ศาลไม่ให้ประกัน 'เมธา' เจ้าของร้านดารุมะซูชิ ชี้เป็นภัยร้ายแรงสังคม เกรงหลบหนี

23 มิ.ย.2565 - หลังจากที่พนักงานสอบสวน กองกับการ 1 ปคบ. ยื่นคำร้องฝากขังทางไกลผ่านจอภาพครั้งเเรก นายเมธา ชลิงสุข อายุ 39 ปี เจ้าของร้านดารุมะซูชิ ผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมฉ้อโกง ประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่า ทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญาและเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็น ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,343 และตามพรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550

โดยศาลพิจารณาคำร้องเเล้วอนุญาตให้ฝากขังได้

ต่อมานายเมธายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว พิเคราะห์แล้วเห็นว่าการกระทำของผู้ต้องหา มีลักษณะกระทำโดยมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน โดยรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถปฏิบัติตามที่โฆษณาไว้ได้ จึงทำให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งทำให้เสียความเชื่อถือจากผู้ประกอบการ และผู้บริโภครายอื่น จึงเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม เชื่อว่า หากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาอาจหลบหนีประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวยกคำร้อง

ทั้งนี้ คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 20-21 มิ.ย.มีผู้เสียหายจำนวน 18 คนมายื่นร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้ดำเนินคดีกับ บริษัท ดารุมะ ซูชิ จำกัด โดยนายเมธาในฐานะนิติบุคคล เเละฐานะกรรมการผู้มีอำนาจในฐานะส่วนตัวจนกว่าคดีจะ สิ่งที่สุด ความเสียหายประมาณ 23,336,246 บาท

บริษัท ดารุมะซูชิ จำกัด มีนายเมธา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว ได้ทำการประกาศขายคูปอง บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นทางเพจเฟสบุ๊คชื่อ ดารุมะ (daruma) เพจ Daruma sushi ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ให้กับประชาชนทั่วไปที่ต้องการกิน อาหารบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น ซึ่งผู้เสียหายมีความสนใจจึงได้ตกลงซื้อคูปอง ของบริษัทดังกล่าว ได้ซึ่งปัจจุบันนี้มีราคา 199บาทต่อ1 ท่าน และเพจดังกล่าวได้มีการเปิดให้เป็นการซื้อแฟรนไชส์ด้วยโดยมีสาขาทั้งหมด 27 สาขา และอีกหนึ่งสาขาที่ยังไม่ได้เปิด ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยมีการตกแต่งพร้อมแล้วที่จะเปิดซึ่งทุกสาขาที่กล่าวมานี้ผู้ต้องหาเป็นคนบริหารเองทุกสาขา และมีการให้ผู้อื่นมาร่วมทุนในแต่ละสาขา เริ่มแรก ให้ลงทุน ในราคา 2ล้านบาทต่อสาขา ต่อมาให้ลงทุนในราคา 2.5ล้านบาทต่อสาขา และบางสาขาซึ่งเป็นเพื่อนกันก็จะ ให้ลงทุน 2.3 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งให้ให้ผลตอบแทน 10%ของยอดขายในแต่ละสาขาซึ่งต่อมา วันที่ 17 มิ.ย.65 ได้มีการปิดกิจการทุกสาขา จนถึงปัจจุบันก็ไม่ได้มีการเปิดแต่อย่างใด และไม่สามารถติดต่อ บริษัท ดารุมะ ซูชิ จำกัด และนายเมธา ชลึงสุข ผู้ต้องหาได้

ผู้เสียหายได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวน 12,600,000 บาท จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานตามกรณีข้างต้นเชื่อว่า บริษัท ดารุมะ ซูชิ และนายเมธา ชลิงสุข กรรมการผู้มี อำนาจได้โฆษณาผ่านทางเพจ Daruma sushi ซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ โดยพบมีการโพสต์จำหน่ายบัตร คูปองอาหาร ดารุมะ ซูชิ ในราคา 199 บาท ผ่าน ทางเพจดังกล่าวเพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงโปรโมชั่นต่างๆ และมีการประการให้ผู้ที่สนใจซื้อแฟรนไชส์สาขาต่างๆด้วย และมีผู้หลงเชื่อซื้อคูปองอาหารดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และเมื่อจะเดินทางไปใช้บริการกลับไม่สามารถใช้บริการได้จนเป็นเหตุให้ ประชาชนทั่วไปที่หลงเชื่อและเกิดความเสียหายจำนวนมาก และรวมทั้งผู้ซื้อแฟรนไชส์ด้วยบางสาขาเมื่อผู้เสียหายได้โอนเงินทำ สัญญาไปแล้วก็ไม่ได้มีการเปิดให้บริการแต่อย่างใด พฤติการณ์การกระทำของบริษัท ดารุมะ ซูชิ โดยนายเมธา ชลิงสุข กรรมการผู้มีอำนาจ นั้นได้มีเจตนาในการกระทำ ความผิดโดยเริ่มแรกได้จัดทำแฟรนไชส์และเปิดขายบริการคูปองกินบุฟเฟต์ต์อาหารญี่ปุ่นในราคาที่สามารถเป็นไปได้

แต่ต่อมาได้มี การจัดขายโปรโมชั่นเป็นคูปองราคา 199 บาท ซึ่งจากการสอบสวนผู้เสียหายเกี่ยวกับราคาดังกล่าวนั้นซึ่งมีเมนูปลาแซลมอนด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ในการให้บริการ แต่ได้ทำขึ้นเพื่อจูงในให้ประชาชนทั่วไปหลงเชื่อและซื้อคูปองไปจำนวนมาก

การกระทำดังกล่าวของนายเมธา ผู้ต้องหา เข้าข่ายความผิดฐานซึ่งการกร “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญาและเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดย รู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ฯ

ด้วยเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการจับกุม นายเมธา ชลิงสุข ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาประตูทางออก 9 อาคารผู้โยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ชั้น 4 สนามบินสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี โดยแสดงหมายจับ และผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อนพร้อมทั้งแจ้งสิทธิตามกฎหมาย ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 ปคบ. ดำเนินคดีตามกฎหมาย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตั้งป้อมชน 'ระบอบทักษิณใหม่' ประเดิม 18 ธ.ค. บุก ป.ป.ช. หึ่งล็อบบี้หนักล้มคดีชั้น 14

วงหารือฝ่ายต้านรัฐบาล ตั้งป้อมชน 'ระบอบทักษิณใหม่' นำร่อง 18 ธ.ค. บุกตึก ป.ป.ช. หลังได้กลิ่นล็อบบี้หนัก 3 กรรมการฯ ล้มคดีชั้น 14

ศาลคดีทุจริตฯ เลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้อง '9 บิ๊ก มท.' ปมเขากระโดง

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ เลื่อนนัดฟังคำสั่งชั้นตรวจฟ้องคดี 9 บิ๊ก มท. ทุจริตที่ดินเขากระโดง 28 ม.ค. 68 เหตุสั่งเเก้ฟ้อง ‘ณฐพร โตประยูร’ 2 ประเด็น

ตร.พร้อมสอบทุกมิติคดีพินัยกรรมเจ๊อ้อย เผยหาก 'ษิทรา' ไม่มีทนายสามารถซักค้านเองได้

ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสว่าจะมีตัวแทนรับมอบอำนาจจาก น.ส.จตุ

โกงสนั่น! ผู้ใหญ่บ้าน-ทนาย-ขรก. ร่วมหลอกขายที่ดินเขากระทิง เสียหายเกือบ 40 ล้าน

ที่ห้องสอบสวน สภ.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี น.ส.ลำไย ซ่อมแก้ว อายุ 45 ปี ภรรยา นักโปรแกรมเมอร์ชาวเยอรมัน ผู้เสียหาย พร้อมด้วย พ.ต.อ.พูนชัย ชูรัตน์ ทนายความ นายธเนศ ทวิภมรกุลวงศ์ ทนายความ และครอบครัว ได้เปิดโต๊ะแถลงข่าวขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน