
‘ผบ.ตร.’ ไม่ปลื้ม ‘บีเอ็มกร่าง’ เรียก ‘อาต่าย’ ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารญาณเลือกตั้ง
18 เม.ย. 2568 – ที่หอประชุมกองทัพเรือ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ชี้แจงกรณี นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือพีช ผู้ขับรถ BMW คู่กรณีปาดชนรถกระบะ ลูกชายนายพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หรือ นายกเบี้ยว อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี หรือนายกเบี้ยว อ้างว่ารู้จักโดยใช้คำเรียกขาน “อาต่าย” โดยพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ หัวเราะ พร้อมตอบว่า ทุกคนสามารถเรียกว่าอาต่ายได้ ตนได้ดูคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และได้เน้นย้ำไปยังตำรวจทางหลวง ตำรวจภูธร ในเรื่องการดำเนินคดี และอยากให้แยก มิติของการรู้จักกับความเป็นญาติ ซึ่งในความเป็นตำรวจ ก่อนที่จะได้เป็น ผบ.ตร. รู้จักคนมาเป็นจำนวนมาก ไม่เคยปิดกั้นใคร ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองท้องถิ่น สส. ตนเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว
“คุณพ่อของผู้ก่อเหตุ ผมก็รู้จัก ยอมรับว่ามีคนอยากถ่ายรูปกับผม ซึ่งผมก็ถ่ายด้วย ยิ่งเมื่อผมก้าวขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. มีคนอยากเป็นลูกเป็นหลานผมเยอะ และทุกคนก็เรียกผมว่าอาต่าย ซึ่งผมได้ย้ำกับตำรวจทุกคนว่า เราทำงานใกล้ชิดกับประชาชน ขอให้ทำตัวเหมือนญาติ ใครจะเรียกเราน้า หรืออาเป็นเรื่องที่ดี ผมไม่ชอบให้ใครมาเรียกว่าท่าน ดังนั้นความใกล้ชิดหรือรู้จักกันเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่เด็กคนนี้กระทำเราแยกออกไป และยืนยันว่า ผมไม่มีญาติแบบนี้ ผมตระกูลพันธุ์เพ็ชร์ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางพ่อหรือแม่ของผม” ผบ.ตร. ระบุ
โดยสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องขาดวุฒิภาวะและจิตสำนึก ขาดความเอื้ออาทรบนท้องถนน ขาดความรับผิดชอบต่อผู้อื่น อยากให้มองว่าหากรถกระบะมีเด็กอยู่ด้วย จะเป็นอย่างไร การขับรถต้องมีสติ และเมื่อเกิดเหตุ ไปอ้างหรือเรียก นั่นคือนิสัยการโอ้อวดให้พ้นผิด เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งโอ้อวด ยิ่งทำเช่นนี้ยิ่งโดน ได้กำชับไปยังกรมทางหลวงพิเศษ ในเรื่องของการจราจร ต้องดำเนินการในคดีอุบัติเหตุ ส่วนคดีอาญา เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายต้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษ สภ.ลำลูกกา ซึ่งตนได้เน้นย้ำกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ให้ทำคดีตรงไปตรงมา ไม่มีการช่วยเด็ดขาด ให้ผู้กระทำผิดได้รับบทเรียน และโทษทัณฑ์ ที่เป็นกฎเกณฑ์ของสังคม ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย เพื่อให้เกิดสำนึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำ ต้องปรับปรุงอย่างไร ส่วนใครจะไปลงเล่นการเมืองอย่างไรนั้น ตนไม่รู้ แต่ใครจะไปลงคะแนนเลือกจงมีวิจารณญาณว่าควรจะเลือกหรือไม่
เมื่อถามว่า การที่ผู้ก่อเหตุพยายามโอ้อวดว่ารู้จักคนใหญ่คนโต หวังต้องการให้คู่กรณีเกิดความยำเกรงหรือไม่ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องของนิสัยคน ตัวตนคน บางคนอาจจะไปกระทบกระทั่ง แต่เราต้องแยกแยะให้ดี ตนไม่ได้เข้าข้างใคร พ่อเขาจะเป็นอย่างไร ก็แยกแยะไป ลูกชายอีกคนเป็น สส. ก็แยกแยะ ส่วนตัวเด็กที่ก่อเหตุจะด้วยอุปนิสัย เราต้องแยก หากทำผิดต้องได้รับโทษทัณฑ์
“การไปโอ้อวดแอบอ้าง หวังให้คู่กรณีหรือ เจ้าหน้าที่รัฐเกรงใจได้รู้ว่ารู้จักคนใหญ่คนโต แต่อย่าลืมว่าโลกเปลี่ยนไปแล้ว และมั่นใจว่าตำรวจยุคใหม่ ไม่ได้สนใจว่าคุณจะรู้จัก ผบ.ตร. รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลที่ไปงานบวชของคุณ คำว่าหลานอาต่าย ผมฟังแล้วไม่รื่นหูเท่าไหร่ แค่รู้สึกว่าทำไมทำเช่นนี้ ยืนยันผมมีลูกคนเดียว ย้ำเสมอว่าอย่าทำตัวเป็นขยะสังคม” พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ระบุ
ส่วนข้อกังวลว่าจะมีการวิ่งเต้นเรื่องคดีนั้น ตนย้ำไปแล้ว ให้ทำตรงไปตรงมา ไม่มีการช่วยเหลือ ตนก็จะเล่นตำรวจด้วย ใครจะปลูกฝังไม่ดีกันมาอย่างไร ไม่ใช่เรื่องของตน เพราะตนไม่ใช่ญาติ คงไม่จำเป็นต้องไปสั่งสอนใคร ก็รับผิดชอบกันเองตามกฎหมาย
พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องคดีนั้น ปัจจุบันดำเนินคดีในเรื่องการจราจร ส่วนคดีอาญา รอให้ผู้เสียหายไปร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีอื่น ส่วนจะเป็นฐานความผิดพยายามฆ่าหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ต้องสอบสวน ถึงพฤติการณ์ขับรถ อาการบาดเจ็บของผู้เสียหายต้องนำมาพิจารณา เป็นเหตุและองค์ประกอบในฐานความผิดใด ทั้งนี้อยากวิงวอนสังคม ไม่อยากให้วิพากษ์วิจารณ์ หรือเอาตนไปเกี่ยวข้อง
โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาคดีที่เกี่ยวข้องกับการจราจรก่อน ซึ่งได้กำชับว่าให้รีบดำเนินการโดยเร็วที่สุด เข้าใจว่าสังคมตั้งข้อสังเกตว่าพระเหตุใดถึงล่าช้า ทั้งนี้่คดีอาญา จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปพบผู้เสียหาย ไม่ใช่รอให้เขามา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เกมถ่วงเวลา หรือปูทางคืนคุก: สมศักดิ์กับบันไดขั้นสุดท้ายของทักษิณ
มติแพทยสภา ที่ลงโทษแพทย์ 3 ราย 2 จากโรงพยาบาลตำรวจ และ 1 จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไม่ได้สะเทือนแค่ เกียรติของวิชาชีพเวชกรรม เท่านั้นครับ แต่มันกระเทือนลึกถึง ความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ว่ายังพอมีหลงเหลือ
เพื่อไทยลุยไฟ! เคาะ 9 ก.ค. สภาถกกฎหมาย 'กาสิโน'
‘ดนุพร’ คาดสภาฯ ถกร่างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 9 ก.ค. จ่อเรียกประชุม สส.เพื่อไทย ฟังความเห็นหลังลงพื้นที่ทำความเข้าใจปชช.
'ภูมิธรรม' พร้อมคุมดีเอสไอแทน 'ทวี' ปัดแดงเพลี่ยงพล้ำน้ำเงิน
'ภูมิธรรม' พร้อมคุมดีเอสไอ หากนายกฯ มอบหมายแทน 'ทวี' ปัดแดงเพลี่ยงพล้ำน้ำเงิน 'คดีฮั้ว สว.' เผยยังส่งดอกไม้ไปเยี่ยม 'อนุทิน' อยู่เลย
VVIP ชั้น 14 ถึงบัลลังก์ศาล! คำถามค้างคาเรื่องทักษิณป่วย...และเส้นทางคืนคุก?
คลิปวิดีโอความยาวไม่ถึง 4 นาที ที่ หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก อาจไม่มีเอฟเฟกต์อลังการหรือบทพูดยืดยาว แต่กลับ สะเทือนเส้นประสาทการเมือง ได้รุนแรงกว่าหลายชั่วโมงของการอภิปรายในสภา
ตะลึง! 'วรงค์' พาทัวร์ห้อง VVIP ชั้น 14 สุดหรูหรา-ไม่มีเค้าโครงผู้ป่วยวิกฤติ
คลิปเขย่านักโทษเทวดา “หมอวรงค์” พาทัวร์ห้องพักคนไข้สุดหรู ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ จุดที่ “ทักษิณ” เคยใช้รักษาตัวยาว 180 วัน แฉไม่มีเค้าโครงผู้ป่วยวิกฤติ มีแต่เฟอร์ฯหรู โต๊ะรับแขก ห้องเยี่ยมพร้อม ตอกย้ำคำถามสังคม-อ้างป่วยหรือหลบคุก?
ดร.เสรี ฟาดแรง! สทร.ป่วยจริงแต่ไม่วิกฤต แฉขบวนการช่วยเลี่ยงคุก
ดร.เสรี วงษ์มณฑา ชี้ชัด แพทยสภาไม่ได้บอกว่าไม่ป่วย แต่ ไม่มีหลักฐานว่าป่วยวิกฤต ซัดหมอที่เซ็นให้ย้ายจากรพ.ราชทัณฑ์ไม่ควรเกิดขึ้น ถามกลับ พักฟื้นอะไรนาน 180 วัน ยันประชาชนแค่เชื่อมือหมอ ไม่ได้ใจดำ แค่ต้องการ ยุติธรรมที่ไม่มีใครย่ำยี