ผลงานรัฐบาล-กองทัพ

น่าจะจบอีกยกครับ...

นับว่าเป็นข่าวดีต้อนรับปีใหม่

วานนี้ (๒๖ ธันวาคม) มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) เป็นวันที่ ๓ ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี

ฝ่ายไทยนำโดย พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทีพไทย ในฐานะประธานเลขานุการ GBC ฝ่ายไทย

ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ต.แญม โบราเดน ในฐานะประธานเลขานุการคณะกรรมการจีบีซีฝ่ายกัมพูชา

เบื้องต้นผลออกมาน่าใจครับ!

ร่างข้อตกลงถูกส่งไปส่งมาเพื่อแก้ไขให้เป็นที่ยอมรับกันทั้งสองฝ่าย

ในส่วนของฝ่ายไทยจะนําข้อเสนอดังกล่าวส่งมาให้ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่มีนายกฯ อนุทินเป็นประธาน เคาะว่าจะเอาไง

เนื้อหาสาระในร่างแก้ไขข้อตกลงฉบับที่ ๖ นี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ

แต่มีการจัดเตรียมสถานที่การลงนามไว้แล้ว ที่จันทบุรีนี่แหละครับ

วันที่ ๒๗ ธันวาคม!

จะเป็นการลงนามระหว่าง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย กับ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา

สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือต่างฝ่ายต่างหยุดยิงในเวลาที่กำหนด

และติดตามผล ๗๒ ชั่วโมงว่าฝ่ายไหนละเมิดข้อตกลงหรือไม่

ส่วนรายละเอียดก็ต้องดูว่าเป็นไปตามที่ไทยเสนอไป ๓ ข้อนั้น เขมรยอมรับกี่ข้อ และเรายอมรับข้อเสนอของเขมรได้แค่ไหน

๓ ข้อที่เสนอไปก็มี....
๑.ฝ่ายกัมพูชาต้องประกาศหยุดยิง
๒.การหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง

๓.ต้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจังและจริงใจ

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา สงครามก็เช่นกันต้องมีวันยุติ

สุดท้ายก็อยู่ที่เขมรครับ จะมีความจริงใจแค่ไหน

ไม่ใช่เอาเวลาช่วงหยุดยิงแอบขนอาวุธหนักเข้าประชิดชายแดนอีก ถ้าเป็นแบบนั้นก็มีรอบ ๓

แต่รอบนี้ถือเป็นผลงานของรัฐบาลและกองทัพ ที่ทำงานเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีใครแอบไปสั่งให้หยุดยิง จนไขว้เขวกันไปหมด

ทีนี่คือจะตกผลึกกันแล้วนะครับว่า “ทหารมีไว้ทำไม” โดยเฉพาะพรรคส้ม

ก็เพิ่งจะรู้ครับ ที่มาของคำว่า “ทหารมีไว้ทำไม” นั้น มาจากไหน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ไปก๊อปปี้มาจากใคร

เพจ ต.ตุลยากร เฉลยไว้อย่างละเอียด

 "...คำถาม “ทหารมีไว้ทำไม” มีที่มาจากไหน?

ประโยคคำถามนี้ ปัจจุบันได้กลายเป็นบูมเมอแรงกลับมาถามทางพรรคส้มว่า “รู้รึยัง ทหารมีไว้ทำไม” จนคุณโรมต้องหัวฟัดหัวเหวี่ยง หาว่าโดนปฏิบัติการ IO ทำลายดิสเครดิตพรรคประชาชน ซึ่งคุณโรมอ้างว่า ที่ผ่านมาพรรค ปชน.เรียกร้องมาตลอดว่าต้องการเห็นทหารอาชีพ

เหตุผลต้นเรื่องก็เกิดจากคุณพิธาเคยไปปราศรัยหาเสียงแล้วตั้งคำถามว่า “ทหารมีไว้ทำไม” เมื่อคราวเลือกตั้งปี ๖๖ เย้ยหยันกองทัพว่า รบกับใครก็ไม่ชนะ ซึ่งหลังเหตุการณ์ปะทะไทย-กัมพูชา คุณพิธาก็ออกมาชี้แจงว่า ทหารมีไว้ปกป้อง ไม่ได้ปกครอง และที่ว่าไม่ชนะไม่ได้หมายถึงการรบด้วยอาวุธ แต่แพ้ด้านอื่น โอดว่าโดนตัด Quote สั้นๆ ไม่ได้ดูบริบทอื่นประกอบ

ดังนั้นเพื่อความเป็นธรม ผมจะพาย้อนกลับไปดูที่มาที่ไปของคำถามทหารมีไว้ทำไมกันครับ จะได้เข้าใจบริบทที่ชัดเจนของคำถาม “ทหารมีไว้ทำไม”

คำถามนี้เกิดขึ้นครั้งแรกจาก นิธิ เอียวศรีวงศ์ โดย อ.นิธิได้เขียนบทความ “ทหารมีไว้ทำไม” ลงนิตยสารมติชนรายสัปดาห์ เมื่อ ม.ค.๒๕๕๙

มุมมองของ อ.นิธิ เป็นการมองโลกผ่านเลนส์ทฤษฎี Liberal internationalism ที่มองว่า กฎเกณฑ์และสถาบันระหว่างประเทศจะช่วยระงับข้อพิพาทได้, แนวคิดเรื่องการดุลอำนาจ (Balance of Power) นั้นเป็นเรื่องหลงยุคมาจากสงครามเย็น ในสภาวะสิ้นสุดสงครามเย็น, แนวคิดความมั่นคงร่วม (Collective Security) เป็นระเบียบโลกยุคใหม่

นั่นทำให้ อ.นิธิมองว่า “กองทัพประจำชาติคือกระดุมที่ติดอยู่ปลายแขนเสื้อนอก ซึ่งไม่ได้มีไว้กลัดกับอะไร แต่ต้องมีไว้เพราะเป็นธรรมเนียมที่เหลือตกค้างมาแต่อดีต” คือมองว่ากองทัพไม่จำเป็นต้องมี “ไม่มีกองทัพ…จะมีโลกใหม่ที่ชีวิตผู้คนอาจดำเนินไปอย่างสงบสุขและสร้างสรรค์กว่าที่เราเผชิญมา” และตบท้ายด้วยเชิญชวนให้ช่วยกันตั้งคำถามว่า “ทหารมีไว้ทำไม”

ต่อมาในปี ๒๕๖๑ สำนักข่าวมติชนได้รายงานว่า นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่

แต่อีก ๑ ปีต่อมา อ.นิธิฝาก เกษียร เตชะพีระ ชี้แจง ปฏิเสธว่า ไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่แต่อย่างใด เพียงแค่สนับสนุนนโยบายของพรรคอนาคตใหม่อย่างเปิดเผยเท่านั้น

และในปี ๒๕๖๖ คุณพิธาก็ใช้คำถามของ อ.นิธิ “ทหารมีไว้ทำไม” บนเวทีหาเสียงที่ จ.กาญจนบุรี

ความส่วนหนึ่งบนเวทีหาเสียง ก่อนจะถึงส่วนที่เป็นคลิปสั้นๆ ที่เป็นไวรัล คุณพิธาได้พูดว่า “....หลังจากที่สงครามโลกเสร็จไป ก็มีระเบียบโลกใหม่ขึ้นมา สันติภาพเกิดขึ้นได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกองทัพว่าใหญ่หรือไม่ใหญ่ มีกว่า 10 ประเทศทั่วโลกที่ไม่มีกองทัพเป็นของตัวเอง แต่มันอยู่ที่การต่างประเทศ มันอยู่ที่ระเบียบโลกที่ประเทศแต่ละประเทศนั้นสามารถที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติภาพได้ และนั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาไอ้ความท้าทายจาก ๒๔๘๖ มาจนถึง ๒๕๖๖ ณ วันนี้ที่เราพูดคุยกัน มันถึงได้ลดลง ลดลง ลดลง และความท้าทายทางทหารแบบนั้นก็กลายเป็นความท้าทายทางเศรษฐกิจ เป็นความท้าทายทางสิ่งแวดล้อม เป็นความท้าทายทางสังคมสูงวัย เป็นความท้าทายทางดิจิทัล ทุกวันนี้ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ยังมีอยู่ แต่มันไม่มีใครเอาทหารไปรบกันอีกแล้ว คำถามที่ผมเกริ่นมายืดยาวถึงขนาดนี้ ที่อยากจะชวนพี่น้องชาวก้าวไกลทั้ง ๕ จังหวัด รวมถึงพี่น้องกาญจนบุรีที่นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยว่า ทหารมีไว้ทำไม”

สิ่งที่คุณพิธาพูด มันตรงกับแนวคิดในบทความของ อ.นิธิเป็นอย่างยิ่ง

ครับถ้าอยากฟังเต็มๆ ก็เข้าไปฟังในอ้างอิงนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมตัดข้อความมาแค่สั้นๆ แต่จากที่ผมฟังเต็มๆ แล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่คุณพิธาพยายามจะแก้ตัวในรายการคุณสรยุทธ ว่า ทหารมีไว้ปกป้อง ไม่ได้ปกครอง และที่ว่าแพ้ไม่ได้หมายถึงการรบด้วยอาวุธ แต่แพ้ด้านอื่น ตามอ้างอิงนั้น

มันฟังไม่ขึ้นครับ..."

ครับ...ทั้งหมดนี้ตอกย้ำคำพูด “พิธา” มีพื้นมาจากศาสดาอย่างนิธิ ที่มีมุมมองสุดโต่งพร้อมจะสร้างหายนะให้กับประเทศ

เดิมทีกล่าวกันว่าพรรคการเมืองใหม่ๆ ที่ไม่เคยเป็นรัฐบาลนั้น ดูใสๆ ความดีไม่มี ความชั่วยังไม่ปรากฏ

แต่วันนี้ไม่จำเป็นต้องได้เป็นรัฐบาลแล้วครับ

แค่เป็นฝ่ายค้านก็พิสูจน์ได้แล้ว

แนวคิดไม่ต้องมีกองทัพ เท่ากับระยำ ทำลายแผ่นดิน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไม่เอาคนเนรคุณ

แยกข้างแบ่งขั้วกันตั้งแต่หัววัน... วานนี้ (๒๕ ธันวาคม) นายกฯ อนุทิน ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคที่มีนโยบายแก้ ม.๑๑๒ “...ถ้ายังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ พรรคภูมิใจไทยไม่ร่วมด้วยแน่นอน พรรคไหนจะร่วมก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรค แต่เท่าที่ดูแคนดิเดตของทุกพรรค ไม่มีพรรคไหนตอบว่าจะแก้ไขมาตรา ๑๑๒ ยกเว้นพรรคประชาชน...”

ใครแข็งในจุดขาย

ยังไม่ทันเลือกตั้ง ก็เห็นโฉมหน้ารัฐบาลใหม่รำไรแล้วครับ ปัจจัยหลักคือการประกาศจุดยืนทางการเมืองของแต่ละพรรค เงื่อนไข ไม่ใช่เรื่อง เทาหรือไม่เทา

'ศุภจี' ไปต่อ

จบแล้วครับ ไม่ต้องรอ... คนละครึ่งพลัสเฟส ๒ ไม่ได้ไปต่อ ถ้าจะมีคงต้องรอรัฐบาลหน้า ไม่ใช่รัฐบาลเพื่อไทย

สมการเลี้ยงหลาน

โค้งแรกเลือกตั้งก็มันหยดแล้วครับ... เปิดหน้าเปิดตากันไปเกือบครบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่าที่ผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ และผู้สมัคร สส.ระบบเขต

'เจ้าช่อมาลี'

มันจะอะไรกันนักกันหนา... อ่านข่าวดรามา ช่อมาลีดอกฟ้า พูดเรื่องขอให้ทหารบอกแผนการรบ อ่านเพลินจนหลุดไปอยู่ในสงครามตอนไหนก็ไม่รู้

แบบนี้เป็นใจให้ไทย

เริ่มเห็นเค้า... มีสัญญาณบางอย่างบ่งบอกว่างานนี้ “เขมร” จะซวยหนัก! หลังจาก “ตาเฒ่าทรัมป์” ขู่จะดำเนินการเอาผิดกับผู้กระทำผิดตามความจำเป็น อ้างว่าเพื่อยุติการสังหารและสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างไทย-กัมพูชา ไปตั้งแต่วันที่ ๑๔ ธันวาคม