
28 ก.พ.2566- ที่ห้องพิจารณา 906 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.1117/2565 ที่พนักงานอัยการและรักษาการเจ้าอาวาสวัดวชิรธรรมาราม เป็นโจทก์เเละโจทก์ร่วม ฟ้อง นายอภิรัตน์ หรือ เนย ชยางกูล ณ อยุธยา อายุ40 ปี อดีตเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ กองโครงการธุรกิจ 2 ฝ่ายโครงการพิเศษ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อดีตคนสนิทสมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นจำเลยฐาน ฉ้อโกง ปลอมแปลงเอกสารใช้และใช้เอกสารปลอม ทำให้วัดวชิรธรรม และวัดสาขา ในกรุงเทพและต่างจังหวัดเสียหายและให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน80.1ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย เป็นคดีดำที่1777/2565
จำเลยให้การปฏิเสธและจำเลยถูกขังมาตลอด
คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า เดิมสมเด็จพระวันรัต เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดบวร และรักษาการเจ้าอาวาสวัดวชิรธรรมาราม อาพาธรักษาตัวที่โรงพยาบาลระหว่างปี2564-2565 ทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้จัดส่งเงินจำนวน 78.5 ล้านบาท เข้าบัญชีวัดวชิรธรรม เพื่อใช้จ่ายในการก่อสร้างวัดวชิรธรรมาราม(โครงการสร้างถวายในหลวงภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ร.9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินินาถ) และโครงการอื่นๆ มีพระวันรัต เป็นผู้มีอำนาจเบิกถอนเงินเพียงผู้เดียว ในหลายบัญชีอาทิ ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางลำภู วัตถุประสงค์ฝากเงินเพื่อเอาดอกเบี้ย จนเงินเพิ่มเป็น 80.1ล้านบาท
จำเลยเป็นศิษย์คนสนิท รู้ว่าเงินไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของพระวันรัตแต่เป็นของวัดวชิรธรรม ได้ออกอุบายหลอกพระวันรัตให้ลงลายมือชื่อเบิกถอนเงิน หลายครั้ง เพื่อไปเบิกถอนเงินจากธนาคาร แล้วนำไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร เมื่อเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาสอบถามพระวันรัต ก็ไม่ได้รับสาย เพราะจำเลยให้ปิดเสียง ซึ่งจำเลยได้โอนเงินจำนวน 50 ล้านบาทเข้าบัญชีเงินฝากของตนเอง
จากนั้นจำเลยนำเงินที่หลอกลวงมาไปซื้อ รถยนต์ยี่ห้อเบนลีย์ และรถหรูราคาแพง กับจองและสั่งซื้อเลขป้ายทะเบียนสวย กระเป๋าราคาแพง อัญมณี ชำระหนี้บัตรเครดิต รวมทั้งหมด 324 รายการ ต่อมาพระวันรัตได้ทราบ เกี่ยวการโอนเงินวัดเข้าบัญชีจำเลย จึงสอบถามจำเลยซึ่งจำเลยตอบว่าโอนเงินผิด พระวันรัตจึงตำหนิจำเลยแล้วบอกให้โอนเงินกลับคืนมาให้เรียบร้อย แต่จำเลยไม่โอน ทั้งนี้จำเลยมีการกระทำในลักษณะเดียวกันนี้ต่อวัดบวร วัดรัตนวราราม ในหลายบัญชี -จึงขอให้ลงโทษจำเลยสถานหนักและให้คืนเงินจำนวน 80 ล้านบาทเศษ
โดยวันนี้ศาลได้เบิกตัวนายอภิรัตน์ จำเลยมาจากเรือนจำ และมีญาติโยมลูกศิษย์วัดมาร่วมฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยมีเจตนาฉ้อโกงหลอกลวงสมเด็จพระวันรัตโดยปลอมและใช้ใบถอนเงินปลอม โดยเมื่อวันที่ 29 ม.ค.2564 จำเลยได้ถอนเงินจำนวน 50 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารหลงเชื่อว่าใบถอนเงินดังกล่าวเป็นเอกสารฉบับจริง หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2565 จำเลยยังได้โอนเงินจำนวน 30 ล้านบาทเศษเข้าบัญชีส่วนตัวของจำเลย โดยฝ่าฝืนไม่ได้รับความยินยอมจากสมเด็จพระวันรัต ดังนั้นจากพฤติกรรมเห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ของตนเองโดยทุจริตมาตั้งแต่ต้นและปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม ซึ่งเป็นบทลงโทษหนักที่สุด
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามป.อาญามาตรา 265 และ 268 วรรคแรก ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม จำนวน 2 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมโทษจำคุก 10 ปี และให้จำเลยคืนเงินจำนวน 80 ล้านบาทเศษ แก่วัดวชิรธรรมด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาลให้ประกัน 'นานา' ตีราคาประกัน 1 ล้าน ห้ามออกนอกประเทศ
โฆษกศาลยุติธรรมเผย ศาลอาญาให้ประกัน "นานา" เเล้ว ตีราคาประกัน 1 ล้านบาทห้ามออกนอกประเทศ ใช้มาตราการคำนึงสิทธิพร้อมคุ้มครองสังคม แต่งตั้งผู้ให้คำปรึกษาในคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมของศาลอาญาเป็นผู้กำกับดูแล
ละเอียดยิบ! เปิดพฤติการณ์ 'นานา ไรบีนา' ฉ้อโกง ยอดเสียหาย 152 ล้าน
เปิดพฤติการณ์ "นานา ไรบีนา" ฝากขังศาลอาญา หลอกลวงทำธุรกิจ ปอศ.ค้านประกันเหตุคดีมีมูลค่าความเสียหายสูง กลัวเจ้าตัวหลบหนี
รวบหนุ่มจีนหนีคดีฉ้อโกง ตามหมายจับอินเตอร์โพล กบดานกลางเมืองขอนแก่น
ตม.ขอนแก่น ร่วมตำรวจท่องเที่ยว รวบหนุ่มจีนหนีคดีฉ้อโกง ตามหมายจับอินเตอร์โพลและทางการจีน หลังลักลอบมากบดานที่คอนโดชื่อดังใจกลางเมืองขอนแก่น
'เซปิง' อ่วม! ศาลสั่งจำคุก 4 ปี ข้อหาฉ้อโกง-พรบ.คอมฯ ไม่รอลงอาญา
"เซปิง" อ่วม! ศาลอาญาสั่งจำคุกข้อหาฉ้อโกง ประชาชน-พรบ.คอมฯ 4 ปี อีก 1 สำนวนไม่รอลงอาญา คดีหลอกลวง โครงการ เฟซออฟ เจ้าตัวยื่นประกันระหว่างอุทธรณ์
จับ 3 เจ้าหน้าที่เทศบาล ปลอมเอกสารคนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง สมัครบัตรกดเงินสดกว่า 2 ล้าน
พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. ,พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป. ,พ.ต.ต.จิรัฎฐวัฒน์ กิจรุ่งเรืองเดช สว.กก.4 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ร่วมกันจับกุม น.ส.นุชรีย์ฯ อายุ 42 ปี ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่แผนกกองคลั
หนุ่มน้อยวัย 16 แจ้งจับหมอดู หลอกเช่าเครื่องรางเสริมดวงความรัก สูญเงินรวมกว่า 5 แสน
นายรณณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พา นายบอย (นามสมมุติ) เยาวชนวัย 16 ปี และ นายฉัตรชัย เมืองคุ้ม หรือ ท็อป อายุ 35 ปี เข้าพบ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) หลังถูกหมอดูเสรี


