'ยึดคืน' แล้ว 'พักยก'

สมช.ก็เห็นชอบให้ “พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์” รมว.กลาโหม ไปลงนาม “หยุดยิง” กับ “พลเอกเตีย เซ็ยฮา” รมว.กลาโหมเขมรได้วันนี้ ที่จันทบุรี

ก็อย่างที่บอก ที่เจรจา ก็ “เจรจากันไป”

ที่รบ ก็รบ “สะสมพื้นที่” กันไป

แต่แหม...๒๖ ธันวา. GBC ได้ข้อสรุปเท่านั้นแหละ

ปรากฏว่า ตลอดทั้งวันวาน เขมรถล่มไทยหนัก หวังชิงคืน “แผ่นดินไทย” จากที่รุกล้ำเข้ามายึดครอง แล้วถูกไทย “ตีกลับคืน” มาได้เกือบหมด!

ยิ่งพอรู้ว่า รัฐบาลตัวเองจนแต้ม “จำยอม” ตามเงื่อนไขไทย

ตอนเย็น แนวรบด้าน “หนองจาน” สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไทยสถาปนาความมั่นคงได้ ๑๐๐% แล้ว

เขมรหน้ามืด ถล่มหูดับตับไหม้ หวังชิง “บ้านหนองจาน” คืน

แม้ไม่สำเร็จ แต่ก็ทำให้ “กองทัพภาคที่ ๑” ต้องสูญเสียทหารกล้าไปถึง ๓ นาย

“จ.ส.อ.พงศกร นาคทองดี” และพลทหารอีก ๒ นาย “พลทหารปฏิพัทธ์ ศรประดิษฐ์” และ “พลทหารทิวตะวัน พลเยี่ยม”

แบบนี้ “สัญญาหยุดยิง” ที่จะเซ็นกันวันนี้

 “จะเป็นจริงได้ซักกี่วัน?”

ก็อยากบอกว่า “การเจรจา” มันเป็นรูปแบบพื้นฐานทางยุทธการ-ยุทธวิธีน่ะ

ส่วน “จบจริงหรือจบหลอก” ไม่สำคัญเท่า “ฝ่ายไหน เป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงก่อน?”

เพราะตรงนี้ มันจะเป็น “แต้มลบ” ของฝ่ายละเมิดในเวทีโลกและเป็น “แต้มบวก” ทางความถูกต้องของฝ่ายถูกละเมิด

ที่จะป้องกันประเทศตัวเองด้วยการ “ใช้อาวุธ” ได้โดยชอบธรรมตามกติกา!

ทีนี้ ค่อยๆ มาดู “เงื่อนไข-สัญญา” หยุดยิงที่จะลงนามกัน ว่ามีประเด็นอะไรบ้าง ผมจะเก็บความจากคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ หลังประชุม สมช.มาให้ทราบ

-เงื่อนไขหลัก ที่เขมรต้องปฏิบัติ ยังอยู่ในกรอบ “ปฏิญญานำร่อง” สู่สันติภาพ ๔ ข้อ ที่เขมรยังต้องทำให้ประจักษ์เหมือนเดิม

“นายกฯ อนุทิน” ย้ำ....

“ข้อสำคัญคือ เขมรต้องไม่รุกรานยั่วยุและลดความเป็นภัยต่อความมั่นคง ซึ่ง “พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว” รองเสนาธิการทหาร ในฐานะเลขาฯ GBC หารือกันมาสองวันแล้ว

และได้รายงานให้ทราบถึง “แนวโน้มที่ดี” ถ้าเป็นไปอย่างที่ท่านว่า ก็น่าจะหาข้อยุติที่ดี

ที่ทำให้ไทยยังดำรงอธิปไตยและสถาปนาบูรณภาพแห่งดินแดน “ตามจุดที่เป็นเป้าหมาย” ที่กองทัพกำหนดไว้ได้”

-ข้อตกลงหยุดยิง ๗๒ ชั่วโมง เรารับได้หรือไม่?

“เรื่องนี้เป็นข้อกำหนดที่ประเทศไทยขอให้เขายอมรับ และถ้าทำได้ เราก็จะพิจารณา “ปล่อยทหาร” ที่เราควบคุมไว้” นายกฯ ตอบ

-มีคนตั้งคำถามว่า ไว้ใจกัมพูชาได้มากแค่ไหน?

“เรามีความพร้อม ถ้าจะไปบอก “คุณต้องรักษาสัญญา” เราทำมากี่รอบแล้ว แต่ในวันนี้ เราต้องถามว่า

"ประเทศไทยได้สิ่งที่ตัวเองต้องการในเบื้องต้นแล้วหรือยัง" 

“กองทัพได้รายงานว่า "บรรลุเป้าหมายการประกาศบูรณภาพแห่งดินแดนแล้ว"

เมื่อเราควบคุมดินแดนต่างๆ ของเราได้ ก็สามารถคุยกับเขาได้

และสิ่งที่ร่างมาครั้งนี้  ผมได้สอบถามว่า “กัมพูชาเห็นและยอมรับแล้วใช่หรือไม่” ก็ได้รับรายงานว่า “นี้คือของ “ล่าสุด” ที่เพิ่งออกมาเห็นตรงกันแล้ว”

-นายฮุน มาเนต โอเคในร่างที่จะลงนามนี้แล้วใช่หรือไม่?

“อันนี้ถือเป็นการพูดคุยในระดับตัวแทนรัฐบาล ไม่ทราบว่าทางกัมพูชาได้รับความเห็นชอบนี้จากไหน?

แต่ถ้ามีการลงนามโดย “ตัวแทนรัฐบาล” ในวันที่ ๒๗ ธันวา.ก็ไว้ใจไทยได้แน่นอนว่า “รักษาข้อตกลงเสมอ”

และขอให้การลงนามครั้งนี้ เป็นการ “ลงนามครั้งสุดท้าย” จะได้เกิดสันติภาพในพื้นที่ ประชาชนจะได้กลับบ้าน”

-ระหว่าง ๗๒ ชม.ที่หยุดยิง หากมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดอีก?

“กองทัพต้องรักษาอธิปไตย เรื่องการเจรจาก็ต้องเจรจา หากการเจรจามีข้อตกลง มันก็มีไทม์ไลน์ของมันอยู่

ที่ผ่านมา เมื่อลงนามแล้ว “หยุดยิงหลังจากนั้น ๖ ชั่วโมง” ผมไม่ยอม

ครั้งนี้ หากลงนามแล้ว “ต้องหยุดยิง ณ เวลานั้น” ต่างคนต่างฝ่าย ต้องหันไปสั่งการว่า “ให้ดำเนินการตามนั้น” เราต้องเริ่มจากจุดนี้ก่อน”

-เราเชื่อใจกัมพูชาได้หรือไม่?

นายอนุทินกล่าว “ผมไม่ตอบคำถามนี้”

-ได้พูดคุยกับนายฮุน มาเนต บ้างหรือไม่?

“ตั้งแต่มีเหตุระลอกล่าสุดยังไม่ได้คุย เพราะผมไม่ยอมคุย เนื่องจากคุยแล้ว “ไม่เป็นอย่างที่พูด”

ผมคุยล่าสุดตอนที่เราเซ็น “ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์” ๒๖ ตุลา. ก็พยายามพูดคุยกันว่า จะไปทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามปฏิญญา

แต่พอมันเกิดเบรกขึ้นมา.....

เราก็ต้องมาว่ากันใหม่ ตัวผมไม่ได้คุย แต่มีคณะกรรมการจีบีซีและเจบีซีพูดคุยอยู่”

-ระยะเวลา ๗๒ ชั่วโมง หากมีการยิงจากกัมพูชา เราตอบโต้ได้หรือไม่?

-แน่นอน เราใช้ “กฎแห่งการปะทะ” เป็นกติกาที่เราต้องดำเนินการ

ฉะนั้น ยังมีกลไกที่ยังทำให้เราสามารถรักษาอธิปไตยและปกป้องดินแดนของเราได้อย่างเต็มที่ ประชาชนไม่ต้องกังวล”

ต่อไปนี้ เป็นการ “แปลไทยเป็นไทย” จากคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ อีกที เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน

โดยคุณ “คาเธ่ย์ หมี”

"หลังลงนาม วัดใจเขมร 72 ชม.หยุดยิง"

โดยลงนามปุ๊บ “หยุดยิงทันที” (เน้น-หลังลงนามต้องหยุดยิงทันที)

ชี้ หากใน 72 ชม. (3 วัน) เขมรมียิง..ถือว่าจบ!! 

ทหารไทย ยิงตอบโต้ได้ ตามกฎการปะทะ

หากพ้น 72 ชม.ก็เดินหน้าต่อตามปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ เพราะเราไม่ได้ยกเลิก..แค่ระงับไว้ เดินหน้าต่อ 4 ข้อ..!!

.......................................

Wassana Nanuam

ยึดเรียบ ก่อนหยุดยิง!!

ทัพภาค 1 แถลง ยึดครบ 3 แนวรบ

ล่าสุด บ้านหนองจาน หลังยึด บ้านคลองแผง-บ้านหนองหญ้าแก้ว ได้ก่อนหน้านี้แล้ว เร่งสถาปนาพื้นที่ก่อนลงนาม หยุดยิง 27 ธ.ค.

ในวันนี้ (26 ธ.ค.68) เวลา 14.30 น. ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ได้รับรายงานจาก กกล.บูรพา

ได้ปฏิบัติการทางทหาร ยึดและควบคุมแนวรบในพื้นที่บ้านหนองจานเป็นที่เรียบร้อย เตรียมสถาปนาที่มั่นตามแนว

และดำเนินการยิงด้วยอาวุธสนับสนุน ตอบโต้เพื่อควบคุมพื้นที่และรักษาที่มั่น

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 โดย กกล.บูรพา สามารถยึดและควบคุมพื้นที่ทั้ง 3 แนวรบ : บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา, บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง และบ้านหนองจาน อ.โคกสูง

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ขอขอบคุณเหล่าทหารที่มุ่งมั่น ยืนหยัดต่อสู้กับภัยคุกคามอย่างถึงที่สุด

ตลอดจนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทหารพราน, ตำรวจตระเวนชายแดน, เจ้าหน้าที่ตำรวจ, ฝ่ายปกครอง ส่วนราชการจังหวัด, ส่วนราชการในพื้นที่, ประชาชนจิตอาสาทุกหมู่เหล่า

และประชาชนคนไทยที่ส่งกำลังใจสนับสนุนภารกิจนี้มาโดยตลอด

ที่สำคัญ ขอขอบคุณพี่น้องประชาชน 4 อำเภอชายแดน ที่เข้าใจสถานการณ์ อดทนเสียสละ อพยพจากบ้านเรือนของตน เพื่อความปลอดภัยเป็นสำคัญ

#บ้านหนองจาน

#กัมพูชาเป็นภัยความมั่นคงของชาติ

...........................

Thailand FACT Today

เดินหน้าแล้วไม่ถอยหลัง

นายกฯ พูดชัด และพูดถูก

พื้นที่ที่ไทย “สถาปนาอธิปไตย” คืนมาได้ในวันนี้

ไม่ใช่การยึดของใคร

แต่มันคือ “การเอาของเรากลับคืนมา”

นี่คือ “หลักการที่ต้องยืนให้มั่น”

เพราะถ้าเราเริ่มต้นเจรจาด้วยการยอมรับว่า สิ่งที่อยู่บนแผนที่วันนี้ “ไม่ใช่ของไทย”

เราก็เท่ากับ “ยกสิทธิ์ให้เขาไปครึ่งหนึ่ง” ตั้งแต่ยังไม่เริ่มพูดคุย

การเจรจานับจากนี้ ต้องอิง “สถานการณ์ล่าสุด” เป็นหลัก

ไม่ใช่ “ย้อนกลับ” ไปคุยบนเงื่อนไข “วันแรก” ที่เริ่มรบ

ไม่ใช่คุยบนวันที่เราเสียเปรียบ

และไม่ใช่คุยแบบยอมถอยเพื่อให้เรื่องจบเร็ว

เพราะการถอยครั้งเดียว

จะเปิดประตูให้ถอยครั้งต่อไป

และสุดท้าย จะกลายเป็นการ “ถอยแบบไม่มีวันจบ”

ก็ต้อง “สรุปผลปฏิบัติการของทหารไทยครั้งนี้ ก่อนสัญญา “หยุดยิง” จะเริ่ม ด้วยวาทะของ “พลโทวันชนะ สวัสดี” รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย

"สถานการณ์ไทย-กัมพูชาครั้งนี้ ทำให้หลายพื้นที่ มีความชัดเจนทางเขตแดนขึ้นทันที

ไม่ต้องรอปักปัน ไม่ต้องรอวัดระยะ ไม่ต้องเดินสำรวจ ไม่ต้องเถียงกัน เรื่อง ๑:๕๐,๐๐๐, ๑:๒๐๐,๐๐๐

ไม่ต้องปักหลักแดนชั่วคราว ไม่ต้องคุยให้เสียเวลา

และสุดท้าย.....
“ไม่มีพื้นที่ทับซ้อน มีแต่ “ของกู” กับ “ของมึง” เท่านั้น"!

-เปลว สีเงิน

๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๘

วันเสาร์ที่ปลายซอย