อุทาหรณ์ไฟดูดเด็ก 'สพม.'ตื่นล้อมคอกตู้ใช้ไฟฟ้า ตู้กดดน้ำ

ญาติเด็กโดนไฟดูด ฝากทางโรงเรียนเอาเป็นอุทาหรณ์ ควรดีแลความปลอดภัยให้ดีกว่านี้  ด้าน ผอ.สพม.เผยสาเหตุเด็กถูกไฟดูดรอผลตรวจชัดเจนพรุ่งนี้ งัดมาตรการดูแลตู้ใช้ไฟฟ้า ตู้กดน้ำ

23 มิ.ย.2567 –  จากกรณี ด.ช.วรวิทย์ เทพสุวรรณ หรือน้องวายุ นักเรียน ชั้น ม.2 โรงเรียนกันตังรัษฎาศึกษา เสียชีวิตจากไฟดูดบริเวณตู้น้ำดื่มในโรงเรียน นายจรินทร์ ทองแย้ม อายุ 41 ปี น้าของน้องวายุ กล่าวว่า ตนเองไปดูที่เกิดเหตุก็น่าจะเกิดจากไฟฟ้ารั่วติดกับเสาเหล็ก ลักษณะแทงค์น้ำลักษณะสูง มี 2 ชั้น ซึ่งสายไฟก็เป็นสายไฟเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว เมื่อมีไฟรั่วน้องได้เดินขึ้นไปโดนเสาเหล็กนั้นที่มีไฟรั่วอยู่ ประกอบกับไม่ใส่รองเท้า และมีน้ำฝนไหลผ่าน ซึ่งตนเองก็มองแล้วว่าความปลอดภัยของโรงเรียนน้อยไปนิด ซึ่งจะต้องดูแลความปลอดภัยให้ดีกว่านี้อีก เพราะนักเรียนก็มีหลายคน โดยเหตุการณ์นี้ตนเองมองว่าถ้าฝนไม่ตกลงมาก็น่าจะไม่มีอะไร

 “ในฐานะเป็นน้าของน้องวายุ อยากจะบอกหลานว่า รักหลานมาก ไม่อยากให้เสียชีวิตลง แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว อยากให้เป็นอุทาหรณ์กับทางโรงเรียนและแก้ไข เพราะอาจจะเกิดขึ้นอีก โดยทางญาติไม่ได้ติดใจในการเสียชีวิต เพราะเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครตั้งใจ และคลิปวีดีโอในการเข้าช่วยเหลือช้า ก็เข้าใจว่าไม่มีใครที่กล้าจะเข้าไปช่วยในจุดนั้น เพราะต้องมีวิธีการช่วยเหลือ” นายจรินทร์ ระบุ

ขณะที่ นายชัยณรงค์ ช่างเรือ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาตรัง-กระบี่ (สพม.) ต้นสังกัด ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า จากการสอบถามทาง ผอ.โรงเรียนฯ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงเรียน เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มิ.ย. เวลาประมาณช่วงเที่ยงวันกว่าๆ หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ ตร.พิสูจน์หลักฐาน จ.ตรัง (พฐ.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ตร.ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว ซึ่งในวันเกิดเหตุทางผู้บริหารโรงเรียนก็อยู่พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัย เนื่องจากมีการทำกิจกรรมแข่งขันกีฬาสีกันอยู่ ซึ่งเป็นวันที่ฝนตกหนัก ประกอบกับเด็กนักเรียนตัวเปียก ปรากฏว่าไฟได้รั่วบริเวณจุดนั้น เนื่องจากเบรกเกอร์รวมไฟอยู่บริเวณตรงนั้นพอดี และฝนก็ตกลงมาจุดนั้น ทำให้ไฟฟ้าลงกราวด์ที่พื้นก็เลยไม่มีใครที่จะเข้าไปตอนนั้น ทำให้ต้องไปรีบสับสวิตช์ไฟก่อนถึงจะนำตัวเด็กนักเรียนออกมาจากจุดที่เกิดเหตุ และรีบนำส่ง รพ.ในทันที แต่ปรากฏว่าเด็กนักเรียนได้เสียชีวิตลง

นายชัยณรงค์  ระบุว่า ส่วนประเด็นที่บอกกันว่ามีคุณครูใช้ให้ไปปิดสวิตช์ และมีการใช้ให้นักเรียนไปกดน้ำจากจุดนั้น ส่วนนี้ยังไม่เป็นข้อเท็จจริง เนื่องจากทาง ผอ.โรงเรียนฯ ยืนยันว่าตู้กดน้ำดังกล่าวไม่ได้มีการใช้งานแล้ว เพราะเครื่องมีอายุกว่า 10 ปีแล้ว และเป็นตู้ที่อยู่ก่อนที่ ผอ.โรงเรียนฯ คนปัจจุบันจะเข้ามาอยู่อีก เพียงแต่ว่าเบรกเกอร์จุดรวมไฟได้ติดตั้งอยู่บริเวณด้านหลังตู้ผลิตน้ำพอดี และฝนตกหนัก น้ำฝนได้รั่วลงมา จนทำให้ไฟฟ้ารั่วลงกราวด์ ประกอบกับนักเรียนตัวเปียกอยู่แล้ว เนื่องจากแข่งกีฬาสี และไปเดินอยู่บริเวณนั้นจึงทำให้ไฟดูดเข้า 

นายชัยณรงค์  ระบุว่า อย่างไรก็ตามข้อมูลที่เปิดเผย เพียงแค่การบอกเล่าและจากการสอบถามเท่านั้น ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้ในตอนนี้ ภายหลังจากทราบเรื่องตนเองก็ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จในทันที พร้อมทั้งรายงานเรื่องไปยัง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และกระทรวงศึกษาธิการทราบเรื่องแล้ว ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาก็ห่วงใยในเรื่องนี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลและสั่งการกำชับให้โรงเรียนฯ เข้าไปดูแลงานศพของนักเรียนตลอด และในส่วนของการเยียวยา ในเรื่องการจัดทำศพ เรื่องสภาพจิตใจ

“เบื้องต้นในวันเกิดเหตุผู้บริหารโรงเรียนฯได้ช่วยเหลือเงินเบื้องต้นไปแล้วจำนวน 2 หมื่นบาท และก็ได้ช่วยเหลือเงินเยียวยาไปอีกจำนวน 1 แสนบาท  ซึ่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง นำมารวมกับผลของทางพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) จะทราบอย่างละเอียดและชัดเจนในวันพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.) และตนจะเดินทางไปยังงานบำเพ็ญกุศลศพของนักเรียนด้วยตนเอง หลังจากนี้คงจะมีมาตรการในการใช้ตู้ไฟฟ้า ตู้กดน้ำ หากหมดสภาพต้องรื้อถอนออกเพื่อความปลอดภัยของนักเรียน”นายชัยณรงค์ ระบุ

ขณะเดียวกันมีรายงานเข้ามาว่า ในวันพรุ่งนี้ 24 มิ.ย. เวลาประมาณ 11.30 น. ทางนายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการ จ.ตรัง จะมีการแถลงข่าวข้อเท็จจริงเกี่ยวกรณีดังกล่าว.