พักกายพักใจไปสัมผัส‘มัลดีฟส์’ เสน่ห์ของธรรมชาติสวรรค์กลางมหาสมุทรอินเดีย

หลังจากทำงานหนักมาตลอดทั้งปี ถึงเวลาพักกาย พักใจ แล้วออกเดินทางไป “ชาร์จแบตชีวิต” กันที่ มัลดีฟส์ (Maldives) ถือเป็นอีกหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต้องไปเยือน โดยเฉพาะคู่รักและผู้ที่ต้องการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของมหาสมุทรอินเดีย มีความโดดเด่นเป็นประเทศหมู่เกาะที่เกิดจาก ปะการังวงแหวน (Coral Atoll) แต่ละเกาะมีขนาดเล็ก มีชายหาดสีขาวละเอียด ดึงดูดนักเดินทางด้วยน้ำทะเลใสเป็นสีฟ้า เทอร์คอยส์ จุดเด่นคือ “รีสอร์ตหนึ่งเกาะ” แต่ละเกาะจะมีรีสอร์ตเพียงแห่งเดียว ทำให้ผู้เข้าพักได้ความเป็นส่วนตัวสุดๆ เรียกว่า...ใครได้ไปเยือนมัลดีฟส์ครั้งแรกจะตกหลุมรักในทันที เหมือนดั่งต้องมนตร์สะกด ด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติกที่หาไม่ได้จากที่ไหนในโลก ทำให้มัลดีฟส์กลายเป็น “สวรรค์กลางมหาสมุทรอินเดีย” ที่หลายคนโหยหาจะกลับไปซ้ำอีกครั้ง

เมื่อการท่องเที่ยวระดับพรีเมียมกลายเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของ เศรษฐกิจมัลดีฟส์ การมีสนามบินที่ตอบโจทย์ในการรองรับปริมาณผู้โดยสารและความสะดวกสบายถือเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2025 ได้เปิดใช้งานอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ของ สนามบินนานาชาติ (Velana International Airport MLE) บนเกาะ ฮูลลูเล (Hulhulé Island) ที่มีความ “หรูหราทันสมัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น เคาน์เตอร์เช็กอิน 47 ช่อง, ช่องตรวจคนเข้าเมือง 20 ช่อง และสะพานเทียบเครื่องบิน 12 แห่ง ระบบจัดการสัมภาระอัตโนมัติและเทคโนโลยีนำร่องจอดเครื่องบินขั้นสูง (AVDGS) และพื้นที่ร้านค้า ร้านอาหารและเลานจ์สุดหรู

เพื่อให้ผู้โดยสารพักผ่อนได้อย่างสะดวกสบายก่อนออกเดินทาง การออกแบบภายในยังสะท้อน “เอกลักษณ์มัลดีฟส์” ได้อย่างลงตัว โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสีสันของท้องทะเล ปะการัง และหาดทรายขาวละเอียด ผสานกับวัสดุท้องถิ่น เช่น หินปะการังแกะสลัก “Hirigaa” ที่บอกเล่าเรื่องราววัฒนธรรมของหมู่เกาะแห่งนี้ได้อย่างงดงาม มีความโดดเด่นทั้งในด้านสถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีการให้บริการ โดยอาคารใหม่มีพื้นที่กว่า 70,000 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 7 ล้านคนต่อปี

เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวกลุ่มไฮเอนด์ (High-end Travelers) หรือผู้ที่ชื่นชอบการพักผ่อนแบบหรูหราเหนือระดับล่าสุด นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า สายการบินบางกอกแอร์เวย์สได้เปิดให้บริการเส้นทางกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)-มัลดีฟส์ ใช้เวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมง 15 นาที มัลดีฟส์ถือเป็นอีกหนึ่งในเส้นทางที่มีศักยภาพสูง และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มนักเดินทางจากประเทศในเอเชีย เช่น ไทย จีน เกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“นอกจากนักท่องเที่ยวแล้วยังมีกลุ่มผู้โดยสารที่เป็นผู้ประกอบการและชาวท้องถิ่นที่เดินทางเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ช่วยเพิ่มปริมาณผู้โดยสารในเส้นทางนี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ปัจจุบันอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60-65% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับน่าพอใจ และมีแนวโน้มขยายตัวตามฤดูกาลท่องเที่ยว โดยบริษัทเดินหน้าใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงรุก ควบคู่กับการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจในหลากหลายมิติ ทั้งการเชื่อมต่อเที่ยวบินผ่านสายการบินพันธมิตรในรูปแบบ Codeshare และ Interline ตลอดจนความร่วมมือกับเครือข่าย โรงแรม รีสอร์ต และพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นตลาดและขยายฐานลูกค้าที่มีศักยภาพในภูมิภาคเอเชียและยุโรป” นายพุฒิพงศ์ ระบุ

นั่งสบายด้วยเครื่องบินแอร์บัส A319 จำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ได้แก่ วันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ ทั้งขาไปและขากลับ พร้อมให้บริการครบรูปแบบในสองชั้นโดยสาร ได้แก่ ชั้นธุรกิจ “Blue Ribbon Class” และชั้นประหยัด “Economy Class” ให้บริการตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา จุดเด่นของบางกอกแอร์เวย์สคือ การเป็นสายการบินฟูลเซอร์วิสที่มอบประสบการณ์การเดินทางครบทุกขั้นตอนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ผู้โดยสารจะได้รับน้ำหนักสัมภาระโหลดฟรี 20 กิโลกรัมต่อท่าน (ชั้นประหยัด)

ส่วนใครที่รู้สึกหิวเมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว แน่นอนว่าจะได้รับสิทธิ์ในการใช้บริการห้องรับรองผู้โดยสารสุดพิเศษที่สนามบินสุวรรณภูมิ ได้แก่ “บูทีคเลานจ์” สำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัด และ “บลูริบบอนคลับเลานจ์” สำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจ รวมถึงสมาชิกฟลายเออร์โบนัสระดับพรีเมียร์พลัส และระดับพรีเมียร์ ซึ่งจะได้รับบริการอาหาร เครื่องดื่ม และของว่างตลอดการรอเที่ยวบิน เรียกว่าอิ่มก่อนการเดินทางและพร้อมพักสายตา ขณะที่เครื่องบินกำลัง “Take off” เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางนั้น บางกอกแอร์เวย์สเขาทำถึง แม้จะอยู่บนเครื่องยังมีบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ทั้งเครื่องดื่มเย็นๆ เมนูอาหารพิเศษ ขนมคุกกี้แสนอร่อยและรอยยิ้มอบอุ่นจากลูกเรือที่ดูแลตลอดเส้นทาง

เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ผู้โดยสารจะได้เห็นวิวทะเลสีฟ้าใสราวกระจกของมัลดีฟส์จากมุมสูง ภาพที่เห็นเบื้องหน้าเมื่อทอดสายตาผ่านหน้าต่าง เมื่อได้เห็นเป็นครั้งแรกจะร้องโอ้ววออกมาทันที “นี่แหละ...สวรรค์บนดินของจริง”

หลังจากนั่งสปีดโบ๊ต โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที จะเห็นเกาะที่พักวิลลา คุณจะต้องเบิกตากว้างตกตะลึงในความสวยของภาพเบื้องหน้าว่านี่คือ มัลดีฟส์ ไม่แปลกใจที่นักท่องเที่ยวยกให้เป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักเดินทางทั่วโลก เมื่อสอดส่องสายตาไปรอบๆ จะเห็นความโดดเด่นของของหาดทรายขาวละเอียดบวกกับน้ำทะเลสีฟ้าเทอร์คอยส์ เมื่อมองไปเบื้องหน้าจะเห็นรีสอร์ตสุดหรูที่ตั้งอยู่กลางน้ำ โดยนักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำทะเลได้ คงต้องบอกว่าบรรยากาศแบบนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคู่รักและคู่ฮันนีมูน รวมถึงผู้ที่ต้องการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติและความสงบ

หากใครมีโอกาสได้เดินทางไปเยือน มัลดีฟส์ ดินแดนสวรรค์กลางมหาสมุทรอินเดีย คงต้องบอกว่า “เซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์ (Centara Grand Lagoon Maldives)” คือหนึ่งในรีสอร์ตระดับลักชัวรีที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การพักผ่อนแบบครบวงจรอย่างแท้จริง รีสอร์ตสุดหรูในเครือ เซ็นทารา โฮเทล แอนด์ รีสอร์ต แห่งนี้เพิ่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างล้นหลาม ด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานความหรูหรากับธรรมชาติได้อย่างลงตัว

ความโดดเด่นของรีสอร์ตอยู่ที่ “ลากูนวิลลา” ห้องพักกลางน้ำที่มีระเบียงส่วนตัวให้ชมวิวทะเลแบบ 360 องศา พร้อมพื้นที่นั่งรับลมและชมพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติก ไฮไลต์สำคัญคือ สระว่ายน้ำส่วนตัวทุกวิลลา และทางเดินไม้เชื่อมกลางน้ำที่กลายเป็นมุมถ่ายรูปยอดนิยมของนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางน้ำให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พายเรือคายัก หรือ แพดเดิลบอร์ด ชมวิวลากูนใสระยิบระยับ ดำน้ำดูปะการัง (Snorkeling) สำรวจโลกใต้น้ำ พบปลาสีสันสดใสและเต่าทะเล ล่องเรือชมโลมา (Dolphin Cruise) สุดตื่นเต้นและอบอุ่นใจ

ด้วยความงดงามของธรรมชาติแห่งท้องทะเลมัลดีฟส์ และการบริการที่เปี่ยมด้วยมาตรฐานระดับสากล “เซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์” จึงกลายเป็น จุดหมายปลายทางในฝันของผู้ที่ต้องการพักผ่อนอย่างมีระดับ ล้อมรอบด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบ เป็นส่วนตัว และเต็มไปด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติบริสุทธิ์ บวกกับการเดินทางที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่เปิดเที่ยวบินตรงสู่มัลดีฟส์ ช่วยเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางให้สมบูรณ์แบบตั้งแต่ก้าวแรกของการเดินทาง จนถึงช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนอันแสนพิเศษบนเกาะสวรรค์กลางทะเล

และเหนือสิ่งอื่นใด รีสอร์ตยังคงยึดมั่นในแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability) ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ระบบจัดการน้ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว สะท้อนถึงพันธกิจ “Luxury with Responsibility” หรือหรูหราอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งอนุรักษ์ระบบนิเวศภายในรีสอร์ตและในชุมชนท้องถิ่นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เพื่อมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่ทั้งประทับใจและมีคุณค่าต่อโลกใบนี้อย่างแท้จริง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หงเปา(Hong Bao)’ขยับสเต็ปพลิกเกมสู่โอกาส! วัดใจเศรษฐกิจ:ปรับกลยุทธ์สู้ปัจจัยเสี่ยงไต่ระดับดาวเด่นภัตตาคารอาหารจีน

ในปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวนสูง ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องเร่งปรับตัว เช่นเดียวกับ ‘ธุรกิจภัตตาคาร-ร้านอาหารจีน’ เพื่อให้สามารถแข่งขันและรักษาฐานลูกค้าได้

แสตมป์‘ความทรงจำของชาติ’ เทิดพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ตราไปรษณียากรที่ออกในราชอาณาจักรไทยมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่แรกเริ่ม จากแสตมป์ชุดแรกของสยามคือ “ชุดโสฬส” ที่เชิญพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

‘ชุมพร’เมืองประตูสู่ภาคใต้ เสน่ห์แห่งทะเลและไลฟ์สไตล์ชุมชนจุดยุทธศาสตร์พลังงานภูมิภาค

“ชุมพร” ชื่อนี้อาจเป็นภาพจำของประตูสู่ภาคใต้ สำหรับนักเดินทาง แต่หากได้ลองแวะพักและสัมผัสอย่างลึกซึ้ง จังหวัดริมฝั่งอ่าวไทยแห่งนี้จะเผยให้เห็นเสน่ห์ของวิถีชีวิตที่ไม่เร่งรีบ

เปิดสูตรลับ‘ล้งเล้งลูกชิ้นปลา’สตรีทฟู้ดระดับตำนาน ภารกิจเจนฯ2เมื่อต้องเผชิญความท้าทาย-เปลี่ยนแปลง

ท่ามกลางความท้าทายของยุคสมัยในย่านสตรีทฟู้ดชื่อดังอย่างบรรทัดทอง ‘ล้งเล้ง’ ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาตำนานกว่า 41 ปี พิสูจน์ให้เห็นถึงการยืนหยัดและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

สำนักงานสลากฯยืนหนึ่งบทบาท‘องค์กรแห่งการให้’ จากน้ำใจสู่การพัฒนา:ปลุกพลังชุมชนสานต่อโครงการสร้างสรรค์สู่สังคมยั่งยืน

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นองค์กรของรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการจัดหารายได้เข้าสู่แผ่นดิน ผ่านการบริหารจัดการสลากอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง สำนักงาน

วัดโกโทคุจิ สวรรค์ของทาสแมว (กวัก) ต้นกำเนิดแห่งโชคลาภ

หากกล่าวถึงสัญลักษณ์แห่งความโชคดี และการค้าขายในประเทศญี่ปุ่น หลายคนคงนึกถึง ‘แมวกวัก’ หรือ ‘มาเนะกิ เนโกะ’ (Maneki Neko) เจ้าเหมียวตัวขาวที่ชูอุ้งเท้าขึ้นราวกับกำลังเชื้อเชิญให้ทุกคนเข้าไปหา