‘ดี-ร้าย’ อยู่ที่ ‘มุมมอง’

แล้วก็มาถึง “เดือนสุดท้ายของปี ๒๕๖๘ จนได้!

นึกย้อนไปเมื่อ ๒๑ ปีที่แล้ว

๒๖ ธันวา.๔๗

“สึนามิ” ถล่ม ๖ จังหวัดใต้ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง  และสตูล ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสียชีวิต ร่วม ๖,๐๐๐ คน เจ็บประมาณ ๘,๐๐๐ คน และสูญหายจำนวนมาก

มาปี ๒๕๖๘ นี้ ระหว่าง ๒๐-๓๐ พฤศจิกา.

“สึนามิ” แปลงร่างมาในรูป “มหาอุทกภัย” ผ่านฝนตกแช่ ๗ วัน-๗ คืน ต่อเนื่องประมาณนั้น

ก็ฝังจม ชนิดเปลี่ยน เส้นเอ็น กระดูก เนื้อ หนัง ปอด ตับ ไต ไส้ พุง ม้าม ของเมือง ทั้ง นราธิวาส,  ยะลา, ปัตตานี, สตูล, พัทลุง,  ตรัง และหาดใหญ่-สงขลา

แต่ที่ “หาดใหญ่” ฟ้าท่านประทานพร

ประพรมน้ำเทพมนต์ “ชุบกาย-ชุบใจ” พี่น้องชาวหาดใหญ่ เนรมิตให้ที่นี่เป็น “มหานครใหญ่” ที่หลากหลายในอนาคต

ให้เป็น “มหานคร” ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ตอนล่าง ในรูปแบบใหม่ทางสินค้าเกษตร เพื่อการส่งออกตลาดยุโรป ตลาดตะวันออกกลาง และตลาดแอฟริกาใต้

เงินทุนใหม่ๆ จะทะลักเข้ามา

“ยะลา-นราธิวาส-ปัตตานี-หาดใหญ่” จะได้รับการแปลงโฉมให้เป็น “ชีพจร” ภาคใต้ รองจากกรุงเทพฯ

จะเป็นหมุดหมายใหม่ทาง พักผ่อน ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปะ-วัฒนธรรม 

และโดยเฉพาะ จะเป็นแหล่ง “ช็อปปิ้งสินค้าฮาลาล” ระดับโลก ซึ่งจะเกิดขึ้นในรอยเชื่อมต่อ ๓-๔ จังหวัด

ใน ๕-๑๐ ปี ข้างหน้า ....

จาก “มหาอุทกภัย” นี้ จะทำให้หาดใหญ่และ ๒-๓ จังหวัดที่เชื่อมต่อ เกิดเป็น “มหานครแดนใต้”  ในรูปแบบและทิศทางใหม่

ชนิดที่คนใต้เอง ก็ยังนึกไม่ถึงตอนนี้!?

ที่พูดกันว่า ดิสรัปต์...ดิสรัปต์ แต่หลับตานึกรูปร่างไม่ออก ภายใน ๕-๑๐ ปี ไทยทั้งประเทศรวมทั้งคนหาดใหญ่ จะร้อง อ๋อ

ว่า “ทำลายล้างเพื่อเกิดสิ่งใหม่” มันเป็นอย่างนี้นี่เอง!

แต่ “สิ่งใหม่” จะเกิดหรือไม่เกิด ไม่ใช่ฟ้าบันดาล

ทัศนคติ “สู้เพื่อสิ่งใหม่” นี่ตะหาก คือตัวบันดาล!

คือ ถ้าชาวหาดใหญ่มองการทำลายล้างนี้ “เป็นวิกฤต” เอาแต่ก่นโทษ แช่งด่า อันนี้ หาดใหญ่และภาคใต้ จะอยู่ระหว่างฟื้นๆ กับฟุบๆ เรื่อยไป

แต่ถ้าฮึดสู้ ตามวิสัยเลือดใต้ พลิกมุมมองจากวิกฤตให้ “เป็นโอกาส”

แล้วใช้โอกาสนี้ รวมพลัง “คนใต้กับภาครัฐ” ร่วมกันเจียระไนจนเกิดผลึกปัญญาว่า “จุดอ่อน-จุดแข็ง” ของหาดใหญ่ และ ยะลา-นราธิวาส-ปัตตานี มันอยู่ตรงไหน-อะไรบ้าง?

เมื่อรู้แล้ว ว่าภาคใต้เหมือน “หางพญามังกร” ที่โบกสะบัดครองถึง ๒ มหาสมุทร คือมหาสมุทรอินเดีย

และมหาสมุทรแปซิฟิก จากอ่าวไทยไปทะเลจีนใต้และออกแปซิฟิก

เป็นหางมังกร จะปล่อยให้หาดใหญ่และจังหวัดใกล้เคียงเป็นหางไส้เดือนอยู่ได้อย่างไร?

มันถึงเวลาแล้ว ที่พญามังกรจะขยับเขยื้อนฟาดหางตีฟองใน ๒ มหานที

ดังนั้น จะปล่อยให้หาดใหญ่อยู่อย่างไร้ระเบียบ-แบบแผนและไร้ทิศทางนำ อยู่ไปตามบุญ-ตามกรรมเหมือนเดิม หาควรไม่?

พญามังกรเคลื่อน....

หางพญามังกรก็ต้องฟาดกวาดในพื้นที่มหานทีกว้างเพื่อส่งลำตัวให้พุ่งไปข้างหน้า นี่เป็นธรรมดา

นั่นหมายถึงว่า การพัฒนามหานครหาดใหญ่ ต้องวางแผนเชื่อมต่อไปถึงปัตตานี-ยะลา และนราธิวาส ด้วย!

พืชเกษตรภาคใต้คุณภาพดีมาก นอกจากยางพาราแล้ว ทั้งกาแฟ ทุเรียน ลองกอง ส้มโชกุน โกโก้ และสินค้าประมง

คนเก่งๆ คนรักบ้าน-รักเมือง คนมีสติปัญญา คนมีหัวทางการค้า และคนรวยระดับมหาศาลในภาคใต้...มีเยอะแยะ

แต่ที่ผ่านมา เหมือน “พญามังกรหลับ” ปล่อยให้ประเภท กิ้งกือ เกี๋ยวกุ๊ย งูดิน เพ่นพ่าน

ไม่ต่าง “กับระเบิด” ขวางทางเจริญเมือง!

แต่จากนี้ไป ๕-๑๐ ปี อย่างที่ผมว่า เมื่อพญามังกรตื่นฟาดหาง ไอ้พวกเกี๋ยวกุ๊ย งูดิน หากินทางแยกบ้าน-แยกเมืองจะค่อยๆ เปลี่ยนไปหรือไม่ก็หายไปจากแดนใต้

๓ จังหวัดชายแดนใต้ผนวกหาดใหญ่....

เป็นตัวอย่างอยู่ร่วมของคนต่างศาสนาแต่ไม่ต่างใจในความเป็นชาติบ้านเมือง มีกลมกลืน-ลงตัว ตามคำสอน “พระพุทธองค์” และตามคำสอน “พระอัลเลาะห์”

“ให้อภัย-แบ่งปัน-เมตตาต่อกัน” ทุกศาสดาสอนตรงกัน!

วัตถุดิบแรงงานในภาคใต้มีพร้อมรองรับธุรกิจ-อุตสาหกรรม-การลงทุน

โบราณสถาน ศิลปวัฒนธรรมถิ่น อาหารใต้ ความกันเอง-ความใจกว้างโดยไม่ต้องปรุงแต่งของคนใต้

ทำให้การท่องเที่ยวมีเสน่ห์ดึงดูด ทั้งธรรมชาติมีช่องทางเสริมแต่งเพื่อการสันทนาการโดยไม่ทำลายธรรมชาติได้มาก

ผมจึงมองว่า “มหาอุทกภัย” ใต้ครั้งนี้

เป็นการตื่นของพญามังกรใต้ที่หลับใหลมานาน ที่ฟาดหางเพื่อเคลื่อนตัวสู่ศตวรรษใหม่มากกว่า

แดนใต้จะไม่ “ตามบุญตามกรรม” เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว!

ผมมองอย่างนี้นะ

ตอนนี้ ผมมองข้ามข่าวสารมหาอุทกภัยที่สื่อทั้งหลายตั้งอก-ตั้งใจขุดคุ้ยประเด็นให้ดรามารายวันไปแล้ว

บอกตรงๆ เอียน รำคาญ เบื่อ จนไม่อยากดูข่าวโทรทัศน์ จะมาคร่ำครวญหรือมาฟื้นฝอยหาตะเข็บ คนนั้นผิด-คนนี้ถูก ไปเพื่ออะไร?

ถ้าเอามาโขกซ้ำตำเหยียบ แล้วมันช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น  ชาวบ้านมีความสุข มีความแฮปปี้ขึ้น เออ...ถ้าอย่างนั้น ก็ทำไป

แต่ในความเห็นผม ดรามา ครวญคร่ำ ที่ย่ำกันเปรอะ ไร้ประโยชน์ ปัญญาอ่อน ไม่ได้สร้างสรรค์อะไรขึ้นมาเลย

ตอนนี้ สารพัดซากกองเกลื่อนเมือง!

จิตใจคนประสบภัย ห่อเหี่ยว-แห้งโหย บ้านก็พัง ญาติพี่น้องพลัดหาย บ้างก็ตาย บ้างก็สิ้นเนื้อประดาตัว มองไปทางไหนก็มืดมิด คิดทางอนาคตก็มืดตื้อ-ตีบตัน

แล้ววันๆ สื่อก็ปั่นข่าวดรามาตอกตำ-ย้ำเศร้า ก็ยิ่งชักนำให้รันทดหดหู่ หมดจิต-หมดกำลังใจที่จะลุกขึ้นสู้ในทางก่อร่างสร้างชีวิตใหม่

เพราะสื่อดับไฟในประกายคิดจนมืดมิด ชีวิตนี้...จบสิ้นแล้ว!

มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ตอนเป็นเด็ก ล้มกันคนละกี่ครั้ง กว่าจะยืนได้?

เราต้องให้กำลังใจกัน ช่วยกัน ไม่มีใครปล่อยให้พี่น้องใต้ต้องโดดเดี่ยว-เดียวดาย ไร้การช่วยเหลือหรอก

ผมได้ยินนายกฯ อนุทิน ประกาศ ๒-๓ ครั้ง แล้วว่า

ยามสิ้นไร้ไม้ตอกกันนี้  รัฐบาลจะจ่ายให้คนละ ๙,๐๐๐ บาท ติดกระเป๋าไว้ใช้ยามอยากเปรี้ยว-อยากหวาน

 จากนั้น รัฐบาลจะให้เงินกู้ ๐% คนละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท

ปัญหาเฉพาะหน้า คือการเก็บกวาด ทำความสะอาดถนนหนทางและอาคารบ้านเรือน รัฐบาล โดยกองทัพ หน่วยอาสา จะช่วยกันให้คืนบ้าน-คืนเมือง ให้เรียบร้อย มี ๑๕ วันเป็นเกณฑ์เบื้องต้นไว้ก่อน

สรุปชัดๆ คือ รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง จะขจัดทุกข์-สร้างสุขให้ชาวใต้จนถึงที่สุด ขออย่างเดียว ขอทุกคนอย่าเอาแต่ใจเป็นที่ตั้งเป็นพอ ทั้งน้ำ-ทั้งไฟ ทั้งความสะดวกสบายต่างๆ

ทุกหน่วยงาน “หัวไม่วาง-หางไม่เว้น” เห็นใจกัน ถนอมน้ำใจกันไว้ อย่าเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งกันนักเลย

รัฐบาลหรือนายกฯ อนุทินน่ะ ผมดูท่าน ใครคาดคั้นว่าเป็นความผิดท่าน ท่านก็รับ ใครชี้หน้าว่าท่านล้มเหลว ท่านก็รับ ใครว่าท่านทำงานไม่เป็น ท่านก็รับ

ท่านรับทั้งหมด ชาวบ้านด่าท่านเป็นการระบายอารมณ์ครึ่ง-ค่อนชั่วโมง นายกฯ ท่านก็ยืนให้ด่า

แต่ท่านอยู่กับพื้นที่ อยู่กับชาวบ้าน อยู่กับปัญหาตลอดมานับแต่วันแรก ใครจะด่า-ใครจะชัง ใครจะโทษ ท่านไม่โต้ตอบซักคำ!

ทั้งๆ ที่ ตามหน้าที่แล้ว เป็นเรื่องระดับท้องถิ่นบริหาร มีนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ มีนายอำเภอ มีผู้ว่าฯ เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่และต้องรับผิดชอบพื้นที่

แต่ด่าคนมีหน้าที่รับผิดชอบ มันไม่ได้แต้มบวก-ลบทางการเมือง

มันต้อง “ด่านายกฯ” ทั้งหมดต้องโทษเป็นความผิดนายกฯ แบบนั้นแหละ ค่อยถูกจริตทั้งคนด่าและคนฟัง

ดีแล้ว ที่นายกฯ ไม่ลดตัวลงไปฟัดกับหมา!

ขณะเดียวกัน กลับเร่งระดมทำความสะอาดเมือง ซ่อมแซมบ้านเรือนให้ชาวบ้าน เตรียมเงินเยียวยาคนอยู่ และจ่ายค่าชีวิตให้คนตาย

พร้อมทั้งหาเงินเตรียมให้กู้คนละ ๑ แสน ไปลงหลักปักฐาน “สู้ชีวิต” กันใหม่

เห็นนายกฯ หอบรัฐมนตรีคลัง-เอกนิติ, รัฐมนตรีพาณิชย์-ศุภจี และผู้บริหารแบงก์รัฐ ลงไปหาดใหญ่เมื่อวาน

ก็เชื่อมือท่านเอกนิติและคุณศุภจี ว่า ๒ ปัญหาเฉพาะหน้า คือเรื่องเงินเยียวยาและเงินกู้ กับเรื่องขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าในตลาดหาดใหญ่ให้เดิน

ไม่ทำให้พี่น้องหาดใหญ่และหลายๆ จังหวัดที่ประสบภัยต้องผิดหวังแน่

แต่ผมขอเสนอความเห็นนิด เรื่องเงินเยียวยาครอบครัวละ ๙,๐๐๐ บาท

ผมเข้าใจระบบราชการ คนจะได้รับ ต้องมีเอกสารต่างๆ มาแสดง

แต่ยามนี้ จะเอาสำมะโนครัวที่ไหน บัตรประชาชนที่ไหน จะไปถ่ายเอกสารที่ไหน เพราะมันไปกับน้ำหมดแล้ว

ได้ยินนายกฯ บอก สัปดาห์นี้แหละ จะจ่ายเงินเยียวยาครอบครัวละ ๙,๐๐๐ บาท

ถูกด่าอีกแหงๆ เพราะส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารกันทั้งนั้น!

ผมก็เข้าใจ “เงินหลวง” ขืนจ่ายไม่มีที่มา-ที่ไป เดี๋ยวก็ติดคุก

แต่ถ้าใครไม่มีเอกสารก็จ่าย ก็จะมีคนโมเมมารับกันทุกคน ทั้งอาจเกิดการตุกติกในระดับเจ้าหน้าที่อีกตะหาก

ผมว่านะ ให้ทางอำเภอ หรือไม่ก็ กกต.หรือทางเทศบาลนคร เอาทะเบียนรายชื่อประชาชน หรือทะเบียนสำมะโนประชากรมาดูเป็นหลักฐาน

ให้หัวหน้าหรือคนในครอบครัวมายืนยันตัวตน และตอบคำถามได้ตรงตามทะเบียน ก็จ่าย ๙,๐๐๐ บาท แล้วเซ็นชื่อไว้ แบบนี้จะแก้ปัญหาได้

เงินทองเป็นของบาดใจ ยามนี้ เงินสด ๙,๐๐๐ บาท มีความหมายกับชีวิตและจิตใจมาก

ฉะนั้น วิธีไหนที่จะให้ “ตัวจริง-เสียงจริง” ได้รับเยียวยาไวๆ คิดวิธีไว้เถอะครับ

ไม่งั้น “ปวดหัวอีกแน่”!

-เปลว สีเงิน

๑ ธันวาคม ๒๕๖๘

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

๕ ธันวา ‘ฟ้าอวยชัย’

๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”

ประณีต 'ข้าวแบรนด์โลก'

เมื่อ ๘๐-๙๐ ปี ที่แล้ว.... ในหนังสือเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ครูให้ท่อง “สินค้าส่งออกที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตาของไทย" ไม่ใช่ “ดินสอพอง” หรือ “แป้งผัดหน้า”

เงิน ‘ประชามติ’ แจกน้ำท่วม

มันเป็น “ความสุขอย่างหนึ่ง” ของคน “บางจำพวก” ที่ได้อาศัย “ความทุกข์” ชาวบ้าน จากน้ำท่วมหาดใหญ่และหลายๆ จังหวัดในภาคใต้ ยกเป็นเหตุ ขยี้ขยำ ตำกระทืบ “นายกฯ อนุทิน”

“มิตรในยามยาก”

“หาดใหญ่”...มันใหญ่ที่ไหน รู้มั้ย? มันใหญ่ที่ “ใจ” นั่นไง! มหาอุทกภัยครั้งนี้ ก็เข้าใจ ว่ามันรากเลือดหนักหนา-สาหัส แต่ทำไงได้

🛑LIVE ‘สมชาย-สุโรจน์’ ไขปมห้องลับจีนเทา จี้สังคายนากรมคุก ลดอำนาจราชทัณฑ์!! | อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร

‘สมชาย-สุโรจน์’ ไขปมห้องลับจีนเทา จี้สังคายนากรมคุก ลดอำนาจราชทัณฑ์!! อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2568