ศาลตัดสินคุก 2 ปี 2 โจ๋ฐานพยายามเผารถยกตำรวจใต้ทางด่วนดินแดง ในการชุมนุมขับไล่นายกฯ ตู่ ส.ค.2564 ศาลชี้พยายามไม่ใช่ความผิดสำเร็จ
15 มี.ค.2566 - ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีเผารถตำรวจ หมายเลขดำ อ. 2534/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายศักดิ์ดา อุดมศรี และนายกรรภิรมย์ บุตรโคตร สองวัยรุ่น ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2564 จำเลยทั้งสองกับพวกอีกประมาณ 600 คนได้ร่วมกันชุมนุมมั่วสุมเพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มุ่งหน้าไปกรมทหารมหาดเล็กที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (รอ.) ถนนวิภาวดีฯ บ้านพักนายกฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวด โดยเป็นการชุมนุมมั่วสุมโดยไม่จัดมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด -19 ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (บก.คฝ.) ตั้งขบวนขวางป้องกันกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อยุติการเคลื่อนขบวน จำเลยทั้งสองกับกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 600 คน ได้ตะโกนด่าทอ ขว้างปาสิ่งของใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ และได้ร่วมกันวางเพลิวเผาทรัพย์รถบรรทุกพ่วงลากจูงยก ทะเบียนตราโล่ หมายเลข06564 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับความเสียหาย เป็นเงินจำนวน 2.1 ล้านบาทเศษ
วันนี้เบิกตัวจำเลยที่ 1 จากเรือนจำ ส่วนจำเลยที่ 2 ได้รับการประกันตัว เดินทางมาพร้อมทนาย
ศาลอาญาได้พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกันในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุทั้งสองได้เข้าร่วมชุมนุมในวันดังกล่าว แต่ไม่ปรากฏว่าอยู่ฝ่ายใด พยานโจทก์ได้เบิกหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอจากเฟซบุ๊กไลฟ์ของเพจรายงานข่าวแห่งหนึ่ง ปรากฏภาพจำเลยทั้งสองขว้างวัตถุติดไฟไปที่รถยกคันเกิดเหตุ แต่ว่าเพลิงไหม้ติดบริเวณล้อรถยกแต่ก็ดับไป จากนั้นก็ปรากฏบุคคลอื่นขว้างวัตถุติดไฟไปยังรถที่เกิดเหตุดังกล่าว แสดงว่าจำเลยทั้งสองไม่ใช่คนกลุ่มเดียวที่ก่อเหตุลักษณะนี้ ดังนั้นจำเลยทั้งสองได้ก่อเหตุขึ้นแต่ไม่ได้เผาไหม้รถยกดังกล่าว สาเหตุที่รถยกดังกล่าวเกิดเพลิงไหม้อาจเป็นการกระทำของบุคคลอื่น เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าจำเลยทั้งสองจุดไฟแล้วขว้างไปที่รถยกเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ การกระทำของจำเลยยังไม่ใช่ความผิดสำเร็จ การกระทำไม่บรรลุผล จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์ของบุคคลอื่น
พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 วรรคหนึ่งประกอบมาตรา 86 ข้อกำหนดที่ออกตามความมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ประกาศหัวหน้ารับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เรื่องห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดต่อโควิด-19 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่นซึ่งเป็นบทกฎหมายที่โทษหนักสุด จำคุกคนละ 4 ปี จำเลยทั้งสองรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษคนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกคนละ 2 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หิ้ว 'นานา ไรบีนา' ฝากขังค้านประกันตัว!
ตำรวจสอบาวนกลางคุมตัว 'นานา ไรบีนา' ฝากขังคัดค้านการประกันตัว
ศาลรับอุทธรณ์คดี ม.112 ให้ 'ทักษิณ' ยื่นคำแก้อุทธรณ์ภายใน 15 วัน
พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ได้ยื่นคำอุทธรณ์คดี ที่ศาลอาญายกฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
ศาลฟันหนัก! ขัง 11 คน เปิดบัญชีม้า ปั่นเหยื่อโอน 21 ล้าน โดนยาว 14-18 ปี
ศาลลงดาบจำเลยทั้ง 11 ราย คดีบัญชีม้าให้แก๊งหลอกโทรปั่นเหยื่ออ้างเป็นดีเอสไอ มองเป็นขบวนการทำร้ายสังคม-เศรษฐกิจ ย้ำต้องลงโทษแรงเพราะพฤติการณ์ร้ายแรง ไม่สนคำรับสารภาพ สั่งจำคุกตั้งแต่ 14 ถึง 18 ปี พร้อมให้คืนเงินผู้เสียหายกว่า 21 ล้านบาท
ศาลอาญาไฟเขียว อัยการขยายยื่นอุทธรณ์อีก 30 วัน คดี 'ทักษิณ' หมิ่นเบื้องสูง
ศาลอาญาพิจารณาคำร้องขอขยายอุทธรณ์ของพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา8แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายอุทธรณ์จนถึงวันที่ 19 ธันวาคมนี้ เป็นเวลาประมาณ 30 วัน ที่พนักงานอัยการฯมีเวลายื่นอุทธรณ์คดีนี้ได้
'ทักษิณ' แย่แน่! 'อสส.' คนใหม่ สวนมติเดิม สั่งอุทธรณ์คดี 112
'ทักษิณ' ลำบากแล้ว! 'อัยการสูงสุด' มีความเห็นยื่นอุทธรณ์คดีหมิ่นเบื้องสูง สวนมติ คกก.คดี 112เผยคดีนอกราชอาณาจักร อำนาจ อสส.
ศาลฯ พิพากษาเเก้ จำคุก 'ณพ ณรงค์เดช-คุณหญิงกอแก้ว' 2 ปีไม่รอลงอาญา
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ห้องพิจารณา 807 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา จำคุก คุณหญิงกอแก้ว บุญยะจินดา ภรรยา พล.ต.อ.พจน์


