โฆษกอัยการ เผยอัยการคดีอาญายื่นฟ้อง เเม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์ 4 ข้อหาหลัก ฉ้อโกงประชาชน , พรบ.คอมฯ , โฆษณาเท็จ และผิดพรบ.ขายตรง กรณีขายทองไม่ได้มาตรฐานตามที่โฆษณา ส่วนข้อหาร่วมกันขายหลอกลวงฯ อัยการสั่งไม่ฟ้อง พร้อมส่ง ผบ.ตร.ทำความเห็นเเย้งหรือไม่
15 พ.ย.2567 - นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้ส่งสำนวนคดีระหว่าง นางสาววันวิสา ทองสุข กับพวก ผู้กล่าวหา บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด โดย นายกานต์พล เรืองอร่าม ผู้ต้องหาที่ 1, นายกานต์พล เรืองอร่าม ผู้ต้องหาที่ 2, นางสาวกรกนก สุวรรณบุตร ผู้ต้องหาที่ 3 ให้กับพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2567
โดยพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง ผู้ต้องหา ที่ 1, 2 และ 3 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น, ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 ฐานร่วมกันขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณ แห่งของนั้นอันเป็นเท็จ
ในวันนี้ พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา ได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 ฐาน 1.ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน 2.ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน 3.ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น และ 4.ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343, 83, 91 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พุทธศักราช 2550 มาตรา 14 (1) พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พุทธศักราช 2522 มาตรา 22, 30, 47, 52 พรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว ตามความเห็นของพนักงานสอบสวน และสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 ฐานร่วมกันขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณ แห่งของนั้นอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 271ตามความเห็นของพนักงานสอบสวน และได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 ต่อศาลอาญาในวันนี้
สำหรับ กรณีที่สั่งไม่ฟ้องได้เสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1 ต่อไป
พฤติการณ์แห่งคดี สรุปว่า คือ เมื่อวันที่ 26-28 ก.ย. ได้มี ผู้เสียหาย รวม 7ราย มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคให้ดำเนินคดีกับ บริษัท เคทเอ็น โกลด์ จำกัด กับพวก ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้หลอกลวงโฆษณาชายสินค้าทองรูปพรรมพร้อมของแถมทองคำให้ผู้เสียหาย แต่เมื่อผู้เสียหายได้รับสินค้าแล้วปรากฏว่าสินค้าและของแถมทองคำไม่ตรงตามที่โฆษณาไว้ ทำใว้ ทำให้ได้รับความเสียหาย และยังมีผู้เสียหายรายอื่นอีกหลายรายที่ถูกหลอกลวงต่างวันเวลากัน พร้อมมอบพยานหลักฐานในการดำเนินคดี พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังบังคับการ
ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริไภค จึงได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว เป็นคดีอาญาที่ 67/2567
สำหรับรายละเอียดของคดีตามคำร้องของพนัดงานสอบสวนก่อนหน้านี้ เกิดเมื่อระหว่างวันที่ 4 ส.ค.2564 -15 ธ.ค.2565 ผู้เสียหายจำนวน 7 รายต่างรายต่างเวลากันต่างได้เข้าใช้เฟซบุ๊กโดยได้เข้าไปดูและติดตามเพจเฟซบุ๊กคุมกรกนก สุวรรณบุตร หรือแม่ทัก ในชื่อ "Konkanok Suwanbut" (มีผู้ติดตาม 4.6ล้านคนและเป็นเพจสาธารณะ บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้)
โดยได้ชมโฆษณาไลฟ์สดขายทองรูปพรรณ ซึ่งไลฟ์สดขายโดยแม่ตั๊กเอง และนายกานต์พลฯ หรือป้าเบียร์ (เจ้าของร้านทองและสามีแม่ตั๊ก) โดยมีชื่อร้านทองคือ ห้างเพรชทองเคทูเอ็น (บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด) ซึ่งเมื่อดูแล้วพบว่ามีการโฆษณาไลฟ์สดเสนอขายทองรูปพรรณ อาทิเช่น กำไลปี่เซี๊ยะ รุ่น 8ตัว ทองแท้ 99.99%(ทั้งเส้น) น้ำหนัก 6-7 กรัม พร้อมของแถมจูงใจให้ตัดสินใจซื้อเป็นสร้อยคอทองคำแท้ 2 สลึง ทอง 96.5% จำนวน 1 เส้น และแผ่นทองคำแท้ 99.99%รูปสัตว์มงคล เทพเจ้ามงคลต่างๆ รวมจำนวนหลายแผ่น จี้ท้าวเวสสุวรรณทองคำ 99.99%และสินค้าทองรูปพรรณอื่นๆ
เมื่อติดติดตามดูไลฟ์สดดังกล่าวจนเกิดความสนใจ จึงได้สั่งซื้อสินค้าทองรูปพรรณ ต่างๆผ่านไลฟ์สดดังกล่าวจากแม่ตั๊ก และเมื่อสั่งซื้อสินค้าผ่านไลฟ์สดจากแม่ตั๊กแล้ว จึงได้โอนเงินชำระค่าสินค้าตามรายการที่สั่งซื้อเข้าบัญชีร้านค้า ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด โดยผู้เสียหายแต่ละรายได้โอนเงิน รวม 7ราย โอนเงินจำนวน 311,633 บาท
ผู้เสียหายแต่ละรายก็ได้รับสินค้าที่ส่งมาตามที่อยู่ผู้เสียหาย เมื่อได้รับสินค้าที่สั่งซื้อแล้วผู้เสียหายได้ตรวจ ดูสินค้าที่ได้รับมา พบว่า สินค้าต่างๆและของแถมแผ่นทองคำ 99.99 %ดูไม่สมราคา แต่ไม่สะดวกและสามารถที่จะตรวจพิสูจน์ในขณะนั้น และพบว่าสินค้าไม่มีการประทับตรายี่ห้อเเละบางรายการฉลากไม่มี
ต่อมาได้ทราบข่าวจากรายการโทรทัศน์โหนกระแส (ช่อง 3HD) ซึ่งมีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับพฤติการณ์ของร้านห้างเพชรทองเคทูเอ็น (บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด) ซึ่งเสนอขายสินค้าโดยคุณ กรกนก สุวรรณบุตร หรือแม่ตั้ก ซึ่งทางรายการใต้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครอง ผู้บริโภคร่วมตรวจสอบหลักฐานเบื้องต้น และในวันที่ 24 ก.ย.2567ฃผู้เสียหายได้มีการมอบตัวอย่างสินค้าให้ทางสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมเนีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์มหาขน) ตรวจสอบ
ต่อมาในวันวันที่25 ก.ย. ทางสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีฯ ได้นำเอกสารผลการวิเคราะห์สินค้ามาแสดงให้ดูพบว่า ทองรูปพรรณของร้านห้างเพชรทองเคทูเอ็นเป็นทองคำที่ไม่ได้คุณภาพตามเกณฑ์ที่ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคกำหนดไว้ และไม่ตรงตามคำพูดที่นางสาวกรกนกฯหรือแม่ตั๊ก และนายกานต์พลฯหรือป้าเบียร์ ได้โฆษณาไลฟ์สดไว้ และในส่วนของแถมแผ่นทองคำแท้ 99.99% รูปสัตว์มงคลต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของการขายโดยการแถมให้ลูกค้าเพื่อจงให้ตัดสินใจสินใจสิ้นค้าทองรูปพรรมนั้นปรากฏว่าก็ไม่ใช่ทองคำและไม่มีส่วนผสมของทองคำโดๆ และผู้เสียหายต่างพบว่าในแอพลิเคชั่นติ๊นติ๊กต็อกและเฟซบุ๊กยังมีผู้เสียหายอีกหลายคนที่เคยซื้อทองรูปพรรณพร้อมของแถมเช่นเดียวกัน
จึงได้มีการรวมกลุ่มทางออนไลน์และพูดคุยกันและติดตามข่าว จนผู้เสียหายต่างเชื่อว่า ร้านทองบริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด และนางสาวกรกนกฯหรือแม่ตั๊กและนายกายกานต์พลฯหรือป้าเบียร์ ได้ขายของโดยหลอกลวงผู้บริโภคให้หลงเชื่อในสาระสำคัญของสินค้าจากการโฆษณาจริง และเชื่อว่าทองรูปพรรณต่างๆที่ทางร้านแม่ตั๊กนำมาขายให้ผู้ซื้อนั้น มีคุณภาพทองคำ ปริมาณ ไม่ตรงตามที่โฆษณาไว้ ทั้งแผ่นทองคำของแถมที่จูงใจให้ผู้เสียหายต่างๆตัดสินใจซื้อก็ไม่ใช่ทองคำจริงและไม่ส่วนผลสมของทองคำเมื่อทราบและเชื่อดังนั้น ผู้เสียหายจึงต่างเชื่อว่าถูกหลอกลวงและได้รวมตัวกันเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปรานปรานปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อดำเนินคดีกับบริษัท เคขเอ็น โกลด์จำกัด กับพวกที่เกี่ยวข้อง ตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด โดยผู้เสียหายรวม 7 ราย ได้รับความเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้น 311,633บาท
ศาลอาญารับคำฟ้องไว้พิจารณา เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่อทย.582/2567 และให้ออกหมายเบิกตัวจำเลยจากเรือนจำเพื่อมาสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 18 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาลให้ประกัน 'นานา' ตีราคาประกัน 1 ล้าน ห้ามออกนอกประเทศ
โฆษกศาลยุติธรรมเผย ศาลอาญาให้ประกัน "นานา" เเล้ว ตีราคาประกัน 1 ล้านบาทห้ามออกนอกประเทศ ใช้มาตราการคำนึงสิทธิพร้อมคุ้มครองสังคม แต่งตั้งผู้ให้คำปรึกษาในคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมของศาลอาญาเป็นผู้กำกับดูแล
ละเอียดยิบ! เปิดพฤติการณ์ 'นานา ไรบีนา' ฉ้อโกง ยอดเสียหาย 152 ล้าน
เปิดพฤติการณ์ "นานา ไรบีนา" ฝากขังศาลอาญา หลอกลวงทำธุรกิจ ปอศ.ค้านประกันเหตุคดีมีมูลค่าความเสียหายสูง กลัวเจ้าตัวหลบหนี
รวบหนุ่มจีนหนีคดีฉ้อโกง ตามหมายจับอินเตอร์โพล กบดานกลางเมืองขอนแก่น
ตม.ขอนแก่น ร่วมตำรวจท่องเที่ยว รวบหนุ่มจีนหนีคดีฉ้อโกง ตามหมายจับอินเตอร์โพลและทางการจีน หลังลักลอบมากบดานที่คอนโดชื่อดังใจกลางเมืองขอนแก่น
'เซปิง' อ่วม! ศาลสั่งจำคุก 4 ปี ข้อหาฉ้อโกง-พรบ.คอมฯ ไม่รอลงอาญา
"เซปิง" อ่วม! ศาลอาญาสั่งจำคุกข้อหาฉ้อโกง ประชาชน-พรบ.คอมฯ 4 ปี อีก 1 สำนวนไม่รอลงอาญา คดีหลอกลวง โครงการ เฟซออฟ เจ้าตัวยื่นประกันระหว่างอุทธรณ์
จับ 3 เจ้าหน้าที่เทศบาล ปลอมเอกสารคนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง สมัครบัตรกดเงินสดกว่า 2 ล้าน
พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. ,พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป. ,พ.ต.ต.จิรัฎฐวัฒน์ กิจรุ่งเรืองเดช สว.กก.4 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ร่วมกันจับกุม น.ส.นุชรีย์ฯ อายุ 42 ปี ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่แผนกกองคลั
หนุ่มน้อยวัย 16 แจ้งจับหมอดู หลอกเช่าเครื่องรางเสริมดวงความรัก สูญเงินรวมกว่า 5 แสน
นายรณณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พา นายบอย (นามสมมุติ) เยาวชนวัย 16 ปี และ นายฉัตรชัย เมืองคุ้ม หรือ ท็อป อายุ 35 ปี เข้าพบ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) หลังถูกหมอดูเสรี


