
ต้องบอกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันนี้ยังคงร้อนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า หาก “ระบอบฮุน เซน” ไม่ตายจากดินแดนเขมร ก็ยากหาความสงบลงได้ ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นงานหินยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาเสียอีก เพราะคนกัมพูชาส่วนใหญ่ก็หลงใหลได้ปลื้มกับ “ระบอบฮุน เซน” ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง ภาคเอกชน โดยเฉพาะแวดวงสื่อมวลชน จึงไม่แปลกที่เราจะ ไม่เคยเห็นการแสดงความแตกแถวของข่าวชายแดนจากสื่อเขมรทั้งในรูปสื่อหนังสือพิมพ์หรือสื่อออนไลน์แม้แต่รายเดียวเลย ...๐
ในขณะที่พี่ไทยนั้น ก็เรียกว่า “เสรีภาพ” เต็มสูบ เราจึงได้เห็นความเห็น ความคิด และการเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวอยู่ร่ำไป โดยเฉพาะจากนักรบห้องแอร์ทั้งหลาย แต่ล่าสุดก็มีการแสดงความคิดเห็นในการเจรจายุติการหยุดยิงจากกระทรวงการต่างประเทศ โดย “มาระตี นะลิตา อันดาโม” รองโฆษก กต. แถลงผ่านศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เขมรต้องตอบรับเงื่อนไขไทย 3 ข้อ ได้แก่ 1.กัมพูชาต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดยิงก่อน ในฐานะฝ่ายรุกราน 2.การหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริงและต้องต่อเนื่อง ต้องไม่ยิงซ้ำ และ 3.ต้องมีความจริงใจของฝ่ายกัมพูชาในการให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด เรียกว่า “พี่ไทย” ก็อ่อนข้อให้พอสมควร เพราะจะเห็นว่าได้ตัดเรื่อง “สแกมเมอร์” ออกไปจากเวทีดังกล่าวแล้ว ...๐
พูดถึง “กต.” ไม่เอ่ยถึงเจ้ากระทรวงก็ไม่ได้ เพราะล่าสุด “สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” ได้เข้าไปพรรคภูมิใจไทย แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธว่าไม่อยากเป็นนักการเมือง แต่ก็ยอมรับว่าอยากทำหน้าที่ “รมว.การต่างประเทศ” ให้ดีที่สุด พร้อมไม่ปฏิเสธหากได้รับเก้าอี้ต่ออีกหากการเลือกตั้งแล้วพรรคสีน้ำเงินเข้าวิน ...๐
ในขณะที่บรรดาพรรคการเมืองทั้งหลายก็ต้องบอกว่าเข้าสู่ยุคหน้าข้าวหน้าเหล้าอย่างแท้ทรู เพราะมีการย้ายค่ายย้ายซบกันคึกคัก ซึ่งนอกจาก “ภูมิใจไทย” ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” จะหัวกระไดไม่แห้งแล้ว อีกพรรคหนึ่งอย่าง “กล้าธรรม” ของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ก็คึกคักไม่แพ้กัน โดยล่าสุดก็กลุ่มเพื่อนต่อ หรือกลุ่มของผู้พลาดหวังจากประชาธิปัตย์ในการเลือกหัวหน้าพรรคทั้ง “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” และ “เดชอิศม์ ขาวทอง” ก็ย้ายไปซบแล้ว ในขณะที่แคนดิเดตนายกฯ นั้นหัวหน้าพรรคอย่าง “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ก็ประกาศชื่อผู้กองนัสเป็นเบอร์หนึ่งไปแล้ว ในขณะที่เบอร์สองและสามนั้นเจ้าตัวก็บอกว่าจะมีนักการเมืองผู้ใหญ่มาเป็นแคนดิเดตให้ ...๐
งานนี้ก็ต้องจับตาว่าจะมีพรรคใดเปิดแคนดิเดตนายกฯ 3 คน เหมือนที่ก่อนหน้านี้พรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยเปิดครบไปแล้วบ้าง โดยเฉพาะ พรรคเพื่อไทยต้นตำรับประชานิยมนั้น ล่าสุดก็แย้มนโยบายล้างหนี้ออกมาแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าบรรดาสถาบันการเงินเห็นแล้วจะส่ายหน้าหรือไม่ โดยเฉพาะปมคนเป็นหนี้ NPL ไม่เกิน 200,000 บาท จ่ายเพียง 10% หรือ 20,000 บาท ปิดหนี้ได้ทันที นี่ยังไม่นับรวมกรณีรถไฟฟ้า 20 บาท และรถเมล์แอร์ 10 บาทที่บอกว่าจะทำทันที เพราะชาวบ้านเขาถามว่าคนชื่อ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” แคนดิเดตนายกฯ ที่นั่ง รมว.คมนาคม มายาวกว่า 2 ปีก็เคยขายฝันนโยบายนี้ไปแล้ว นี่จับมาล้างน้ำเพิ่มรถเมล์แอร์ขึ้นแล้วมาขายซ้ำมันจะน่าเชื่อถือหรือว่าทำได้จริง ...๐
ต่างจากพรรคเสี่ยหนู ที่ไม่พูดพล่ามทำเพลง เพราะมีการต่อยอดจาก “โครงการคนละครึ่งพลัส” ที่ทำจริงและได้เสียงปรบมือกันถ้วนทั่ว โดย “แนน บุณย์ธิดา สมชัย” โฆษกพรรคภูมิใจไทยได้ออกมาเปิดสโลแกน “พูดแล้วทำ Plus” สานต่อนโนบายเต็มสูบ งานนี้ก็ต้องวัดกันแล้วว่า พูดแล้วทำพลัสนั้นจะมีนโยบายอะไรออกมาดึงใจชาวบ้าน โดยเฉพาะการปักธงในพื้นที่กรุงเทพมหานครของพรรคที่น่าจับตามองอย่างยิ่งว่าจะทำได้หรือไม่ ...๐
ส่วนพรรคส้มของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ก็คึกคักไม่แพ้กัน หลังเปิดตัวว่าที่แคนดิเดตพรรค แล้วพยายามชูสโลแกนมีเราไม่มีเทา แต่ดูเหมือนเอาจริงๆ สุดท้ายเชื่อว่าพรรคจะมีการเปลี่ยนสโลแกนดังกล่าวในศึกเลือกตั้งแน่ เพราะหากดูพฤติกรรมของทั่นผู้แทนหลายๆ คนมันช่างย้อนแย้งกับเรื่องดังกล่าวเสียเหลือเกิน นี่ยังไม่นับรวมเรื่องการกลับกลอกกลับไปกลับมากับการประกาศวางมือทางการเมือง แต่สุดท้ายก็ย้ายจากระบบเขตไปเป็นระบบบัญชีรายชื่อ หรือ การด่าคนอื่นว่า “สืบสันดาน” แต่สุดท้ายตัวเองก็ทำในหลายพื้นที่ ฉะนั้นหากจะชู “มีเราไม่มีเทา” ก็เท่ากับที่ผ่านมาไม่ได้ตักน้ำใส่กะโหลกดูตัวเองเลยนั่นเอง ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ปี่กลองเลือกตั้งดังสนั่น หลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 เป็นวันเลือกตั้ง สส. ส่วนวันที่ 27-31 ธ.ค.2568 เป็นวันรับสมัคร สส.แบ่งเขตเลือกตั้ง 28-31 ธ.ค.2568 วันรับสมัค สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนการทำประชามติเรื่องยกเลิกMOU 43 และ MOU 44 คงไม่มีแล้ว โดย นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล
บันทึกหน้า 4
ขอเข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังคำสั่งยุบสภาเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สนามการเมืองที่อุ่นๆ กลายเป็นเตาแก๊สเปิดไฟแรงในพริบตา เลือกตั้งต้นปี 2569 ยังไม่ทันมาถึง แต่เกมช่วงชิงอำนาจเริ่มเดือดเกินองศา
บันทึกหน้า 4
บันทึกตอกย้ำบรรทัดแรกว่า "ไทยนี้รักสงบ!!" จากวันแรกที่มีสยามประเทศ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้รุกรานเชิงจักรวรรดินิยม ไม่เคยสร้างอาณานิคมในต่างแดน เราจะลุกขึ้นสู้เพื่อป้องกันตนเอง หรือตอบโต้ เพื่อการรักษาดินแดนของตัวเองเท่านั้น
บันทึกหน้า 4
ยังไม่ถึงเวลา! วันศุกร์นี้ "รัฐบาลอนุทิน" ยังคาดเข็ดขัดนิรภัยต่อ แม้ "นายกฯ หนู" จะบอกว่าพร้อมยุบสภาทุกเมื่อ เตรียมพระราชกฤษฎีการอไว้แล้ว ถึงจะเลื่อนเร็วขึ้นจากไทม์ไลน์เดิม 31 ม.ค. 69 แต่ไม่ใช่ 12 ธ.ค.
บันทึกหน้า 4
ดูเหมือนศึกชายแดนไทย-กัมพูชารอบนี้ ที่ เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคมเป็นต้นมา จะไม่มีทางจบลงง่ายๆ แน่ เพราะทั้ง “ฮุน เซน” และ “ฮุน มาเนต” ที่เป็นเจ้าของประเทศมุ่งมั่นอย่างมาก
บันทึกหน้า 4
สถานการณ์การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชารอบสอง ล่วงเข้าวันที่่ 3 ก่อนรุ่งสางกัมพูชาเปิดฉากยิง BM-21 ใส่ไทยหลายจุดและตกใส่พื้นที่พลเรือน ขณะที่กองทัพไทยตอบโต้ด้วยการโจมตีเป้าหมายทางทหารกัมพูชาที่จะเป็นภัยคุกคามของไทย

