DSI จ่อสรุปสำนวนคดี '18 บอสดิไอคอน' เสนออัยการคดีพิเศษ

24 พ.ย.2567 - พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าคดี 18 บอสดิไอคอน ว่า การประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 119/2567 ถือเป็นการประชุมติดตามความคืบหน้า ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ไปดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย ก่อนนำมารายงานผู้บังคับบัญชา โดยมีเนื้อหาสำคัญ คือ การรายงานผลการสอบสวนปากคำผู้ต้องหาชาย 11 บอสดิไอคอน ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานคร ระหว่างวันที่ 21-22 พ.ย.

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ในส่วนนี้ยังไม่มีผู้ต้องหารายใดส่งเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา มีเพียงบันทึกการรับทราบข้อกล่าวหาและการสอบปากคำเพิ่มเติมเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีประเด็นหารือแนวทางการจัดการกับคำร้องที่มีการยื่นขอพิจารณาถอนอายัดทรัพย์สิน จึงได้มอบหมายไปยังกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ไปดำเนินการวางระบบงาน

โฆษกดีเอสไอ ระบุว่า ทางคณะพนักงานสอบสวนได้วางกรอบไทม์ไลน์ เตรียมสรุปสำนวนคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณีการดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก เพื่อส่งพนักงานอัยการไว้ว่าเป็นวันที่ 20 ธ.ค. โดยจะมีการสรุปสำนวนพร้อมความเห็นทางคดีในส่วนของ 18 ผู้ต้องหาล็อตแรกต่อพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาเนื้อหาและพยานหลักฐาน ทั้งนี้ก่อนที่จะสรุปสำนวนส่งอัยการ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะต้องมีการประชุมร่วมกันเพื่อมีมติในที่ประชุมว่าจะทำการสั่งฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาดังกล่าวนั้น เนื่องด้วยความเห็นทางคดีอย่างไรบ้าง

ส่วนความคืบหน้าในคดีพิเศษที่ 115/2567 กรณีฟอกเงินทางอาญา ซึ่งมี ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการคู่ขนาน เพราะดีเอสไอต้องทำสำนวนคดีมูลฐานอย่างคดีพิเศษที่ 119/2567 นี้ให้เรียบร้อยก่อน เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจึงจะได้เข้ากระบวนการเดินเรื่องฟอกเงินต่อไป


พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ส่วนเรื่องกรอบเวลาที่ดีเอสไอจะยุติการสอบสวนในคดีของ 18 บอสดิไอคอน ตรงกับวันที่ 3 ธ.ค.67 นั้น มติที่ประชุมของคณะพนักงานสอบสวนให้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 3 ธ.ค.67 ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมด 18 ราย รับทราบแล้ว ทางทนายความของผู้ต้องหาในฐานะผู้ประสานงานได้มีการติดต่อมายัง ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล เพื่อขอนำพยานมาเขียนคำร้องว่าแต่ละรายจะขอพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดบ้าง ทราบว่ากระบวนการจะเริ่มในวันจันทร์ที่ 25 พ.ย.นี้

ทั้งนี้ ทางดีเอสไอได้เตรียมแผนรับรองว่าจะมีแบบฟอร์มเบื้องต้นให้พยานที่มาได้กรอกข้อมูลรายละเอียดในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีมูลฐานก่อน รวมถึงประเด็นที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามแบบฟอร์มที่กำหนด เพื่อจะได้นำมาประเมินว่าพยานรายใดมีความจำเป็นในการสอบสวนมากน้อยเพียงใด และให้พิสูจน์ในประเด็นที่ตนเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง จึงไม่ถือว่าเป็นการตัดพยาน เพราะการดำเนินงานของพนักงานสอบสวนเป็นเรื่องของการตรวจสอบพยานหลักฐานที่จะใช้ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ จึงต้องดูประเด็นที่จะใช้พิสูจน์คือเรื่องอะไร ซึ่งทางทีมคณะพนักงานสอบสวนของ ร.ต.อ.สุรวุฒิ ได้จัดทำแบบฟอร์มดังกล่าวเพื่อให้บรรดาพยานได้กรอกข้อมูลเบื้องต้นก่อน และเมื่อมีการกรอกประเด็นครบถ้วนแล้ว ทางคณะทำงานก็จะได้มาพิจารณาคำร้องเหล่านี้ว่ามันมีข้อเท็จจริงมีพยานหลักฐานพิสูจน์ประเด็นความบริสุทธิ์ในเรื่องอะไรบ้าง รวมทั้งสอบใครบ้าง เป็นต้น

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวอีกว่า ประการสำคัญอีกเรื่อง คือ กรณีที่สำนักงาน ปปง.ได้มีการประกาศเปิดรับคำร้องขอคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในคดีดิไอคอน และได้มีการกำหนดระยะเวลา 90 วัน เพื่อให้ผู้เสียหายในคดีได้ยื่นคำร้องตามช่องทางที่มีการกำหนดไว้ ซึ่งระยะเวลาดังกล่าว เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.67-วันที่ 17 ก.พ.68 ทางดีเอสไอจึงเล็งเห็นว่าควรจะมีการประสานขอความร่วมมือกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)เพื่อประชา สัมพันธ์ให้ผู้เสียหายที่ประสงค์จะร้องทุกข์กล่าวโทษหรือแจ้งความดำเนินคดี ให้สามารถแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศภายในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้เสียหายเอง เนื่องจากเมื่อมีการแจ้งความเสร็จสิ้นแล้ว ดีเอสไอจะมีหนังสือขอความร่วมมือไปยังตำรวจอีกฉบับ คือ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับแจ้งความ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจนครบาล ตำรวจสอบสวนกลาง หรือตำรวจภูธร ให้ออกหลักฐานการรับแจ้งความตามแบบฟอร์มที่ดีเอสไอได้รับการประสานจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ว่า สำนัก ปปง. มีความประสงค์ต้องการข้อความในลักษณะนี้ เพื่อให้ประชาชนได้เอกสารลงบันทึกประจำวัน และใช้ในการยื่นต่อสำนักงาน ปปง.ได้ด้วย จะได้เป็นการช่วยคุ้มครองสิทธิ์ผู้เสียหายในคราวเดียว โดยหนังสือขอความร่วมมือดังกล่าวนี้จะส่งถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ภายในวันจันทร์ที่ 25 พ.ย.

“ฝากแจ้งเตือนไปยังผู้เสียหายกรณีดิไอคอน ที่มีผู้เสียหายจำนวนมากทั่วประเทศ ว่า ประชาชนทุกรายที่เป็นผู้เสียหายในคดีนี้ให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่จะมีการโทรศัพท์ติดต่อไปยังท่านโดยตรง หรือโทรฯแล้วเพิ่มเพื่อนในไลน์ (Line) แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีต้องตรวจสอบเรื่องการฟอกเงิน แล้วใช้พูดลักษณะข่มขู่ทำให้หวาดกลัว จากนั้นอ้างตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคาร แล้วออกอุบายให้ท่านโอนเงินไปยังบัญชีปลายทางที่มีการแอบอ้าง หรือขอให้ท่านเดินทางไปยังหน่วยงานราชการใดนั้น ขอเน้นย้ำว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตัวจริง แม้จะมีการนำเอารูปภาพของผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษ/พนักงานสอบสวนคดีพิเศษมาใช้แอบอ้าง ท่านสามารถตรวจสอบและแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนดีเอสไอ โทร.1202 เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะไม่ติดต่อประชาชนผ่านโซเชียลมีเดีย หรือโทรศัพท์หาประชาชน” โฆษกดีเอสไอ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดีเอสไอเผยคืบหน้าคดีคุกวีไอพี อธิบดีราชทัณฑ์ ยันขรก.ทุจริตต้องถูกลงโทษ

"ดีเอสไอ" เร่งสอบเส้นทางเงินผู้ต้องขังชาวจีน พร้อมเรียกเจ้าหน้าที่และอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้ปากคำครบทุกฝ่าย

รมว.ยุติธรรม เผยเจ้าหน้าที่อึดอัดพฤติกรรมอดีต ผบ.คุกพิเศษกรุงเทพ

รมว.ยุติธรรม เผยข้าราชการในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ-กรมราชทัณฑ์ สุดอึดอัดกับพฤติกรรมของ “อดีตผบ.มานพ” แย้ม ดีเอสไอเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน

ทนายโร่ปัด 'บอสกันต์' เดินอู๋อี๋สาว อ้างโดนยึดทรัพย์ไร้เงินติดสินบน

'ทนายวิฑูรย์' โร่การันตี 'บอสกันต์ - ภรรยา' ไม่ได้จ่ายเงิน 4 หมื่น แลกล็อกคิวตีเยี่ยมวันอาทิตย์ ปัดติดสินบนเดินอู๋อี๋กับสาว เหตุโดน ปปง.ยึดทรัพย์ไปหมดแล้ว

จ่อฟันซ้ำ! 'ผบ.คุก - 19 ผู้คุม' พักราชการ-ให้ออกไว้ก่อน

'โฆษกกรมราชทัณฑ์' เผยอีก 1-2 วันนี้ เตรียมเปลี่ยนแปลงคำสั่ง 'ผบ.เรือนจำฯ-จนท.' รวม 20 ราย ส่อ 'พักราชการ-ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ขณะที่ 'ดีเอสไอ' ลุยสอบปากคำเก็บหลักฐานมัดผิด

รมว.ยุติธรรม ตั้งดีเอสไอ ร่วมสืบสวนคดีคุก VIP เอื้อนักโทษจีนเทา มีนางแบบจีนส่งถึงที่

"รมว.ยุติธรรม" ลั่นไม่ปล่อยผ่าน ผู้คุมเรือนจำพิเศษเอื้อประโยชน์จีนเทา พบหลักฐานชัดผู้คุม 7 นายพานางแบบจีน 2 คนเข้า “ห้องดัดแปลง” กลางวันแสกๆ เผยสามารถกู้ภาพวงจรปิดได้บางส่วนหลังถูกมือมืดลบข้อมูล จับภาพนักโทษจีนเทาเดินเพ่นพ่านในพื้นที่ต้องห้าม ส่วนผู้ต้องขังจีนเทา 2 รายถูกย้ายทันที เผยพรุ่งนี้เตรียมบุกเข้าเรือนจำตรวจข้อเท็จจริง