‘พีระพันธุ์’ เปลี่ยนไป

 “ผมพร้อมมานานแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ อย่างจริงจัง

ใครที่ทนกับสิ่งยั่วยุไม่ได้ หรือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว เชิญออกไป ใครพร้อมเป็นลูกน้องนายทุน เชิญออกไป

ที่ผ่านมาจำนวน สส.ที่หายไปคือราคาที่ผมแลกกับการลดค่าไฟให้ประชาชน แต่ผมยังอยู่ และยังมีคนที่ยืนหยัดเคียงข้างผม

วันนี้ผมภูมิใจที่ไม่ได้สู้คนเดียว แต่ยังมีขุนพลที่ร่วมอุดมการณ์และพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติอีกมากมาย

ท่านใดที่มีอุดมการณ์เหมือนกับเรา ก็อยากขอเชิญชวนมาร่วมแก้วิกฤตชาติ และพลิกโฉมประเทศไปด้วยกันครับ”

นี่..คำประกาศ-เสียงดังจากคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ต่อหน้าคุณชัชวาลล์ คงอุดม เลขาธิการพรรค

รวมทั้งคณะผู้บริหารพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกพรรคที่พรั่งพร้อมร่วมกันแสดงพลังประกาศจุดยืน “เด็ดขาดแก้วิกฤต พลิกโฉมประเทศ” เมื่อวานซืน

ซึ่งบางท่านได้ยินอาจจะรู้สึกประหลาดใจกับท่าทีท่วงทำนองที่เปลี่ยนไปของคุณพีระพันธุ์ ที่ระยะนี้ค่อนข้างจะแข็งกร้าว ดุดัน ไม่ได้สงบปาก วางท่าผู้ดีเหมือนแต่ก่อน

จะด้วยเหตุใดนั้น ก็มีคนถามอยู่เหมือนกัน แต่ใครล่ะจะไปล่วงรู้ได้ บอกได้ก็เพียง..คุณพีระพันธุ์น่าจะพอรู้ตัวขึ้นมาบ้างแล้วล่ะว่าทางการเมืองนั้น

การเงียบ ไม่ตอบโต้ ไม่ (ยอม) อธิบาย-ชี้แจง หรือทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ ใช่ว่าจะเป็นผลดีต่อตัวเองและต่อพรรคซะที่ไหน?

บางเรื่องมันต้องพูด ต้องอธิบาย ต้องแข็งกร้าว ต้องแสดงความเด็ดขาดออกมาให้สังคมได้ยิน-ได้เข้าใจ-ได้เห็น..

ดังเช่น.. “ใครที่ทนกับสิ่งยั่วยุไม่ได้ หรือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว เชิญออกไป ใครพร้อมเป็นลูกน้องนายทุน เชิญออกไป” มันต้องพรรค์นี้

ประเภท “ผู้ดีแปดสาแหรก” น่ะ มันใช้ไม่ได้กับ “การเมือง” ไม่ว่าจะประเทศไทย หรือที่ไหนในโลกนี้ เชื่อสิ!

อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณพีระพันธุ์เริ่มจะดุดัน แข็งกร้าวขึ้นแล้ว ใจก็ต้องเปิดกว้างตามไปด้วย ไม่คับแคบ หยุมหยิม หรือเอนเอียงไปตามอารมณ์รักโลภโกรธหลง

ผมน่ะ ถึงอย่างไรก็ยังชื่นชมคุณพีระพันธุ์ว่าเป็น “นักการเมืองพันธุ์ดี” อยู่วันยังค่ำ เพียงแต่บางครั้งก็ให้อึดอัดกับท่าทีความเป็นผู้ดีเก่า

คือถ้าจะรักษาความเป็น “ผู้ดีแปดสาแหรก” ให้เหนียวแน่น-มั่นคงถาวร ก็อย่าเอาตัวเองเข้ามาข้องแวะ-ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย

ไม่ได้หมายความว่า การเมืองมันเลวร้าย-ไม่ดี แต่เท่าที่เห็น “คนดี” มักเดินอยู่บนเส้นทางสายนี้ไม่ค่อยได้เท่านั้นแหละ!

ครับ..พูดเรื่องการเมือง ก็บังเอิญเห็นข้อความที่ “คุณบุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” โพสต์.. “ช่วงนี้เนื้อหอมมาก มีพรรคการเมืองติดต่อมาแทบทุกวัน เพื่อชวนเล่นการเมือง

บุ๋มขอยืนยันตรงนี้ ว่าการทำมูลนิธิ ไม่มีจุดประสงค์เพื่อเป็น สส.แต่อย่างใด บุ๋มแค่ชอบทำบุญ และการทำมูลนิธิคือฝันสูงสุดของบุ๋มแล้วค่ะ”

ใครติดต่อไม่ต้องไปค้นหา ให้รู้แต่ว่า เมื่อคุณบุ๋มชัดเจนกับความฝันสูงสุดเช่นนี้ ก็อย่าได้หว่านล้อม-เซ้าซี้ให้เสียเวลา ปล่อยให้คุณบุ๋มได้มีความสุขกับการทำมูลนิธิของเธอไปเถอะ..

สส. หรือรัฐมนตรี ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากเป็น-อยากได้ เข้าใจ๋?

และนั่นก็อีกคน..คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ไม่ว่าจะก่อนนี้หรือปัจจุบัน พระเอกแบกศพก็ยังคงเนื้อหอมเป็นที่หมายตา-หมายปองของนักการเมือง-พรรคการเมืองอยู่เหมือนเดิม

แต่ไม่ว่าจะหว่านล้อมหรือยื่นผลประโยชน์ตอบแทนอย่างไร คุณบิณฑ์ก็ยังใจแข็ง ยืนยันคำเดิม “ไม่เล่นการเมือง” โดยย้ำว่าไม่ได้รังเกียจ..

เพียงแต่การทำประโยชน์หรือช่วยเหลือประชาชนนั้น มันมีโอกาส-ช่องทางอีกมากมาย ขอแต่มีความบริสุทธิ์ ความตั้งใจมุ่งมั่น อยู่ตรงไหนก็ทำได้ ว่างั้น!

หรือคุณพีระพันธุ์จะลองทาบทามก็เอา เผื่อคุณบิณฑ์จะเปลี่ยนใจ ได้คนนี้ไป ผมบอกเลย..

คะแนนปาร์ตี้ลิสต์กระฉูดแน่!.

 

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใครที่เดือดร้อน?

แรกเห็น-แรกอ่าน.. ก็..คิดเอาว่าเป็นใครก็ไม่รู้เขียน เพราะไม่เชื่อว่าจะเป็นถ้อยคำจาก “เสก โลโซ” ร็อกเกอร์คนดัง ซึ่งผู้อ่านหลายท่านก็น่าจะได้ผ่านตา

ระวังจะโดนย้อนศร

เรื่องนี้ต้องขยาย.. ผมหมายถึง “ยอดคนตาย” จากมหาอุทกภัยหาดใหญ่น่ะ เพราะหลังจาก นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลง..

ต่างฝ่ายต่างโกง?

ดารา-นักแสดงถูกเบี้ยวค่าตัว! ความจริงก็ใช่ว่าเพิ่งมาเกิดเอายุคปัจจุบัน-ตอนนี้..สมัยนู้นนน ในยุคพระเอก-นางเอกคู่ขวัญ “มิตร ชัยบัญชา-เพชรา เชาวราษฎร์” และ “สมบัติ เมทะนี-อรัญญา นามวงศ์”..

ความคิดหลุดโลก?

แค่นายกฯ อนุทินหยอดมุก.. “อยากนามสกุล ‘หลีกภัย’ แต่เจอเข้าไป 4 ภัย ทั้งภัยเศรษฐกิจ ภัยความมั่นคง ภัยสังคม และภัยธรรมชาติ”

‘ตลก’ไม่ทิ้งกัน!

“เต็มที่แล้ว เต็มที่จริงๆ ผมทำดีที่สุดแล้ว” นี่.. “นายกแป้น” คุณณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้บอกผู้สื่อข่าว หลังจากที่ประกาศก่อนหน้าว่า..

เขต 8 แดนเจอรัส?

น้ำลด..เขต 8 โผล่! ทีนี้ ก็เป็นหน้าที่ของ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” แล้วล่ะ จะปฏิบัติการกวาดล้างพวก “มนุษย์ขยะ” เฮงซวย-เส็งเคร็ง ที่สร้างความเสื่อมเสียให้ชาวเมืองหาดใหญ่กันอย่างไร?