
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว ที่สำคัญ “มหาน้ำท่วม” ครั้งนี้ นอกจากประจานเรื่องของระบบเตือนภัย การจัดการ การสร้างภาพของไอ้ห้อยไอ้โหนแล้ว อย่างน้อยก็ตอกย้ำมิตรประเทศที่แท้ทรูด้วย โดยเฉพาะมิตรใกล้อย่าง “ญี่ปุ่น-จีน” ที่ให้ความช่วยเหลือไทย โดยเฉพาะแดนมังกร ที่ล่าสุด “จาง เจี้ยนเว่ย์” เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยและคณะ เข้าพบ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อมอบเงินบริจาคและสิ่งของมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ...๐
ขณะเดียวกัน ผลพวงการเยียวยา โดยเฉพาะค่าปลงศพ 2 ล้านบาทให้แก่ชาวหาดใหญ่ ก็เชื่อว่าจะกลายเป็นประเด็นร้อนแน่ๆ เพราะอย่าลืมว่ามหาอุทกภัยครานี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาที่เดียว แต่มันครอบคลุมถึง 8-9 จังหวัดภาคใต้เลยทีเดียว งานนี้เลยทำให้ “ภราดร ปริศนานันทกุล” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานผู้อำนวย ศป.กฉ. และ “สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ” โฆษกรัฐบาลและโฆษก ศป.กฉ. ก็ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อถูกจี้ถามในเรื่องดังกล่าว ...๐
ที่สำคัญ “สิริพงศ์” ยังแพลมออกมาว่า ในการประชุม ครม.ครั้งหน้ายังจะมีการเสนอให้ยกเว้น “ค่าน้ำ-ค่าไฟ” หาดใหญ่อีก 3 เดือน ก็ยิ่งสร้างความแตกต่าง หรือการแบ่งแยกคนใต้ เหมือนที่ “จตุพร พรหมพันธุ์” วิทยากรคณะหลอมรวมประเทศไทยเตือนไว้ รวมถึง “เทพไท เสนพงศ์” อดีต สส.นครศรีธรรมราช ก็ออกมาเรียกร้องเช่นกันว่า “ค่าปลงศพ” 2 ล้านบาทควรได้ถ้วนทั่ว นี่ยังไม่นับกรณี “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ที่ไปไล่ “นายกแป้น” ณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ให้พ้นเก้าอี้ แม้จะสร้างความสะใจและเรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร แต่ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก็กระตุกให้คิดถึงกฎหมายกบิลเมือง โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญมาตรา 185 ที่สำคัญ หากมีการร้องกันขึ้นมาจะไม่จบที่ “ชาดา” แต่อาจลามไปถึง “อนุทิน” และ “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ด้วย ...๐
เอ่ยถึงพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่เอ่ยถึงการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของแท้ก็ไม่ได้ เพราะออกดอกเห็นผลอย่างชัดเจน หลังจาก “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรค ปชป. นำคณะไปยื่นเอกสารหลักฐาน “ปปง.-ก.ล.ต.” ชี้ให้เห็นถึงธุรกรรมที่ผิดปกติเกี่ยวโยงกับบุคคลที่ถูกกล่าวหา โดยสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาว่าเกี่ยวโยงกับวงการสแกมเมอร์ และ ปปง.ได้อายัดทรัพย์ 3 บุคคลหลัก ทั้ง “ยิม เลียก-ก๊ก อาน-เบน สมิธ” เรียกว่าเป็นการกลับมาของ “พี่มาร์ค” และพรรคฝ่ายค้านของแท้ แม้การเปิดชื่อของ “เบน สมิธ” หรือ “เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์” จะมาจากค่ายส้ม โดยเฉพาะจาก “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน แต่ดูเหมือน “รังสิมันต์” จะเมามันในการแฉการเอ่ยอ้างมากกว่าต่อยอดให้เกิดผลเป็นรูปธรรม งานนี้ “ปชป.” เลยสอนเรื่องการเป็นฝ่ายค้านไม่ใช่ฝ่ายค้ำให้ส้มได้ดูเป็นตัวอย่าง ...๐
ที่สำคัญงานนี้ก็เป็นการวัดใจ “อนุทิน” อีกเรื่องหนึ่งว่าจะดำเนินการอย่างไร เมื่อ ปปง.ลงดาบเช่นนี้ เพราะอย่าลืมว่า “เบน สมิธ” นั้นมีชื่อและความเกี่ยวพันไม่มากก็น้อยกับ “รัฐมนตรีมันคือแป้ง” ตามที่ “รังสิมันต์” แฉอยู่ หากนายกฯ หนูจะใช้แผนนิ่งสงบไม่พูดในรายบุคคลแต่พูดเรื่องสแกมเมอร์ในภาพรวม ก็อาจไม่ช่วยอะไรได้เลย ...๐
พูดถึงคดีความจะไม่เอ่ยถึงกรณีดาราชื่อ น. ที่เฉลยแล้วว่าเป็น “นานา ไรบีนา” ก็ไม่ได้ เพราะกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ไปรวบเจ้าตัวที่บ้านพัก ตามหมายจับศาลอาญาที่ 7195/2568 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ฐานความผิด “ฉ้อโกงทรัพย์ และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” ซึ่งมีผู้เสียหายถึง 17 คน และมีความเสียหายกว่า 190 ล้านบาท น้อยกว่าข่าวที่ดังกระหึ่มในโลกออนไลน์ที่บอกว่ามีความเสียหายกว่า 400 ล้านบาท ซึ่ง “นานา” ก็ให้การภาคเสธตามคาด ซึ่งก็คงต้องติดตามกันต่อไปยาวๆ ว่าความเสียหายจะงอกเป็นดอกเห็ดตามมาหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ บรรดาเกจิอาจารย์ต่างฟันธงบอกว่านอกจากปัญหาเรื่องพฤติกรรมส่วนตัวแล้ว อีกเรื่องหนึ่งคือ กรรมเช็กบิลจากการด่าบ้านเกิดเมืองนอนที่ตนเองทำมาหากินจนร่ำรวยมีหน้ามีตา และฟันธงอีกว่านี่ไม่ใช่รายสุดท้าย รอดูได้เลย ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.
บันทึกหน้า 4
มหาอุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงต่อเนื่อง เล่นเอา “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต้องบินลงพื้นที่น้ำท่วมรอบที่ 3 เพื่อไปช่วยวิกฤตหาดใหญ่อีกครั้ง เพราะดูเหมือนงานนี้ “นายกฯ หนู” แทนที่จะได้ดอกไม้แต่กลับได้กระถางแถมมาด้วย จำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องความล่าช้าในการแก้ไข รวมถึงความซ้ำซ้อนในการแก้ไขปัญหา


