ผงะ! ยึดปืนเถื่อน-แบลงค์กันเกือบ 2 พันกระบอกกระสุน 7.5 หมื่นนัด

สตช.ระดมกวาดล้าง 3,224 จุดทั่วประเทศ ยึดปืนแบลงค์กันเกือบ 2 พันกระบอก ปืนเถื่อนเครื่องกระสุนกว่า 7.5 หมื่นนัด

12 ต.ค.2566 - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร., พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธนาชูวงษ์ รักษาการ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงการปฏิบัติการ “Gun Clearance Operation” ทั่วประเทศยึดอาวุธปืนแบลงค์กัน และบีบีกัน จำนวน 1,789 กระบอก ปืนเถื่อน 219 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 75,973 นัด

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ผบ.ตร.เปิดเผยว่า เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 3 ต.ค. พ.ศ.2566 เกิดเหตุการณ์คนร้ายก่อเหตุกราดยิงประชาชนในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกหลายราย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความรู้สึกของประชาชน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จึงได้สั่งการให้ดำเนินการกวาดล้างจับอาวุธปืนผิดกฎหมายทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืนเถื่อน ปืนแปลง หรือแบลงค์กัน

จากนั้นได้เรียกประชุมคณะทำงานและได้มอบหมาย พล.ต.ท.ธนา ดูแลงานสืบสวน ดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีดังกล่าว ตามมาตรการเชิงรุก โดยได้กำหนดให้ ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายและระดมกำลังทั่วประเทศร่วมกันกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงวันที่ 9 – 11 ต.ค. 66 โดยมีเป้าหมายหลัก เป็นความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม เครื่องกระสุนปืน และการลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย ทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์ อีกทั้ง ดำเนินมาตรการเชิงรุก เร่งปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์ทุกประเภทที่มีการลักลอบซื้อขาย ดัดแปลงแก้ไข อาวุธปืนผิดกฎหมาย

เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกกองบัญชาการได้ระดมกวาดลกวาดล้างสืบสวนหาเบาะแสผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้อง จนนำมาสู่การขออำนาจศาลออกหมายค้น และเข้าตรวจค้นผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการจำหน่าย ดัดแปลง ซื้อขาย และเกี่ยวข้องกับอาวุธปืนอาวุธสงคราม กว่า 3,224 จุด จับกุมผู้กระทำผิดกว่า 1,593 คน และตรวจยึดของกลางอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียน แบลงค์กัน และบีบีกัน จำนวน 1,789 กระบอก ,อาวุธปืน มีหมายเลขทะเบียนซึ่งเป็นของบุคคลอื่น (ปืนผิดมือ) จำนวน 219 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน จำนวน 75,973 นัด

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เผยอีกว่า นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์ที่กระทำความผิดเกี่ยวข้องกับอาวุธปืน อันเป็นช่องทางในการซื้อขายอาวุธปืนผิดกฎหมาย จาก Facebook จำนวน 79 บัญชี, Tiktok จำนวน 14 บัญชี ,X (Twitter) จำนวน 148 บัญชี ,Youtube จำนวน 26 ช่อง,Instagram จำนวน 14 บัญชี รวมจำนวนทั้งสิ้น 291 รายการ

การระดมกวาดล้างอาวุธปืนเราทำมาต่อเนื่องตั้งแต่เป็นรอง ผบ.ตร.และก่อนที่จะมีเคสต่างๆที่เกิดขึ้น จากสถิติอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุเป็นอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายเป็นปืนแบลงค์กัน จึงได้ประสานการปฏิบัติกับกระทรวงมหาดไทย กรมศุลกากรในการนำเข้าแบลงค์กัน จึงต้องแก้ที่ต้นเหตุในการนำเข้าคือแก้กฎหมายซึ่งเป็นการแก้ปัญหาอย่างนั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาล เราทำทั้งออนกราวด์และออนแอร์ เพราะปืนพวกนี้มันหาง่ายโดยไม่ต้องขออนุญาต คนนำเข้าขออนุญาตนำเข้าคนขายมีใบอนุญาตขายแต่คนซื้อไม่มีกฎหมายไปบังคับเขาสามารถซื้อได้เลย

เช่นเดียวกับกับการจำหน่ายบนแพลทฟอร์มออนไลน์ เรามีการหารือมาตรการในการจัดส่งในภาพรวม โดยได้มีการเชิญเจ้าของผู้ประกอบการมาพูดคุยจะมีการควบคุมการส่งของกันทั้งระบบ ถ้าสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ตำรวจไปสุ่มตรวจทุกกล่องเป็นไปไม่ได้ อาวุธที่จับหลังจากนี้จะนำไปทำลายตามวงรอบ เช่นเดียวกันกับ 3 นโยบายหลักที่นายกรัฐมนตรี สั่งการมาคือปราบปรามยาเสพติด เรื่องการท่องเที่ยว และเรื่องอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เจ้าหน้าที่จึงมีการขับเคลื่อนให้บรรลุวัตถุประสงค์เรื่องยาเสพติดเป็นอันดับแรก และอาชญากรรมทางเทคโนโลยีประชาชนได้รับความเสียหายจำนวนมาก