ตร.แจงกฎหมายใหม่ 'ยาบ้า 5 เม็ด' ยังมีความผิดฐานครอบครองเพื่อเสพ โทษทั้งจำทั้งปรับ

13 ก.พ.2567 - พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ถึงประเด็นเรื่อง กฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ผู้เสพ หรือผู้ครอบครองยาเสพติดไม่เกิน 5 เม็ด ไม่มีโทษอีกต่อไปนั้น เป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน

รอง โฆษก ตร. กล่าวว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข ได้ออกกฎกระทรวง กำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ.2567 ลงวันที่ 31 มกราคม 2567 โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 นั้น กฎกระทรวงดังกล่าวได้ประกาศออกมาตามความในมาตรา 24 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 และ มาตรา 107 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด เป็นข้อสันนิษฐานว่า การครอบครองยาเสพติดในปริมาณเล็กน้อยตามที่กำหนด ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ ถือว่าผู้นั้นเป็นป่วย ต้องได้รับการการบำบัดรักษาเพื่อให้หายจากการติดยาเสพติดและกลับเข้าสู่สังคมต่อไป

การเสพยาเสพติดยังคงมีโทษอยู่ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 104 , 162 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากผู้เสพสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษาและเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด และดำเนินการเข้ารับการบำบัดจนครบถ้วน ก็จะไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 113 ทั้งนี้ บทลงโทษทางกฎหมายยังคงมีอยู่ ซึ่งกฎหมายนี้มีเจตนารมย์ที่จะช่วยเหลือให้เข้ารับบำบัดโดยไม่เอาผิดทางอาญา หรือการลดการเป็นอาชญากรรมของผู้เสพ (decriminalization) “มองผู้เสพ เป็นผู้ป่วย” ใช้กระบวนการทางสาธารณสุขและสุขภาพในการแก้ไขปัญหาผู้เสพผู้ติด

ส่วนการครอบครองยาเสพติดในปริมาณเล็กน้อยไว้เพื่อเสพ เช่น ยาบ้า ไม่เกิน 5 เม็ด หรือยาไอซ์ ไม่เกิน 100 มิลลิกรัม หรือยาเค มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 500 มิลลิกรัม ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2567 ยังคงเป็นความผิดฐาน "ครอบครองเพื่อเสพ" ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 107 , 164 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ แต่หากผู้ครอบครองยาเสพติดไว้เพื่อเสพ สมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษา และดำเนินการเข้ารับการบำบัดจนครบถ้วน ก็จะไม่มีความผิด ตาม ม.113 เช่นกัน โดยการครอบครองยาเสพติดไว้เพื่อเสพ แบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้

กรณีที่ 1 การครอบครองยาเสพติดไว้เพื่อเสพตามพฤติกรรมอันแท้จริง เช่น มียาบ้า 10 เม็ด แม้จะมีปริมาณเกินกว่าที่กฏกระทรวงกำหนด แต่หากข้อเท็จจริง พยานหลักฐานต่างๆ ยืนยันได้ว่า ยาบ้าจำนวน 10 เม็ดนั้น มีไว้เพื่อเสพจริง ไม่มีพฤติการณ์หรือประวัติในการจำหน่ายยาเสพติด มีผลตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะ เช่นนี้ มีความผิดฐาน ครอบครองเพื่อเสพ

กรณีที่ 2 การครอบครองยาเสพติดไว้เพื่อเสพปริมาณเล็กน้อยไม่เกินที่กำหนด เช่น ยาบ้า ไม่เกิน 5 เม็ด หรือ ยาไอซ์ ไม่เกิน 100 มิลลิกรัม หรือยาเค มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 500 มิลลิกรัม ตาม ประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2567 หากไม่มีพฤติการณ์หรือประวัติในการจำหน่ายยาเสพติด เช่นนี้ มีความผิดฐาน ครอบครองเพื่อเสพ

ทั้งนี้ พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษก ตร. ขอเรียนประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชนได้รับทราบว่า การเสพยาเสพติดทุกชนิดประเภท การครอบครองยาเสพติดทุกชนิดประเภท ไม่ว่าจำนวนเท่าใดยังคงเป็นความผิดตามกฎหมาย ถูกจับกุม ดำเนินคดีได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘จตุพร’ ซัดอำนาจเบื้องหลังปรับครม. ยังมีจิตปกติหรือไม่ แนะไปตรวจสุขภาพจิต

‘จตุพร’เย้ยอำนาจเบื้องหลังปรับ ครม.ยังมีจิตปกติหรือไม่ แนะรีบไปตรวจสุขภาพจิต อ้างเขี่ยทิ้งชลน่าน สะท้อนเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีมาตรฐานอารมณ์ ส่วน ‘ปานปรีย์’ลาออก รมต.ต่างประเทศ บอกความนัยคนจริง ยึดหลักการ สั่งซ้ายหันขวาหันไม่ได้

‘เทพไท’ เชื่อมีอาฟเตอร์ช็อก หลัง ‘ปานปรีย์’ ไขก๊อก จับตาจะเกิดอะไรขึ้นเร็วนี้

เทพไท ชื่นชมการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวของนายปานปรีย์ มหิทธานุกร ในการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

รวบสาวใหญ่หนีหมายจับ 19 ปี อีก 5 เดือนหมดอายุ ไม่รอดคดีครอบครองยาเสพติด

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ, พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์

ผบช.ภ. 3 แถลงรวบอดีต ส.อบต. พร้อมแฟนสาวชาวลาว ขนยาบ้าเกือบ 1 ล้านเม็ด

ผบช.ภ.3 แถลงผลการจับกุมของ ตำรวจ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ร่วมกับ ตชด. ทหาร และปกครอง ไล่ล่าจับกุมทีมขนลำเลียงยาเสพติด ขณะกำลังจะนำยาบ้า มาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ เกิดไหวตัวทัน ขับรถหลบหนี พร้อมทิ้งยาบ้าเกลื่อนถนน