ตอนแรกที่มีการเปิดเผย “ข่าวกรองตะวันตก” ฟันธงว่าประธานาธิบดีปูตินบุกยูเครนแน่ คนจำนวนไม่น้อยไม่เชื่อ เพราะตีความว่าเป็นการ “ปั่นข่าว” ของฝ่ายตะวันตกมากกว่า
เพราะปูตินปฏิเสธเรื่องนี้มาตลอด
เอาเข้าจริงๆ การประเมินความเคลื่อนไหวของปูตินของวงการข่าวกรองทางทหารของสหรัฐฯ และนาโตก็ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา

นั่นคือ “สงครามเต็มรูปแบบ” ที่รัสเซียไม่เพียงแต่จะรุกเข้าไปทางตะวันออกของยูเครนเพื่อ “ตอบสนองคำร้องขอ” ของสองแคว้นที่ประกาศแยกตัวจากยูเครนเท่านั้น แต่ยังต้องการจะยึดครองยูเครนทั้งประเทศ
ปูตินใช้ยุทธการทางทหารดั้งเดิมในการทำศึก...นั่นคือยึดพื้นที่แล้วจงเข้าสู่โต๊ะเจรจา
คำถามใหญ่ตอนนี้สำหรับผมก็คือ สหรัฐฯ และนาโตจะยับยั้งรัสเซียด้วยวิธีใด
ทางเลือกจากเบาไปหาหนักคือ
1.ยอมให้รัสเซียคุมชะตากรรมของยูเครน แต่เจรจาไม่ให้ปูตินส่งทหารข้ามเข้ามาในดินแดนของสมาชิกนาโต
2.นาโต้ยอมให้สมาชิกเข้าช่วยเหลือยูเครนทำสงคราม แต่ไม่ใช่ในนามนาโต แม้จะได้รับการสนับสนุนจากนาโตทางอ้อม
3.นาโตรับยูเครนเข้านาโตอย่างเร่งด่วน ส่งทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าเปิดศึกกับรัสเซียเต็มรูปแบบ กลายเป็นสงครามยุโรป
ในความปฏิบัติ ผมเชื่อว่านาโตอาจจะเลือกผสมผสานทางเลือกทั้งสามอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายของการไม่ให้ปูตินกลายเป็นผู้รุกรานที่ไม่มีใครยับยั้งได้
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประกาศว่า บัดนี้มี “ม่านเหล็ก” (Iron Curtain) แผ่นปิดรัสเซียออกจากโลกแห่งอารยะอีกครั้งหนึ่งแล้ว
คำว่า Iron Curtain เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อสหภาพโซเวียตยึดครองยุโรปตะวันออก เพื่อสร้างอิทธิพลของระบอบคอมมิวนิสต์ภายใต้การกำกับดูแลของมอสโก
เป็นจุดเริ่มต้อนของ “สงครามเย็น” ระหว่างค่ายโลกเสรีกับกลุ่มคอมมิวนิสต์
วันนี้กำลังจะเกิด “สงครามเย็น 2.0” หรือไม่ เป็นอีกคำถามหนึ่งที่ควรแก่การวิเคราะห์
เดือนพฤศจิกายน 1989 เมื่อกำแพงเบอร์ลินพังทลายมีการแบ่งโลกออกเป็นตะวันออกกับตะวันตก เพราะความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างลัทธิทุนนิยมและลัทธิคอมมิวนิสต์
พอถึงปี 1991 สหภาพโซเวียตล่มสลาย...เป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของสงครามเย็น
แต่สำหรับปูติน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ KGB ที่เคยประจำอยู่ในเยอรมนีตะวันออก การล่มสลายของสหภาพโซเวียตตอนนั้นกลายเป็นความแค้นส่วนตัวอันขมขื่นซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
การที่ยูเครนแยกตัวเองไปอยู่กับฝั่งตะวันตกเป็นสิ่งที่ปูตินยอมรับไม่ได้มาช้านาน
และเพิ่งจะระเบิดออกมาเป็นการประกาศ “ฟื้นฟู” ความยิ่งใหญ่ของสหภาพโซเวียตในอดีต
ปูตินไม่แคร์ว่ารัสเซียเคยยอมลงนามในข้อตกลงระหว่างประเทศที่ยอมรับขอบเขตของรัฐยูเครนใหม่
และในปี 2014 ปูตินก็พบวิธีการผนวกไครเมีย ซึ่งเป็นพื้นที่รัสเซียที่มีความหมายมากที่สุดของยูเครน
ในช่วงหลังนี้ รัสเซียพยายามจะสร้างกลุ่มพันธมิตรใหม่กับจีน ที่แรกเริ่มอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกับตะวันตกโดยตรง
แต่มอสโกและปักกิ่งก็จับมือสนับสนุนซึ่งกันและกันเมื่อเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์จากตะวันตก
พอรัสเซียบุกยูเครน จีนก็ปฏิเสธที่จะประณามรัสเซีย
เหมือนที่จีนปักกิ่งเคยประกาศว่า หากไต้หวันประกาศแยกตัวเป็นเอกราชก็จะต้องเผชิญกับปฏิกิริยารุนแรงจากปักกิ่งแน่นอน
รวมถึงการใช้กำลังอย่างที่ปูตินทำกับยูเครน
สถานการณ์ของโลกวันนี้น่ากังวลมากกว่ายุคสงครามเย็น
ในยุคสงครามเย็นนั้นทุกอย่างเป็นขาวและดำ แยกมิตรแยกศัตรูได้ง่ายกว่า
อีกทั้งส่วนใหญ่กฎเกณฑ์ก็ชัดเจนมากกว่า
มีการขีดเส้นสีแดงที่เตือนอีกฝ่ายหนึ่งว่าอย่า “ล้ำ” เข้ามา
แม้ยักษ์ใหญ่ทั้งสองค่ายต่างจะมีอาวุธนิวเคลียร์ แต่ต่างก็มีความระแวดระวัง สร้างดุลถ่วงแห่งอำนาจต่อกัน
แม้จะเกิดการเผชิญหน้าที่น่าหวาดเสียวหลายครั้ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เกิดสงครามใหญ่
สงครามโลกครั้งที่สามยังไม่เกิด เพราะมีการ “ถ่วงดุล” แห่งแสนยานุภาพทางทหาร
แต่หลังจากการล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ ตำรากฎเกณฑ์เก่าๆ ก็ถูกฉีกทิ้ง
วันนี้เส้นแบ่งเขตอิทธิพลเป็นสีเทามากขึ้น คลุมเครือมากขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าเส้นสีแดงขีดอยู่ตรงไหน
การที่มีแนวโน้มว่ายูเครนอาจเข้าร่วมกับนาโต ทำให้เครมลินโกรธแค้นและมีส่วนสำคัญที่ทำให้ปูตินต้องคิดหนักว่าจะสกัดไม่ให้นาโตขยายตัวมาประชิดติดพรมแดนของตนอย่างไร
ปูตินประสบความสำเร็จในไครเมียเมื่อ 8 ปีก่อน
และสถานภาพในบ้านก็ดูแข็งแกร่งขึ้นแม้จะยังมีกลุ่มต่อต้านความเป็นผู้นำรวบอำนาจของเขา
แต่แผนของปูตินน่าจะเป็นว่า ถ้าเขาบุกเข้ายูเครนแบบสายฟ้าแลบ ถอนตัวออกมา และประกาศชัยชนะอย่างรวดเร็ว ก็อาจจะเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังนาโตได้ว่า
รัสเซียจะไม่ยอมสูญเสีย “เขตอิทธิพล” ของตนในยุโรปตะวันออกเป็นอันขาด
แต่นักบู๊อย่างปูตินก็มีสิทธิที่จะประเมินสถานการณ์ผิดพลาดได้
เพราะเมื่อเขากดปุ่มสั่งทหารรัสเซียลุยยึดยูเครนทั้งประเทศ...ปูตินมีแผนที่จะต่อรองกับนาโตอย่างไร
ปูตินมีแผนรุก...แต่ยังไม่เห็นแผนถอย...เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบที่จะทำลายทั้งเศรษฐกิจและฐานอำนาจของตัวเองอย่างไร
เกมเสี่ยงสูงเช่นนี้ยังมองไม่เห็นจุดจบเลย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มอสโกเดือดที่เคียฟสั่งโจมตีที่พำนักของปูติน แต่เซเลนสกีปัดว่าเป็นเรื่องโกหก
รัสเซียกล่าวหาเคียฟว่าใช้โดรนโจมตีที่พำนักของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน หนึ่งวันหลังจากที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
รัสเซียพร้อมหนุนเวเนซุเอลาอย่างไม่มีเงื่อนไข ในความขัดแย้งกับสหรัฐฯ
ท่ามกลางความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลา มอสโกได้ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนการากัสอย่างไม่มีเงื่อนไข คำประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์โดยรัฐบาลของทั้งสองประเทศ หลังจากการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ-รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย และอีวาน กิล-รัฐมนตรีต่างประเทศของเวเนซุเอลา
รัสเซีย เตรียมพร้อมลากยาวสงครามอีกปี
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ตีความคำแถลงล่าสุดของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ว่าเป็นหลักฐานแสดงถึงความเต็มใจที่จะทำสงครามในยูเค
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
ทำไม ‘ดอนบาส’ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับยูเครน
อนาคตของภูมิภาคดอนบาสยังคงเป็นประเด็นสำคัญในการเจรจาเรื่องยูเครนในกรุงเบอร์ลิน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน-ผู้นำเครมลิน เรี
ปูตินพบกับวิตคอฟฟ์และคุชเนอร์ในมอสโก ผู้นำเครมลินขู่ยุโรป
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ให้การต้อนรับ สตีฟ วิตคอฟฟ์-ทูตพิเศษของสหรัฐฯ ที่กรุงมอสโกเมื่อเย็นวันอังคาร ภาพที่ออกอากาศทางทีวีของรัสเซียแสดงให้เห็นว่า จาเร็ด คุชเนอร์-ลูกเขยและที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เข้าร่วมการประชุมที่เครมลินด้วย


