สมการเลี้ยงหลาน

โค้งแรกเลือกตั้งก็มันหยดแล้วครับ...

เปิดหน้าเปิดตากันไปเกือบครบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่าที่ผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ และผู้สมัคร สส.ระบบเขต

เริ่มเห็นเงารัฐบาลหน้า

เมื่อส้มบอกว่า มีเรา ไม่มีเทา ขณะที่พรรคเทาถูกนิยามว่าคือทุกพรรคที่ไม่ใช่พรรคส้ม มันเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง การเมืองเริ่มจะย้อนกลับไปก่อนการเลือกตั้งปี ๒๕๖๖

ส้มไม่ต้องการจับมือกับใครตั้้งรัฐบาล เพราะส้มอยากเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ส้มจึงตั้งเงื่อนไขให้พรรคการเมืองที่ประสงค์จะร่วมรัฐบาลกับพรรคส้มยุบยิบไปหมด

ใครรับเงื่อนไขไม่ได้ ส้มไม่เอา และไม่แคร์

ราวกับว่าผลการเลือกตั้่งออกมาแล้ว พรรคส้มได้ สส.เกิน ๒๕๐ ที่นั่ง

มุมมองการเมืองพรรคส้ม น่ากลัวครับ

ต้องคิดเหมือนส้มเท่านั้นจึงจะร่วมงานกันได้

ขณะนี้เริ่มมีการนำวาทกรรม พรรคที่ชนะได้อันดับหนึ่ง หัวหน้าพรรคต้องได้เป็นนายกรัฐมนตรี กลับมาปั่นกันในสื่อโซเชียลอีกครั้ง

อ้างว่านั่นคือแกนหลักของระบอบประชาธิปไตย

ถูกครับ!

แต่ถูกเพียงครึ่งเดียว

หัวหน้าพรรคที่ได้ สส.มากที่สุด จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อเมื่อสามารถรวมเสียงในสภาได้เกินกว่ากึ่งหนึ่ง

ถ้าได้ไม่ถึงครึ่ง ต่อให้มี สส.มากที่สุด ก็ไม่อาจตั้งรัฐบาลได้ หัวหน้าพรรคไม่มีทางได้รับการโหวตในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี

เพราะพรรคอันดับสองและสามรวมกันแล้วมี สส.เกินกว่ากึ่งหนึ่งของสภา

นี่คือกติกาที่ใช้กันทั่วโลก

เป็นเรื่องของเสียงข้างมากในสภา ไม่ใช่เสียงของพรรคที่ได้ สส.มากที่สุด

เป็นเรื่องเก่าครับ อธิบายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่พรรคส้มก็ยังพยายามปั่นว่าพรรคที่มี สส.มากที่สุดมีความชอบธรรมมากกว่า

ไว้รอดู...หากภูมิใจไทยมาเป็นอันดับหนึ่ง ส้มอันดับสอง เพื่อไทยอันดับสาม วันนั้นก็ใช่จะเป็นหลักประกันว่า "อนุทิน" จะได้เป็นนายกฯ ต่ออีกสมัย

เพื่อไทยอาจชูพรรคส้มเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล "หัวหน้าเท้ง" ได้เป็นนายกฯ เพราะสองพรรคนี้รวมเสียงได้มากกว่า

วันนั้น "หัวหน้าเท้ง" จะขอสละสิทธิ์หรือเปล่า

อำนาจอยู่แค่เอื้อม พรรคส้มจะตัดสินใจอย่างไร

จะยังคงยืนยันว่า พรรคที่มี สส.มากที่สุด หัวหน้าพรรคต้องได้เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่หรือเปล่า

หรือหากพรรคส้มมี สส.มากที่สุด แต่เสียงไม่พอตั้งรัฐบาล ขณะที่พรรคเพื่อไทยยืนกรานไม่ขอร่วมรัฐบาล วันนั้น พรรคส้มจะอ้าแขนรับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่

วันนี้ "หัวหน้าเท้ง" บอกว่า ด้วยนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ไม่อาจร่วมมือกันได้ หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล พรรคส้มจะเป็นฝ่ายค้าน

"...พูดชัดๆ ได้ว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลด้วยจุดยืนแบบที่เป็นอยู่ เราคงเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราเป็นพรรคฝ่ายค้านแน่นอน...."

ไม่ชัดเจนว่าจุดยืนเรื่องอะไร

สแกมเมอร์

ชายแดน

หรือแก้รัฐธรรมนูญ

แต่จุดยืนที่ทั้ง ๒ พรรคแตกหักคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ครับ...พรรคส้มยังคงวางทุ่นระเบิดในเส้นทางเดินของตัวเอง ไม่ต่างจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วที่ประกาศไม่จับมือกับพรรคอนุรักษนิยม ที่สนับสนุนสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะพรรคส้มต้องการแก้-ยกเลิก ม.๑๑๒

คราวนี้เงื่อนไข ม.๑๑๒ ไม่อาจยกขึ้นมากำหนดโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ได้ เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมัดคออยู่ 

เงื่อนไขใหม่คือ แก้หรือไม่แก้รัฐธรรมนูญอย่างนั้นหรือ

ทำไมพรรคส้มถึงอยากชนะเลือกตั้งถล่มทลาย เป็นรัฐบาลพรรคเดียว เพื่อไปฉีกรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐

นโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจ นโยบายชายแดน กลายเป็นนโยบายรอง ไม่มีความสำคัญในการจับขั้วตั้งรัฐบาลเลย

แน่นอนครับการเป็นรัฐบาลพรรคเดียว สามารถอ้างได้ว่าประชาชนเสียงส่วนใหญ่ของประเทศที่ให้พิงหลัง ต้องการให้พรรคส้มเปลี่ยนโครงสร้างประเทศไทย ผ่านการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ก็ยังไม่รู้ว่าใครจะมาเป็นคนเขียน

แค่นี้ก็มองเห็นวิกฤตการเมืองรอบใหม่รำไรแล้วครับ

วานนี้ (๒๒ ธันวาคม) "โอ๊ค พานทองแท้" ไปเยี่ยมพ่อที่คุกคลองเปรม

มีสีสันน่าสนใจทีเดียวครับ

หลังเข้าเยี่ยมพ่อ "โอ๊ค" บอกว่าแบบนี้ครับ...

"...คุณพ่อสุขภาพโอเค

ส่วนเรื่องปัญหาความเครียดหรือความดันต่างๆ ก็ปกติดี และคุณพ่อก็มีสอบถามเรื่องหลานๆ ท่านบอกว่าคิดถึงหลาน เรื่องแพลนกิจกรรมต่างๆ ภายในเรือนจำช่วงปีใหม่จะมีอะไรให้ทำบ้าง ผมไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องนี้เลย

เพียงแค่พูดคุยถึงเรื่องหลานๆ ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง

คุณพ่อยังฝากให้กำลังใจ อาจารย์เชน (ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์) อีกด้วย..."

ยินดีด้วยกับปัญหาสุขภาพ ดูเหมือน ๔ โรคที่คอยจ้องรุมสกรัมก่อนหน้านี้จนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงห่างหมอไม่ได้ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของ "ทักษิณ" อีกแล้ว

แต่ก็น่าเห็นใจครับ!

การคิดถึงหลาน แต่ไม่อาจเจอหน้าได้ ก็คงจะช่วยให้ "ทักษิณ" มีกำลังใจที่จะสู้กับชะตาชีวิตต่อไป

เพื่อจะได้ออกไปเลี้ยงหลาน

นี่ถ้า "ทักษิณ" คิดจะเลี้ยงหลานจริงๆ ตั้งแต่แรก อาจเปลี่ยนโฉมการเมืองไทยให้ต่างไปจากที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ก็ได้

วันนี้ "เศรษฐา ทวีสิน" อาจจะยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่

การรักษาระยะห่างกับ "ฮุน เซน" เพราะ "ทักษิณ" เลี้ยงหลานอย่างจริงจัง การสู้รบตามแนวชายแดนวันนี้ก็อาจจะไม่เกิด

เพราะจะไม่มี "คลิปอังเคิลวุ้นเส้น"

แต่ทุกอย่างถอยหลังกลับไม่ได้แล้วครับ 

การที่ "ทักษิณ" ไม่ยอมเลี้่ยงหลานตามที่อ้างเป็นเหตุผลในการกลับไทย กลับกัน "ทักษิณ" แทรกแซงรัฐบาลเศรษฐา รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง ปีนเกลียวกับ "ฮุน เซน" และตัวเองต้องกลับเข้าคุก ติดคุกจริงๆ มันคือปัจจัยหลักให้การเมืองไทยเดินมาถึงวันนี้

"ทักษิณ" ทำให้พรรคเพื่อไทย ดำดิ่งลง จนต้องขุด "อาจารย์เชน" ขึ้่นมาหวังกู้วิกฤต

"ทักษิณ" ยังสร้างความโกรธแค้นให้พรรคส้ม จนต้องไปเล่นบทฝ่ายค้ำ

ขณะเดียวกันไปปลุก "อนุทิน" ให้ลุกขึ้นมาแบบก้าวกระโดด

เห็นหรือยังครับ บอกว่าเลี้ยงหลานแต่ไม่ยอมเลี้ยง ผลของมันสร้างแรงกระเพื่อมแค่ไหน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เจ้าช่อมาลี'

มันจะอะไรกันนักกันหนา... อ่านข่าวดรามา ช่อมาลีดอกฟ้า พูดเรื่องขอให้ทหารบอกแผนการรบ อ่านเพลินจนหลุดไปอยู่ในสงครามตอนไหนก็ไม่รู้

แบบนี้เป็นใจให้ไทย

เริ่มเห็นเค้า... มีสัญญาณบางอย่างบ่งบอกว่างานนี้ “เขมร” จะซวยหนัก! หลังจาก “ตาเฒ่าทรัมป์” ขู่จะดำเนินการเอาผิดกับผู้กระทำผิดตามความจำเป็น อ้างว่าเพื่อยุติการสังหารและสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างไทย-กัมพูชา ไปตั้งแต่วันที่ ๑๔ ธันวาคม

รบไทยในมุมเขมร

อะไรคือเหตุให้การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชาปะทุขึ้นมาอีกรอบ

เผด็จการสีส้ม

เป็นไงครับ... มีเทาไม่มีเรา ศาลพิพากษาจำคุก ๒ ปี อดีต สส.ลักแกง ใช้ สด.๔๓ ปลอม บัดซบ!

อยากลองเป็นรัฐบาล

ยังจำขึ้นใจในวันที่ พรรคส้ม โหวตเลือก "อนุทิน ชาญวีรกูล" เป็นนายกรัฐมนตรี วันนั้น "หัวหน้าเท้ง" บอกว่า... "...วันนี้ไม่ได้เลือกคุณอนุทินมาบริหารประเทศ