
อีกแล้วครับทั่น....
วานนี้ (๗ ธันวาคม) สื่อเขมรรายงาน ข่าวด่วน! กล่าวหาทหารไทยยิงถล่มกองกำลังกัมพูชาที่ชายแดนปราสาทพระวิหาร
เป็นรายงานอ้างคำแถลงของ “พลโทหญิง มาลี โสเจียตา” โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เปิดเผยว่า
"...เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ ๑๔.๑๕ น. ในพื้นที่จังหวัดพระวิหาร
มีรายงานว่าทหารไทยใช้อาวุธขนาดเล็ก เครื่องยิงจรวด B40 และปืนครกขนาด ๖๐ มม.
กองกำลังกัมพูชาได้ติดต่อไปยังฝ่ายไทยทันที เพื่อเรียกร้องให้ยุติการยิง
และไม่มีการยิงตอบโต้ใดๆ
มีรายงานว่ากองกำลังไทยได้หยุดยิงเมื่อเวลา ๑๔.๓๒ น. กองกำลังกัมพูชายังคงติดตามสถานการณ์อย่างระมัดระวัง โดยยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์ในระดับสูงสุด
กระทรวงฯ ยังได้แจ้งเหตุการณ์ดังกล่าวต่อคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) และวางแผนที่จะร้องขอให้มีการสอบสวนเพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม และมีความรับผิดชอบ
กัมพูชายืนยันความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะรักษาการหยุดยิงและบทบัญญัติของปฏิญญาร่วมกัมพูชา-ไทย โดยเน้นย้ำถึงการยึดมั่นในการแก้ปัญหาโดยสันติ กฎหมายระหว่างประเทศ และสนธิสัญญาที่มีอยู่
ขณะเดียวกันก็คัดค้านการใช้กำลังใดๆ..."
สวยหรูครับ
เป็นอีกครั้งที่กัมพูชากล่าวหาไทยว่าเป็นฝ่ายเปิดฉากยิง ขณะที่กัมพูชายึดถือข้อตกลงหยุดยิงที่กัวลาลัมเปอร์ ฝักใฝ่ในสันติภาพ ไม่ได้ใช้กำลังอาวุธแต่อย่างใด
ไปดูข้อมูลจากฝั่งไทยบ้าง
กองทัพภาคที่ ๒ สรุปสถานการณ์ปะทะ-ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน จังหวัดศรีสะเกษ ดังต่อไปนี้
เวลา ๑๔.๑๕ น. หน่วย พัน.ร.๑๓ (ฉก.๑) ปะทะกับกำลังกัมพูชาด้วยอาวุธปืนเล็ก ส่งผลมีผู้บาดเจ็บ ๑ นาย คือ ส.อ.อนุชาติ เรือนคำ (ป.๖ พัน.๖)
เวลา ๑๔.๑๖ น. มีการยิงอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ฝ่ายกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง
พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ ๒ สั่งหน่วย เตรียมพร้อมเต็มรูปแบบ และปฏิบัติตามกฎการปะทะ
เวลา ๑๔.๕๐ น. การปะทะยุติลง หน่วยยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์ และรักษาความพร้อมอย่างใกล้ชิด เวลา ๑๔.๕๓ น. ลำเลียงผู้บาดเจ็บถึง บก.โดนเอาว์ จังหวัดศรีสะเกษเพื่อรักษาพยาบาลต่อ
มีผู้บาดเจ็บ ๒ นาย
๑.ส.อ.อนุชาติ เรือนคำ (ป.๖ พัน.๖) ถูกยิงที่ขา
๒.พลฯ พรชัย จำปาจุม (ร.๖ พัน.๓) ถูกยิงใส่เสื้อเกราะบริเวณหน้าอก มีรอยฟกช้ำ แน่นหน้าอก
ขณะนี้อยู่ระหว่างเดินทางไป รพ.สต.โดนเอาว์ และจะส่งต่อไปโรงพยาบาลกันทรลักษ์ ต่อไป....
ยังไม่ต้องเชื่อฝ่ายไหนก็ได้ครับ แต่ให้พิจารณาด้วยใจที่เป็นธรรมก็จะเห็นข้อเท็จจริงจากทั้ง ๒ ฝ่าย
เขมรอ้างว่าไทยเป็นฝ่ายยิง โดยที่ทหารเขมรมิได้ยิงตอบโต้ใดๆ
ส่วนฝ่ายไทยมีหลักฐานทหาร ๒ นายถูกยิงด้วยกระสุนปืน
ก็เป็นไปได้ ๒ อย่างครับ
ทหารไทยถูกทหารเขมรยิงจริง
หรือไม่ทหารไทยยิงตัวเองเพื่อสร้างสถานการณ์
ขณะที่ฝ่ายเขมรอ้างว่ามิได้ตอบโต้แม้แต่นัดเดียว และไม่มีทหารเขมรได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแม้แต่รายเดียว
จะเชื่อใครดีครับ
น่าเสียดายครับ วานนี้ตลอดทั้งวัน ขแมร์ไทมส์ สื่อยักษ์ใหญ่ของเขมร รายงานข่าวนี้เป็นข่าวด่วนเพียงข่าวเดียว และไม่ปรากฏข่าวต่อเนื่องใดๆ อีกเลย
เป็นเรื่องผิดวิสัยของการตีข่าวในเขมร
ขณะที่ฝั่งไทยมาเป็นชุด
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงข่าว ซัด “มาลี โสเจียตา” ไปหลายดอก
ข้อเท็จจริงคือ ทหารกัมพูชาได้นำกำลังเข้ามาในบริเวณพื้นที่ ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ขณะฝ่ายไทยดำเนินการปรับปรุงเส้นทางในเขตไทย
จากนั้นทหารเขมรยิงเข้าใส่ชุดรักษาความปลอดภัยของชุดปรับปรุงเส้นทาง
ฝ่ายไทยได้ทำการยิงปะทะตามกฎการใช้กำลัง และนำไปสู่การปะทะ
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้กำลังพลบาดเจ็บ ๒ นายอย่างที่ทราบกัน
ดังนั้น การที่กัมพูชาอ้างว่าไม่ได้ทำการยิงมานั้น ไม่เป็นความจริง และเป็นการกล่าวอ้างโดยปราศจากหลักฐาน ดังเช่นที่กัมพูชามักปฏิบัติทุกครั้งเมื่อเป็นผู้กระทำต่อฝ่ายไทยก่อน
ขณะที่ฝ่ายไทยมีหลักฐานชัดเจนยืนยันทั้งเวลา สถานที่ และผลกระทบต่อกำลังพลของไทย
เขมรกำลังจนตรอกครับ
เรื่องที่ใหญ่กว่านี้กำลังเกิดขึ้นอีกซีกโลก
“สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบหารือกับ “โวลเกอร์ เติร์ก” ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ในโอกาสเยือนนครเจนีวา เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ครั้งที่ ๒๒ หรืออนุสัญญาออตตาวา
ย้ำว่า ไทยยึดมั่นต่อหลักการสันติภาพ แต่กัมพูชาขาดความจริงใจในการแก้ไขปัญหาและเป็นฝ่ายใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งทำให้ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดและสูญเสียขาจำนวน ๗ คน ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และขัดต่อการดำเนินการตาม Joint Declaration (JD) ของฝ่ายกัมพูชา
ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม “สีหศักดิ์” ได้กล่าวถ้อยแถลงในวาระการพิจารณาคำขอตามข้อ ๘ ของอนุสัญญาออตตาวา ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ครั้งที่ ๒๒ ณ นครเจนีวาด้วย
“สีหศักดิ์” ชี้แจงข้อเท็จจริงและจุดยืนของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยย้ำว่าไทยมีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาฯ มาตลอด และได้ใช้กลไกทวิภาคีทุกช่องทางด้วยความจริงใจเพื่อแก้ไขสถานการณ์
ไทยไม่ประสงค์ที่จะทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นประเด็นทางการเมือง แต่การที่ทหารของไทยได้รับความสูญเสียและต้องทุพพลภาพอย่างถาวรจากการใช้ทุ่นระเบิดของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดข้อ ๑ ของอนุสัญญาฯ อย่างชัดแจ้งนั้น จึงจำเป็นต้องกล่าวถ้อยแถลงนี้ในนามของประชาชนผู้ที่ต้องเผชิญกับการกระทำที่ไม่ควรเกิดขึ้น
ไทยไม่มีทางเลือกและต้องสงวนสิทธิในการดำเนินการตามกลไกข้อ ๘ วรรค ๒ ของอนุสัญญาฯ เพื่อขอคำชี้แจงจากกัมพูชา แต่คำชี้แจงของกัมพูชากลับขัดแย้งกับหลักฐานที่ได้ผ่านการตรวจสอบแล้ว อีกทั้งยังมีการบิดเบือนข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
“หากรัฐภาคีสามารถวางทุ่นระเบิดใหม่แล้วเพียงปฏิเสธได้โดยไม่ต้องรับผลการกระทำใดๆ จะเกิดอะไรขึ้น หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งถัดไป การดำเนินการต่อไปที่เป็นธรรม มีประสิทธิภาพ และโปร่งใสที่สุด คือการร้องขอให้เลขาธิการสหประชาชาติอำนวยความสะดวก (good offices) ในการจัดตั้งคณะผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริง (fact-finding mission) ที่เป็นอิสระ อย่างทันท่วงที”
นี่คือคำขอของไทย
เกลือจิ้มเกลือครับ!
เมื่อเขมรเล่นบทลูกอีช่างฟ้อง ก็สนองให้สมใจอยาก ดึงยูเอ็นลงมาให้เห็นกับตา ว่าหลักฐานของไทยกับเขมรของใครเป็นของจริง
หากยูเอ็นลงมาจริงคงได้หลักฐานเพียบ
โดยเฉพาะหลักฐานเท็จจากเขมร.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ว่าด้วยเรื่องเคลมผลงาน
มากันเพียบครับ...ผู้รู้ทั้งนั้น!สารพัดคำแนะนำและคำเหน็บแนม หลัง ปปง.ยุครัฐบาลอนุทิน อายัด-ยึดทรัพย์ของแก๊งสแกมเมอร์ระดับหัวโจกที่อยู่ในเมืองไทย บ้างเยาะเย้ยว่าแค่อายัด ไม่ใช่ยึด พอเรื่องเงียบก็คืน
ทำไมไม่ยึดยุค 'อุ๊งอิ๊ง'
เขย่าพอหอมปากหอมคอ “เบน สมิธ” ชื่อนี้ตอนนี้ เหม็นยิ่งกว่าขี้ ไม่มีใครอยากเข้าใกล้
'เพื่อไทย' ไม่ไปต่อ
พรรคเพื่อไทยจะยื่นซักฟอกรัฐบาลหรือไม่? คำถามนี้เกิดจากคำตอบของนายกฯ อนุทิน วานนี้ (๓ ธันวาคม) "...คาดเข็มขัดนิรภัย..."
รอวันส้มเป็นรัฐบาล
ราคาคุยเยอะจริงๆ... ไม่มีพรรคไหนเก่งไปกว่าพรรคส้มแล้วครับ ไม่ได้ประชด แต่ตามรูปการณ์มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
พันศพ! เละเป็นโจ๊ก
กู่ไม่กลับ... "บิ๊กโจ๊ก" กำลังจะเละเป็นโจ๊ก ไม่รู้ไปเอาข้อมูลมาจากไหนว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ จำนวนมากเกินหลักพัน เน้นนะครับ เฉพาะที่หาดใหญ่
ปรากฏการณ์อภิสิทธิ์
นั่นไง.... บอกแล้วว่าอย่าประมาท “ปรากฏการณ์อภิสิทธิ์” วานนี้ (๓๐ พฤศจิกายน)

