'วิรุตม์' ชี้ '7ตำรวจตีนโหด' ถ้า ผบช.น.-ผบ.ตร.ไม่สั่งแจ้งข้อหา 'กฎหมายอุ้มหาย' ผิดอาญาด้วย

6 ธ.ค.2567 - จากกรณีนายธนานพ เกิดศรี อายุ 33 ปี ขับรถเข้าด่านตรวจ บก.จร ถนนประเสริฐมนูกิจ ตรงแยกเกษตร-นวมินทร์ เขตจตุจักร จากนั้นมีรถจักรยานยนต์ 3 คัน รถยนต์กระบะ 1 คัน ขับมาประกบข้างเพื่อให้นายธนาพร จอดรถ แล้วถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุ รวม 7 คน จับใส่กุญแจมือ ก่อนรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ทราบต่อมาเป็นตำรวจจราจรทั้งหมด โดยฝ่ายตำรวจชี้แจงว่าเข้าใจผิดเนื่องจากขับรถลักษณะเดียวกับรถที่แหกด่านกวดขันวินัยจราจรออกไปจึงติดตามมาจับกุม ขณะที่นายธนานพ อยู่ระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาลวิภาวดี

พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า กรณี 7 ตำรวจนครบาล รุมกระทืบประชาชนผู้ถูกจับและควบคุมตัวปางตาย ไม่ใช่แค่ผิดวินัยหรืออาญาข้อหาทำร้ายตามกฎหมายอาญา แต่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราม การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 มาตรา 5 ด้วย กรณีนี้บาดเจ็บสาหัส มีโทษจำคุกสูงถึง 25 ปีตามมาตรา 35 วรรคสอง ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ ผบก.จร ผบช.น. รวมไปถึง ผบ.ตร.มีหน้าที่สอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่ชักช้า และแจ้งให้อัยการท้องที่ทราบเพื่อเข้าตรวจสอบควบคุมการสอบสวนทันที ไม่ละล้าละลังอ้างว่าขอรอตรวจสอบว่าจะผิดกฎหมายใดอีกหรือไม่ หากไม่แจ้งข้อหาดำเนินคดีทุกคนมีความผิดด้วยเช่นกัน ต้องรับโทษกึ่งหนึ่ง

พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวว่า ปัญหาตำรวจทำร้ายหรือละเมิดสิทธิเสรีภาพรวมทั้งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายป้องกันการทรมานฯ ในข้อเท็จจริงยังเกิดขึ้นทั่วประเทศมากมาย เพราะผู้บังคับบัญชาที่เป็นตำรวจผู้ใหญ่ไม่ได้สนใจให้ความรู้ต่อตำรวจผู้น้อยและตรวจสอบกำชับการปฏิบัติกันอย่างจริงจัง เพราะกลัวว่าถ้าตำรวจเน้นทำตามกฎหมาย การตั้งด่านขวางทางหลวงโดยมิชอบ ใช้อำนาจตรวจค้น สั่งตรวจฉี่ หรือสั่งตรวจเมาเมื่อมีพฤติการณ์อันควรเชื่อ โดยถือเป็นการควบคุมตัวบุคคลอย่างหนึ่งซึ่งจะต้องบันทึกภาพและเสียงเป็นหลักฐานไว้จนกว่าจะปล่อยตัวไปหรือส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี รวมทั้งแจ้งให้นายอำเภอท้องที่ กรมการปกครองและอัยการทราบทันที ก็ไม่มีใครอยากจับกุมหรือใช้อำนาจสั่งตรวจค้น ตรวจฉี่ หรือตรวจเมากันมั่วๆ เช่นที่กระทำกันอยู่ทุกวันนี้

"การไม่บันทึกภาพและเสียงโดยไม่มีเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่เรื่องอ้างกล้องเสียหรือไม่มีกล้อง รวมทั้งการไม่แจ้งนายอำเภอและอัยการทราบการควบคุมตัวทันที นอกจากจะเป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบแล้ว หากมีกรณีผู้ถูกควบคุมถูกทำร้ายหรือละเมิดสิทธิเสรีภาพในร่างกาย หรือ แจ้งว่าทรัพย์สินหาย ผู้ใช้อำนาจควบคุมต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ว่าไม่ได้กระทำผิดหรือไม่ได้นำทรัพย์สินนั้นไป โดยมีหลักฐานภาพจากกล้องเป็นหลักฐานยืนยันได้ ไม่ใช่ให้ผู้ถูกทำร้ายหรือผู้เสียหายเป็นฝ่ายพิสูจน์การกระทำผิดของตำรวจผู้จับกุมหรือควบคุมตัวเช่นที่ผ่านมาซึ่งมีปัญหาหาพยานหลักฐานมายืนยันการกระทำผิดไม่ได้" พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าว