ประวัติศาสตร์ของปัจจุบัน: เรื่องพรรคประชาธิปัตย์ กับ การเลือกตั้ง พ.ศ. 2566 (ตอนที่ 5: พรรคประชาธิปัตย์ในสายตาของ GlobalSecurity)

 

พรรคประชาธิปัตย์ตามข้อมูลในวิกิพีเดีย กล่าวถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่า  “พรรคประชาธิปัตย์ (ย่อ: ปชป.) เป็นพรรคการเมืองไทยที่เก่าแก่ที่สุด ก่อตั้งขึ้นในฐานะพรรคฝ่ายกษัตริย์นิยม และปัจจุบันเป็นพรรคฝ่ายอนุรักษนิยม” โดยมีเชิงอรรถอ้างอิง 4 รายการ                         

ผู้เขียนได้กล่าวถึง "Demise of the Democrat Party in Thailand" (มรณกรรมของพรรคประชาธิปัตย์) ของ Joshua Kurlantzick (โจชัว เคอร์แลนต์ซิค) ไปแล้ว และได้กล่าวถึงส่วนหนึ่งของรายการที่สองคือ  “Democrat Party (DP) / Phak Prachathipat". GlobalSecurity.org. (เมษายน พ.ศ. 2555)(https://www.globalsecurity.org/military/world/thailand/political-party-dp.htm) GlobalSecurity  

ในตอนนี้จะกล่าวถึงความเห็นของ GlobalSecurity ที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป                                 

“ในการเลือกตั้งทั่วไปเดือนกุมภาพันธ์ 2548 พรรคไทยรักไทยของนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตรชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรถึง 377 ที่นั่งในทั้งหมด 500 ที่นั่ง และจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่ต้องเป็นรัฐบาลผสม  ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ท่ามกลางการชุมนุมเบนท้องถนนของมวลชนที่ต่อต้านรัฐบาลและเรียกร้องให้ทักษิณลาออก  ทักษิณได้ยุบสภาและให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน พรรคการเมืองหลักสามพรรคที่เป็นฝ่ายค้าน ซึ่งมีพรรคประชาธิปัตย์รวมอยู่ด้วย ไม่ลงแข่งขันในการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นก่อนเวลาอันควรด้วยเหตุผลที่ว่าพรรคที่เป็นรัฐบาลนั้นจะทุจริตในการเลือกตั้ง     

ในการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน และการเลือกตั้งซ่อมที่ตามมาก็ไม่สามารถทำให้มีจำนวน ส.ส. พอที่จะเปิดประชุมสภาได้ เพราะกฎหมายเลือกตั้งกำหนดว่า ในเขตเลือกตั้งหนึ่งๆ ถ้ามีผู้สมัครคนเดียวได้คะแนนเสียงไม่ถึงร้อยละยี่สิบของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้น จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ มีผู้สมัครของพรรคไทยรักไทยที่เป็นผู้สมัครเพียงคนเดียวใน 13 เขตเลือกตั้งได้คะแนนไม่ถึงร้อยละยี่สิบ ทำให้ไม่สามารถเปิดประชุมสภาฯลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้

ต่อมาวันที่ 8 พฤษภาคม ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายนเป็นการเลือกตั้งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ต่อมาในการเลือกตั้งทั่วไป วันที่ 23 ธันวาคม 2550  พรรคพลังประชาชนได้คะแนนเสียงมากที่สุด ตามด้วยพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคอื่นๆ แต่ไม่มีพรรคใดได้คะแนนเสียงเกินครึ่งสภาฯ พรรคพลังประชาชนจึงจัดตั้งรัฐบาลผสม โดยมี สมัคร สุนทรเวชเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย และมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน และในวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551 สมชาย วงศ์สวัสดิ์ พรรคพลังประชาชนได้รับการลงคะแนนในสภาฯให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 แทนสมัคร สุนทรเวชที่ต้องพ้นจากตำแหน่งจากคำตัดสินของศาลที่วินิจฉัยว่าเขากระทำผิดรัฐธรรมนูญโดยจัดรายการโทรทัศน์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

ต่อมา ในการประชุมสภาฯสมัยวิสามัญวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2551 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้รับลงคะแนนในสภาฯให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ด้วยคะแนนเสียงรับรอง 253 และคะแนนไม่รับรอง 198 การเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญครั้งนั้นเกิดขึ้นหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคร่วมรัฐบาลชุดก่อนสามพรรค อันได้แก่ พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทยและพรรคพรรคมัชฌิมาธิปไตย ในข้อหาทุจริตการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ที่ส่งผลให้ สมชาย วงศ์สวัสดิ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยทันที   และตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2551 พรรคประชาธิปัตย์อันเป็นพรรคที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศได้จัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้น โดยมีผู้นำคือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2552   กลุ่มแนวรวมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการได้ขับเคลื่อนประชาชนจำนวนนับแสนออกมาชุมนุม โดยมีข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อ คือ หนึ่ง ให้ประธานองคมนตรีและองคมนตรีบางคนลาออก สอง ให้นายกรัฐมนตรีลาออก สาม ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและมีการปฏิรูปการเมือง ในการหาเสียงเลือกตั้งหลักของพรรคประชาธิปัตย์ในปี พ.ศ. 2554 มีดังนี้คือ ประกันราคาข้าว, ปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มร้อยละ 25, ปราบปรามยาเสพติด ออกเอกสารสิทธิชุมชมให้แก่ 250,000 ครัวเรือน หลักประกันกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยจำนวนสองแสนห้าหมื่นคน และพรรคประชาธิปัตย์จะยังคงรักษาโครงการสวัสดิการสังคมเจ็ดโครงการ รวมทั้งไม่เก็บค่าไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟต่ำกว่า 90 ยูนิตลงไป และมีกองทุนสนับสนุนน้ำมันดีเซลและก๊าซหุงต้ม  อีกทั้งยังจะขยายโครงการการศึกษาฟรี 15 ปีครอบคลุมถึงระดับมหาวิทยาลัย และยังมีโครงการใหม่เจ็ดโครงการ รวมถึง การพัฒนาร่วมกันระหว่างจีน-ไทยในเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อจีน ไทยและมาเลเซีย       

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 การแข่งขันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยจะเป็นไปอย่างเข้มข้น นั่นคือ เป็นการแข่งขันระหว่างสองพรรคใหญ่ และผลการเลือกตั้งน่าจะสูสีกัน โดยตัดสินกันที่นโยบายพรรค

อย่างไรก็ตาม นโยบายของทั้งสองพรรคดูเหมือนจะลอกกันและกัน ต่างฝ่ายต่างกล่าวหาว่าอีกฝ่ายลอก นับตั้งแต่โครงการรถไฟความเร็วสูงไปจนถึงการเพิ่มเงินเดือนลูกจ้างรัฐและเพิ่มค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ แต่นโยบายที่แตกต่างอย่างยิ่งคือ พรรคเพื่อไทยเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมให้นักการเมืองทั้งหมดที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่ถูกต้องว่ากระทำผิด และหนึ่งในนักการเมืองนั้นก็คือ อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตรที่ลี้ภัยไปตั้งแต่เกิดรัฐประหารในปี พ.ศ. 2549  พรรคประชาธิปัตย์ต่อต้านการพยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยให้เหตุผลว่า การนิรโทษจะยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองมากขึ้น และอาจนำประเทศไปสู่สถานการณ์ความรุนแรงอีกครั้ง

ในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งได้ ส.ส. ข้างมากในสภาและประกาศจัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้น จากการรายงานผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ พรรคเพื่อไทยมาเป็นที่หนึ่งในการเลือกตั้ง ด้วย ส.ส. 265 ส่วนประชาธิปัตย์มาเป็นที่สอง ได้ ส.ส. 159  ต่อมาวันที่ 4 กรกฎาคม หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแสดงความรับผิดชอบที่นำพรรคได้ ส.ส. น้อยกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาโดยการลาออก เพราะก่อนหน้านั้น พรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส. 165

อภิสิทธิ์กล่าวว่า เขาอยากจะเห็นรัฐบาลใหม่เดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยไม่ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายที่จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงของชาติ เขายืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และชี้ว่า ผลการเลือกตั้งทั่วไปพิสูจน์ให้เห็นว่า ประชาธิปไตยไทยกำลังเดินหน้าไปได้ และเตือนรัฐบาลใหม่ว่า ไม่ควรนำคดีการทุจริตคอร์รัปชั่นของอดีตนายกฯทักษิณมาพิจารณาใหม่ และการปรองดองจะต้องไม่นำไปรวมกับประเด็นเรื่องนิรโทษกรรม อภิสิทธิ์เชื่อว่า การเลือกตั้งเป็นกระบวนการที่พาประเทศไปสู่ความปกติ และตัวเขาเคารพการตัดสินใจของประชาชน”

สรุปคือ ข้อเขียนของโจชัว เคอร์แลนต์ซิคได้กล่าวถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นพรรคแนวอนุรักษ์นิยม ส่วนข้อเขียน “Democrat Party (DP) / Phak Prachathipat" ของ GlobalSecurity กล่าวว่า ในช่วงก่อตั้งพรรคประชาธิปไตยเป็นพรรค monarchist และต่อมามีจุดยืนในแบบเสรีนิยม

คนประชาธิปัตย์ควรมีเวลาใส่ใจภาพสะท้อนของพรรคจากสายตาของนักวิเคราะห์ต่างประเทศทั้งสองนี้ เพื่อการมี “อนาคต” ของพรรค

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'กรณ์' แนะ ปปง. ยึดทรัพย์สแกมเมอร์รายใหญ่ ต้องสาวให้ถึงคนไทย แฉพยายามโยกย้ายทรัพย์สิน

นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้นำเอกสารหลักฐานชี้ให้เห็นถึงธุรกรรมที่ผิดปกติเกี่ยวโยงกับบุคคลที่ถูกกล่าวหา โดยสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาว่าเกี่ยวโยงกับวงการสแกมเมอร์ และอาจจะเป็นกิจกรรมที่สะท้อนถึงความพยายามในการฟอกเงินที่ได้มาจากธุรกรรมเหล่านั้น

อยากได้ก็ตั้งให้! ‘นิพิฏฐ์’ แนะนำ ‘อนุทิน’ ใช้นามสกุล ‘โอษฐภัย’

นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ   อดีตส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความเรื่อง “โอษฐภัย” โดยมีรายละเอียดว่า ผมฟังท่านนายกรัฐมนตรี อ

พฤฒสภา คือ สภาปรีดี จริงหรือ ? (28)

ก่อนจะเกิดรัฐธรรมนูฉบับที่ 4 หรือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2490 เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 คือฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475

เทพไท ไม่แปลกใจ 'อภิสิทธิ์-ปชป.' ฉุดกระแสใต้คืนชีพ ห่วง สส.เขต โดนกระสุนดินดำเอาไปกิน

เทพไท ชี้ ผลการสำรวจของนิด้าโพล อาจวัดความนิยมของพรรคการเมือง และจะบ่งบอกถึงส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ แต่สำหรับส.ส.ในระบบเขต ยังเชื่อว่าพรรคการเมืองที่มีทรัพยากรพร้อม มีกระสุนดินดำเป็นจำนวนมาก และยิงเข้าเป้า ก็จะมีโอกาสชนะการเลือกตั้ง

ปชป. ขานรับกระแสดีภาคใต้ ลั่นพร้อมสร้างการเมืองสุจริต

“ประชาธิปัตย์” ขอขอบคุณ ความไว้วางใจที่คนไทยมอบให้ พร้อมสร้าง “การเมืองสุจริต” ทำงานด้วย “ความมืออาชีพ” ด้วยนโยบายที่ “ทำได้จริง” เปิดรับสมัคร สส. วันสุดท้ายของแคมเปญ “สส.ที่ดี คุณเองก็เป็นได้นะ”

'อภิสิทธิ์' นำทีม ปชป. ลงเรือช่วยอพยพผู้ติดค้างในบ้าน พบปัญหาไร้ระบบประสานงาน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยผู้บริหารพรรคบางส่วน อาทิ นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่ภาคใต้ นายวีระพงษ์ ประภา รองหัวหน้าพรรค ตามภาระกอจ นายพงศกร ขวัญเมือง โ