด...ผิดจากความเป็นจริงไปมาก”!
ทั้งนี้ เนื่องจากวิดีโอที่ทางเทศบาลสื่อสารออกมานั้นว่า “มีการเตรียมการ มีเครื่องสูบน้ำ และไม่มีอะไรต้องกังวล”
“คนหาดใหญ่” ก็จะฟังแต่ข่าวสารท้องถิ่น เพราะบ่อยครั้งที่กรมอุตุฯ ทำนายผิด
เมื่อได้รับคำยืนยันจากเทศบาลว่าทุกอย่าง "เอาอยู่" ...และระดับน้ำก็ลดลงมาก.. บางพื้นที่น้ำก็เหือดถึงพื้น
“จึงไม่มีการอพยพแต่อย่างใด”
ไม่ใช่เพราะห่วงทรัพย์สินอย่างที่พรรคการเมืองพรรคหนึ่งกล่าวหาไว้
เทศบาลก็ไปรายงาน “นายกฯ หนู” ตามที่บอกกับประชาชน และตอนนั้น น้ำก็เริ่มลด.. ซึ่งนายกฯ ก็ได้ประสานให้คุณธรรมนัสดูแลต่อ
“คุณธรรมนัส” ก็ไปลงพื้นที่ตั้งแต่วันแรก ได้ช่วยคนออกมา ก่อนจะบินไปเชียงใหม่ จังหวะที่น้ำลด....คุณธรรมนัสยังตำหนิข้าราชการที่ไม่กล้าฝ่ากระแสน้ำไปช่วยประชาชน
พอน้ำลด “ช่างไฟ” ก็มาต่อไฟ
ทุกอย่างก็เหมือนจะกลับมาปกติ แต่เป็นการคาดการณ์ผิดของเทศบาล เพราะฝนก็มาอีก
ระดับน้ำก็พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ไฟดับทั้งเมือง ประชาชนไม่มีสิทธิ์อพยพไปไหนได้เลย
เพราะสาเหตุหลักๆ ของการเกิดภัยพิบัติครั้งนี้ ร่องมรสุมขนาดยักษ์ มาเจอแรงกดอากาศต่ำจากจีน การเคลื่อนของเมฆเป็นอัมพาต
เพราะเจอแรงกดอากาศต่ำกดเอาไว้ หอบเอาความชื้นมาปะทะกับร่องมรสุม จึงทำให้ Rain Bomb จากแรงปะทะเทลงมา
น้ำฝนจึงแช่ลงในแอ่งกระทะอย่างนั้น..
เมฆไม่เคลื่อนไปไหน และไม่มีสิ่งใดกีดขวาง เหมือนรถยนต์วิ่งมาด้วยความเร็วสูงและชนกำแพง
ภูมิศาสตร์ของหาดใหญ่เป็น “แอ่งกระทะ” ที่มีภูเขาลูกใหญ่ล้อมรอบ เทือกเขาบรรทัด...เทือกเขาสันกาลาคีรี...และมีทางน้ำออกแค่ทางเดียวคือ “คลองอู่ตะเภา”
การขยายพื้นที่เมือง จากดินสู่คอนกรีตไปหมด ไม่มีตัวซับน้ำ กลายเป็นแอ่งกระทะที่รับน้ำเฉยๆ ไม่มีดินดูดซับเลย
น้ำจึงไปลงที่ “คลองอู่ตะเภา” แต่คลองอู่ตะเภาเหมือน “หลอดกาแฟ” ที่ไม่สามารถ “ดูดมวลน้ำประปา” ที่หล่นเปรี้ยงลงมาได้
ซึ่งเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงแก้ปัญหาไว้ให้ทั่วบ้านทั่วเมือง รวมถึงที่หาดใหญ่
แต่ไม่มีหน่วยราชการใดนำไปสานต่อ ยามที่พระองค์ทรงพระประชวร
ฝน 300 ปี มันหมายถึงโอกาสที่จะเกิด 1 ใน 300 แต่นับจากนี้ จะเกิดขึ้นบ่อย และคาดว่าจะเกิดทุกปี
หน่วยราชการที่ผ่านมา ไม่มีการแก้ผังเมือง หรือสร้างพื้นที่รับน้ำ กินงบประมาณมหาศาล จากการจัดการน้ำ แต่ไม่แก้ไขอะไร
สิ่งนี้เป็นมาแต่ไหนแต่ไรในทุกรัฐบาล
และรัฐมนตรีก็หน้าเดิมๆ ไม่มีผู้เชี่ยวชาญ และถึงรู้งาน ก็ไม่ยอมแก้ไข
ตอนนี้ ชาวหาดใหญ่ “พังหมด” เศรษฐกิจพังหมด
สิ้นเนื้อประดาตัว ถ้ายังเอาคนพวกนี้เป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
เอาเสี่ยร้านเหล้า หรือผู้รับเหมา มาเป็น อบต., อบจ. คิดแต่จะกินงบประมาณ จะกี่ปีกี่ชาติ.. ชาวหาดใหญ่ก็ต้องรับกรรมอย่างนี้ไป ไม่มีวันจบ..
คำว่า "เอาอยู่" ที่รายงานต่อนายกฯ
นายกฯ ก็ “สบายใจ” ในระดับหนึ่ง
และตัวชาวบ้านที่เป็นคนพื้นที่เอง ก็ไม่คาดคิด.. แต่รัฐบาลย่อมโดนตำหนิถึงความล่าช้าในการประสานงาน
โดยที่ “ไม่มีใครตำหนิหน่วยงานท้องถิ่น”!
เพราะหน่วยงานเองก็ประสบภัย อ้างว่าเกินกำลังแก้ไข ทุกอย่าง รัฐบาลจึงเป็น “แพะรับบาป” ผู้เดียว!
นับจากนี้ ชาวหาดใหญ่ก็ต้องคิดให้มาก เพราะความล่าช้าของรัฐบาล มันมีที่มาจาก “ข้าราชการใกล้ตัว”
ฉันเองก็เห็นใจชาวหาดใหญ่ แต่ขอเถอะ อย่าระบายอารมณ์กับ “อาสาสมัคร” ที่ลงไป พวกเขาขับรถมาไกลเป็นพันกิโล ด้วยเงินตัวเอง
ภัยพิบัติก็เกิดขึ้น คนตายมากมายในเมืองนอก เขาไม่มาด่าจิตอาสา เขามีแต่ขอบคุณ ซึ้งน้ำใจกัน
เพราะอย่างไร หากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้นั้น ท่านก็ยังต้องพึ่งพาจิตอาสาอีก
หากการเขวี้ยงข้าวของ ด่าทอมากมายขนาดนี้
ต่อไป อาสาสมัครบางทีม คงไม่ขยับล้อ ไม่ลงแรง-ลงใจ ...เสียเหงื่อ หากเจอน้ำลายของผู้ประสบภัย
กับพวกคนที่ไม่ทำอะไรและเอาแต่วิจารณ์!
ฉันเองได้แต่ส่งเงินบริจาค และส่งข้าวของเท่าที่ทำได้ เพื่อเป็นกำลังใจ เพราะเราคนไทยไม่ทิ้งกัน
หวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ขอเป็นกำลังใจให้จิตอาสาและผู้ประสบภัยทุกท่าน
และตั้งรับกันต่อไปว่าจะทำ Flood way อย่างไร เพื่อรับวิกฤตครั้งต่อไป
หวังว่ารัฐบาลจะเยียวยาจิตใจของผู้สูญเสียด้วยความจริงใจ
ไม่มีใครห้ามภัยธรรมชาติได้
และต้องยอมรับว่า มนุษย์ก็มีส่วนเบียดเบียนธรรมชาติเช่นกัน
......................................
เป็นโพสต์ของ “ผศ.นพ.คณิน คะนึงวนิชกุล” ดังนี้
Khanin Khanungwanitkul โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
ขอบคุณทุกความห่วงใย ผมปลอดภัยดี
แต่ถามว่าหนักแค่ไหน บางคนบอกดูจากข่าวดูน่ากลัว พื้นที่น่ากลัวและหนักหนากว่าที่เห็นในข่าวอีก ราพณาสูร น่าจะเป็นคำที่แสดงนิยามของน้ำท่วมครั้งนี้ได้ดีที่สุด
บางคนสูญเสียทุกสิ่งที่สร้างมาทั้งชีวิต!
ทุกฤดูฝน ชาวหาดใหญ่ “จะฟังเทศบาลเป็นหลัก” แต่เทศบาลจะสื่อสารโดยใช้ระบบ “สีธง” ซึ่งชาวหาดใหญ่จะเข้าใจว่าคืออะไร
รอบนี้ มีระบบแจ้งเตือนจากส่วนกลาง แต่...เทศบาลกลับสื่อสารไปคนละทาง แม้ทุกคนได้รับสัญญาณเตือน
แต่ “เทศบาลนครหาดใหญ่” บอกประชาชนว่า “ธงเขียว”
สิ่งที่ตามมาคือ....
“คนหาดใหญ่” เชื่อสิ่งที่เทศบาลสื่อสารมาตลอดทั้งชีวิต!
และมองคำเตือนที่ดังจากในระบบเป็นแค่ข้อความที่เหมือนคำเตือนทุกๆ ครั้งของกรมอุตุฯ
วันศุกร์ 21.00 น. ได้รับข่าวว่าคอหงส์ยกธงแดง รีบบอกพ่อว่า “คอหงส์-ธงแดง” ป๊าเอารถเก็บที่สูงก็ดี
แต่หาดใหญ่ยังโอเค “นายกเทศบาล” บอก...เอาอยู่!
5 นาที หลังวางสาย พ่อโทร.มาบอกน้ำเต็มถนนในเมืองแล้ว แต่อาจเป็นแค่น้ำระบายไม่ทันเพราะฝนหนัก
จากนั้นไม่ถึงชั่วโมง หาดใหญ่ขึ้น “ธงเหลือง” ผมรีบขับเพื่อจะเข้าบ้าน แต่ทางถูกตัดขาด จาก ม.สงขลานครินทร์ เข้าเมือง
ไม่เกินชั่วโมง ทั้งเมืองโกลาหล และข่าวก็ประกาศ “ธงแดง” ทุกพื้นที่ของหาดใหญ่
จากธงเขียว...แดง เวลาน้อยมาก แทบไม่มีใครเตรียมอะไรทันแน่นอน
คำถาม “ทำไมระบบแจ้งเตือนเทศบาลรอบนี้มันถึงแย่ได้ขนาดนี้ ทำไมกล้าพูดว่าเอาอยู่?”
....................................................
อีกซักราย จากเจ้าของธุรกิจการค้าในตัวเมืองหาดใหญ่
“คำให้การของฝ้าย”
วันนี้ “ฝ้าย” จะมาพูดเรื่องน้ำท่วมหาดใหญ่ ว่าน้ำท่วมครั้งนี้ ทำไมเราจึงไม่อพยพ?
ทุกคนมาฟังคลิปนี้กันนะฮะ.....
(เสียงลูกน้องนายณรงค์พร ณ พัทลุง หรือ “นายกแป้น” นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ รายงานนายกแป้น)
“.....เราเดินเครื่องทั้งหมด ๙ เครื่อง กำลังเร่งระบายน้ำในเมืองครับ”
(นายกแป้น) “ครับ...โอเค น้ำไม่ขึ้น ไม่น่ากลัวนะครับ”
(ลูกน้องนายกแป้น) “ตอนนี้เอาอยู่”
(นายกแป้นตะโกนแข่งกับเสียงเครื่องสูบน้ำด้วยความลิงโลด)
“เอาอยู่...ตอนนี้ เรายังเอาอยู่นะครับ ไว้ใจเทศบาลนครหาดใหญ่นะครับ....
น้ำลดลงไป ๒-๓ เมตรแล้วนะครับ แล้วตอนนี้ เราก็จะดูดเรื่อยๆ นะครับ เต็มที่ ๑๐๐ ก็เอาไม่อยู่ แต่เมื่อคืน เราเอาอยู่หมด เพราะว่าเราลอกคลอง
เชื่อใจการทำงานในทีมเทศบาลหาดใหญ่นะครับ เราพร้อมจะดูแลคนหาดใหญ่ครับ มั่นใจในเทศบาลเราครับ ขอบคุณครับ”
เพราะฝ้ายและคนหาดใหญ่ “เชื่อใจในทีมเทศบาลนครหาดใหญ่”
“เราเลยไม่ได้อพยพ”!!!
เราเตรียมตัวไม่ทัน เราตั้งตัวไม่ทัน คลิปที่ฝ้ายเปิดให้ทุกคนได้ฟังนะฮะ เป็นคลิปก่อนที่จะมี “มหาอุทกภัย” น้ำท่วมที่ใหญ่ที่สุดของหาดใหญ่
เพียงแค่วันเดียวเท่านั้นนะคะ พอหลังจากนั้นอีกวัน คืนวันที่ ๒๑ น้ำท่วม น้ำขึ้นไวมาก การประกาศธงของเทศบาลเนี่ย เป็นธงเหลืองและก็ธงแดง ระยะเวลาห่างกันไม่ถึงชั่วโมงค่ะ
และการประกาศ “ธงแดง” หรือฉุกเฉินนะคะ ประกาศตอนช่วง “กลางคืน” มันไม่สามารถที่จะออกไปได้ ไม่สามารถหนีไปทัน
และถ้าถามว่า “คนหาดใหญ่ไม่เตรียมตัวเหรอ”?
“เตรียมตัวค่ะ” เตรียมตัวในระดับหนึ่ง ที่เทศบาลออกมาประกาศ บอกว่า "ไม่ต้องอพยพ ยังรับมือไหว" นะฮะ
ฝ้ายยกของวางบนพาเลซ สินค้าทุกอย่างอยู่บนชั้นนะฮะ และมีการวางกระสอบทรายรอบหน้าโรงงาน ประมาณ ๓-๔ ชั้นด้วยกัน
ซึ่งเป็นอะไรที่เซฟมากๆ แหละ เพราะพื้นที่เราไม่เคยน้ำท่วม มีบางคนตุนเสบียง เพราะว่าการที่น้ำท่วมขึ้นถึงหน้าขาเนี่ย มันก็จะทำให้การสัญจรไปมา ซื้อของลำบาก
ทุกคนเตรียมพร้อมค่ะ แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันจะหนักขนาดนี้ เพราะเทศบาลบอกว่า "ให้ไว้ใจ-ให้เชื่อมั่น"
“คุณพ่อของสามี” นะฮะ ผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมในหาดใหญ่มาเนี่ยหนักๆ ทั้งนั้นเลย หลายครั้ง ไม่มีใครประมาทค่ะ ตอนนี้ยังติดต่อท่านไม่ได้ร่วม ๖ วันแล้ว
ตอนที่ท่านโทร.มา น้ำขึ้นระดับขา จะอพยพก็ไม่ทันแล้วค่ะ เพราะถ้าในบ้าน น้ำขึ้นระดับขาเนี่ย บนถนนรถสัญจรไปมาไม่ได้แล้วค่ะ
ขาดการติดต่อตั้งแต่วันที่ ๒๒ จนถึงวันนี้ วันที่ ๒๖ (พ.ย.๖๘) นะฮะ เพราะคำเดียวค่ะ "ไว้ใจเทศบาลหาดใหญ่"
คนหาดใหญ่ “ส่วนใหญ่” เราจะมีความไว้ใจกับเทศบาลหรือว่ากับท้องถิ่นมากๆ นะฮะ
หากแต่ว่าคุณเป็นคนหาดใหญ่ แต่เราไม่ได้คิดเหมือนกัน ลองเมนต์มาดูได้มั้ยฮะ
....................................
จบ “คำให้การแฟร์ๆ” ของคนหาดใหญ่ “ราพณาสูร” ครั้งนี้
ผิดทั้งหมด....
“ยักลงต่ำ” ที่ “นายกฯ อนุทิน” คนเดียวก็แล้วกัน!.
-เปลว สีเงิน
๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
๕ ธันวา ‘ฟ้าอวยชัย’
๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”
ประณีต 'ข้าวแบรนด์โลก'
เมื่อ ๘๐-๙๐ ปี ที่แล้ว.... ในหนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ครูให้ท่อง “สินค้าส่งออกที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาของไทย" ไม่ใช่ “ดินสอพอง” หรือ “แป้งผัดหน้า”
เงิน ‘ประชามติ’ แจกน้ำท่วม
มันเป็น “ความสุขอย่างหนึ่ง” ของคน “บางจำพวก” ที่ได้อาศัย “ความทุกข์” ชาวบ้าน จากน้ำท่วมหาดใหญ่และหลายๆ จังหวัดในภาคใต้ ยกเป็นเหตุ ขยี้ขยำ ตำกระทืบ “นายกฯ อนุทิน”
“มิตรในยามยาก”
“หาดใหญ่”...มันใหญ่ที่ไหน รู้มั้ย? มันใหญ่ที่ “ใจ” นั่นไง! มหาอุทกภัยครั้งนี้ ก็เข้าใจ ว่ามันรากเลือดหนักหนา-สาหัส แต่ทำไงได้
‘ดี-ร้าย’ อยู่ที่ ‘มุมมอง’
แล้วก็มาถึง “เดือนสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ จนได้! นึกย้อนไปเมื่อ ๒๑ ปีที่แล้ว ๒๖ ธันวา.๔๗ “สึนามิ” ถล่ม ๖ จังหวัดใต้ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสียชีวิต ร่วม ๖,๐๐๐ คน เจ็บประมาณ ๘,๐๐๐ คน และสูญหายจำนวนมาก
🛑LIVE อุทกภัยโซเชียล!! | จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์
อุทกภัยโซเชียล!! จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์ : วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568


