อยู่อย่างไรให้เป็นสุขทุกๆวัน

การจะแบกหรือจะวาง ไม่มีใครช่วยเราได้ อยู่ที่ตัวเราเองว่าจะแบกหรือจะวาง ถ้าแบกก็หนักและเป็นทุกข์ ถ้าวางก็เบาและจะไม่ทุกข์ คนเราถ้าหากไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น เราไม่ทุกข์ เพราะถ้าหากเราเปรียบเทียบตัวเรากับคนอื่น เราจะเจอคนที่มีอะไรเหนือกว่าเรามากมาย แล้วเราก็จะเป็นทุกข์ด้วยความริษยาว่าทำไมเขามีดีกว่าเรามากมาย คนเราทำเวรทำกรรมมาไม่เหมือนกัน วาสนาไม่เหมือนกัน โอกาสไม่เหมือนกัน จังหวะชีวิตไม่เหมือนกัน ดังนั้น เราจึงมีชีวิตที่ไม่เหมือนกัน ถ้าหากเราเข้าใจแบบนี้ ไม่เปรียบเทียบตัวเรากับใคร ไม่อิจฉาคนอื่นที่มีดีกว่าเรา แค่นี้เราก็ไม่เป็นทุกข์แล้ว

มนุษย์เรามีภูมิหลังต่างกัน มีคุณสมบัติต่างกัน มีโอกาสต่างกัน ชีวิตจึงดีไม่เท่ากัน พอใจในสิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเป็น ไม่อิจฉาคนอื่นที่ดีกว่าเรา ก็ไม่เป็นทุกข์แล้วแน่นอน ความสุขคือกำไร ความทุกข์คือขาดทุน ดังนั้นควรมีชีวิตอยู่แบบเป็นสุข ให้เป็นชีวิตที่มีกำไร ถ้าหากมีชีวิตอยู่อย่างเป็นทุกข์ ก็เป็นชีวิตที่ขาดทุน มองดูรอบตัวเรา ที่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เราอยู่เป็นสุขได้ จะเก็บเอาคำของคนอื่นที่ทำให้เราเป็นทุกข์มาแบกไว้ให้หนักทำไม จงพอใจกับความสมบูรณ์ของสรรพสิ่งที่พึงมี และผลงานที่เราได้สร้างสรรค์ไว้ด้วยความตั้งใจ และเป็นผลงานที่ออกมาดี คนยกย่องชมเชยเราก็มี คนตำหนิด้อยค่าเราก็มี จงเลือกเอาว่าเราจะรับฟังสิ่งดีๆ หรือจะรับเอาคำพูดที่ไม่ดีมาแบกไว้ให้ใจเป็นทุกข์ คนที่อยู่รอบกายเรา ไม่ได้หวังดีกับเราทุกคน นอกจากไม่หวังดีกับเราแล้ว ยังมีคนที่อิจฉาริษยาเรา ไม่อยากให้เราดี เด่น ดัง ก็มีอยู่จริง แล้วเราจะไปสนใจคำพูดของคนที่ไม่หวังดีกับเราทำไม บางทีแสงของเราอาจจะทำให้สายตาเขาพร่ามัว เขาจึงจำเป็นต้องดับแสงเรา

คนที่มีความสุข ยิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ดีเสมอ คือคนที่เผชิญกับปัญหาด้วยความหวังว่าปัญหาทุกอย่างแก้ได้ ไม่ช้าก็เร็ว ง่ายบ้าง ยากบ้าง แต่ปัญหาจะไม่อยู่กับเราตลอดไป ถ้าหากความสุขเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปได้ ทุกข์ก็เช่นกัน เกิดได้ ตั้งอยู่ และวันหนึ่งก็ต้องดับไป การมีชีวิตที่มีความหวังว่าอะไรๆ ในชีวิตมีโอกาสจะดีขึ้น ปัญหาที่เป็นเหตุแห่งทุกข์จะไม่อยู่กับเราตลอดไป พี่อี๊ดทำได้อย่างไร เวลามีปัญหา แล้วใจเราเป็นทุกข์ ก็ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น สำคัญที่สุดคือทำใจยอมรับสิ่งที่มันเกิดขึ้นไปแล้ว ไม่เสียเวลากับการเสียใจสิ่งที่เกิดแล้วในอดีต แต่พร้อมที่เดินต่อไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ดีกว่าเดิม ทำสิ่งที่ถูกต้อง เรียนรู้จากความผิดพลาด แล้วเดินหน้าต่อไปด้วยการแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ เพื่อไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีก ทำสิ่งที่จะทำให้เป็นสุข หลีกให้ไกลสิ่งที่จะทำให้เป็นทุกข์

บางคนเป็นทุกข์เพราะรู้สึกว่าคนอื่นเก่งกว่า เพราะกลัวคนอื่นจะเด่นกว่า กลัวจะโดนเทียบ กลัวตัวเองดูด้อย ทุกองค์กรจะโตได้ต้องมีดวงไฟหลายดวง ไม่ใช่ไฟดวงเดียว ดังนั้น เขาเก่ง เราเก่ง องค์กรก็สว่างด้วยไฟหลายดวง ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งกล่าวว่า องค์กรเจริญเติบโตได้เพราะมีคนเก่งหลายคนมาทำงานร่วมกัน ท่านพูดว่า “มากคนมากวาสนา” คนเก่งคือทรัพยากรสำคัญขององค์กร ยิ่งมีคนเก่งมาก องค์กรก็ยิ่งดีมาก ยิ่งพนักงานเปล่งแสง องค์กรก็ยิ่งได้ประโยชน์ เราจะต้องไม่หวงเงา ไม่ต้องกลัวแสงจะไปตกที่ใคร เพราะแสงที่ทุกคนมี...สุดท้ายมันสะท้อนกลับมาที่องค์กรทั้งหมด

คนเป็นนาย นอกจากไม่ทุกข์เพราะกลัวลูกน้องเก่งกว่าแล้ว เขาสามารถสร้างสุขให้ลูกน้องได้ด้วยการชมลูกน้องในที่แจ้ง ให้เขาภูมิใจในสิ่งที่ทำ ตำหนิลูกน้องในที่ลับ เพื่อให้เขาเติบโตแบบไม่เสียหน้า ยกความดีให้ทีม เพราะความสำเร็จไม่มีใครทำคนเดียวได้ สุดท้ายแล้วผู้บริหารที่แข็งแรงมีมุทิตาจิต ไม่ริษยาลูกน้องก็จะเป็นนายที่กล้ายืนข้างคนเก่ง ไม่กลัวคนที่เก่งกว่า ผู้บริหารก็จะมีความสุข ไม่ทุกข์เพราะริษยา ลูกน้องก็จะมีความสุข เพราะมีเจ้านายที่มีแนวคิดในการทำงานเน้นการสนับสนุน (Supporting concept) มากกว่าทำงานด้วยแนวคิดที่ต้องการควบคุมลูกน้องให้อยู่ใต้อำนาจ (Controlling concept)

สำหรับคนที่ต้องการมีความสุข เพราะคนรอบข้างชื่นชม ต้องอยู่ใกล้กับคนที่รู้จักคำว่าให้ คือให้รอยยิ้ม ให้โอกาส ให้คำแนะนำ ให้ความรัก เชื่อมั่นว่าลูกน้องทุกคนสามารถพัฒนาได้ หากได้รับคำแนะนำที่ดี ได้โอกาสที่จะได้ทำงานที่แสดงศักยภาพและความสามารถ ตอนนี้มีคนจำนวนมากเป็นทุกข์กับอุทกภัย น้ำท่วมภาคใต้ พื้นที่หาดใหญ่ สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง พัทลุง และนครศรีธรรมราช กำลังเผชิญวิกฤตอุทกภัยครั้งใหญ่จากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง หลายชุมชนในเมืองและรอบนอกถูกตัดขาดเส้นทางสัญจร บ้านเรือนจำนวนมากจมอยู่ใต้น้ำที่เพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว ผู้คนต้องเร่งอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง ขณะที่อีกหลายครอบครัวเลือกอยู่ที่บ้านเพราะไม่ทันเคลื่อนย้ายสิ่งของสำคัญ สถานการณ์ยังไม่นิ่ง และจำนวนผู้ประสบภัยเพิ่มขึ้นทุกชั่วโมง สิ่งสำคัญที่สุดที่จะเปลื้องทุกข์ก็คือการช่วยกันประคองชีวิตให้ผ่านไปด้วยกัน ช่วยบรรเทาทุกข์ด้วยการบริจาคสิ่งของจำเป็น ในขณะที่หลายฝ่ายพยายามจะช่วยกัน แต่ก็มีนักการเมืองบางคน สื่อบางราย Influ บางคนพูดจาแซะ แขวะ เย้ยหยัน ส่อเสียด สร้างทุกข์ให้กับคนที่ได้อ่าน เราอย่าไปใส่ใจกับคนพวกนี้ที่มีอคติและไม่หวังดีกับใคร รวมทั้งไม่หวังดีกับประเทศด้วย เรื่องที่พวกเขาพูดจะนำความทุกข์มาให้คนอื่น เราต้องไม่ยอมให้ข้อมูลจากอคติมาทำให้เราเป็นทุกข์ เราต้องรู้เท่าทันสื่อ รู้เท่าทันข่าวยามที่เรามีปัญหา เราต้องบอกตัวเองว่าเราพร้อมจะสู้ “เรายังอยู่ ยังไปต่อ และยังมีคนอื่นบางคนที่เข้าใจเราจริงๆ และพร้อมจะยื่นมือมาช่วยเรา” มนุษย์ทุกคนล้มได้ แต่มนุษย์ทุกคนก็ลุกได้...แค่ไม่ลุกคนเดียว เราต้องใช้ชีวิตที่รายล้อมไปด้วยคนที่รักเราอย่างจริงใจ เราจะออกจากความทุกข์ได้เร็วขึ้น “มิตรภาพเพิ่มความสุขเป็น 2 เท่า แบ่งความเศร้าเหลือครึ่งเดียวยามที่เราเป็นทุกข์ เราต้องหันมารักตัวเอง เราไม่ใช่บ้านของความเศร้า แต่เป็นโรงแรมที่ปล่อยให้ความทุกข์มาพักชั่วคราว แล้วก็จากไป ทิ้งความเศร้าไว้ในอดีต แล้วก้าวเดินอย่างมั่นใจ ไปยังแสงไฟแห่งอนาคต จงโอบกอดช่วงเวลาแห่งปัจจุบันให้เต็มที่ อย่าให้ใครมาบอกว่าความสุขของเรามีหน้าตาแบบไหน เพราะความสุขไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร เรามีคุณค่าในแบบของเราเอง เราไม่จำเป็นต้องสมหวังในความรัก เรางดงามได้แม้จะโดดเดี่ยว เราต้องกล้าที่จะอ่อนแอ ดีกว่าฝืนที่จะเข้มแข็งเสมอ.