ทลายแก๊งจีนเทาหลอกเทรดหุ้นอายัดทรัพย์กว่า 21 ล้าน!

ตำรวจสอบสวนกลางทลายแก๊งบริษัทผีจีนเทา อ้างเป็นเลขา 'นิติ โอสถานุเคราะห์' หลอกลงทุนเทรดหุ้นสูญกว่า 1.2 ล้าน อายัดทรัพย์ 21 ล้านบาท

11 ก.ย.2568 - พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท., พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปอท., ร่วมกันจับกุม MR. WANG อายุ 40 ปี สัญชาติจีน พร้อมด้วยคนไทยอีก 14 คน โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่” พร้อมของกลาง รถยนต์ 9 คัน กระเป๋าเครื่องประดับ 40 รายการ เงินสด 300,000 บาท โทรศัพท์ 29 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 100 รายการ พระเครื่อง 23 องค์ รวมมูลค่า 21 ล้านบาท

พฤติการณ์ เนื่องด้วยช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2568 ผู้เสียหายพบเห็นโฆษณาบนเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการชักชวนลงทุนเทรดหุ้น จากนั้นจึงได้กดลิงก์โฆษณาดังกล่าวแล้วพบว่าเป็นเว็บไซต์ที่ให้ผู้เสียหายกรอกเบอร์โทร และไอดีไลน์เพื่อร่วมลงทุน และต่อมาได้มีคนร้ายใช้ไลน์ติดต่อมาหาผู้เสียหาย โดยอ้างว่าเป็นเลขาฯ ของอาจารย์นิติ โอสถานุเคราะห์ นักลงทุนชื่อดังในไทย ติดต่อมาเพื่อดูแลเรื่องการลงทุนของผู้เสียหาย อีกทั้งยังมีการให้ช่องทางติดต่อทางไลน์ของกลุ่มหน้าม้า ซึ่งคนร้ายอ้างว่าเป็นนักลงทุน เพื่อให้ผู้เสียหายพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องการลงทุน และคนร้ายที่อ้างว่าเป็นเลขาฯ ได้มีการให้ความรู้แก่ผู้เสียหายในเรื่องการลงทุนเรื่อยมา อีกทั้งยังเชิญผู้เสียหายเข้ากลุ่ม LINE OPENCHAT ซึ่งมีสมาชิกเป็นหน้าม้าอยู่ในกลุ่มมากกว่า 100 คน โดยเป็นกลุ่มที่พูดคุยแนะนำการลงทุนต่างๆ

ต่อมาช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2568 คนร้ายได้เสนอโปรเจกต์การลงทุนซื้อขายหุ้นให้กับผู้เสียหาย พร้อมทั้งได้สอนวิธีการลงทุนผ่านเว็บไซต์ FINNIXMAX โดยคนร้ายได้ชักชวนผู้เสียหายให้จองโควตาในการซื้อหุ้นไทยที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์จริง แต่คนร้ายจะหลอกผู้เสียหายว่าสามารถตั้งเป้าหมายการทำกำไรอยู่ที่ประมาณ 10-20 % ภายในระยะเวลาประมาณ 2-3 วัน โดยคนร้ายจะคอยเสนอหุ้นรายตัวต่างๆ พร้อมเป้าหมายการทำกำไรให้กับผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงเริ่มโอนเงินลงทุน โดยคนร้ายได้ใช้บัญชีนิติบุคคลต่างๆ ซึ่งเป็นบัญชีม้าที่ใช้ในการรับเงินจากผู้เสียหาย อีกทั้งเมื่อผู้เสียหายลองถอนเงินออกจากระบบ ยังพบว่าสามารถถอนได้จริง จึงทำให้ผู้เสียหายรู้สึกมั่นใจมากขึ้น จากนั้นผู้เสียหายจึงได้โอนเงินลงทุนเพิ่มขึ้น โดยภายหลังเมื่อหุ้นดังกล่าวทำกำไรได้ตามเป้าหมายแล้ว ผู้เสียหายไม่สามารถถอนต้นทุนและกำไรจากการลงทุนออกมาได้ โดยระบบแจ้งว่าการถอนถูกชะลอ ผู้เสียหายจึงติดต่อไปยังคนร้ายที่อ้างตัวว่าเป็นเลขาฯ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. จากตรวจสอบทราบว่าผู้เสียหายรายนี้ได้โอนเงินไปลงทุนจำนวน 5 ครั้ง มูลค่าความเสียหายประมาณ 1,200,000 บาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. จึงได้ทำการสืบสวนขบวนการหลอกลงทุนดังกล่าว จนทราบว่ามีผู้ร่วมขบวนการทั้งคนไทยและคนจีน มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ใช้บัญชีม้านิติบุคคลในการรับเงินจากการหลอกลวงจากผู้เสียหาย และมีการถอนเงินสดออกจากธนาคารเพื่อนำไปส่งให้กับหัวหน้าขบวนการ ซึ่งภายหลังจากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 24 ราย โดยแบ่งเป็น กลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นกรรมการ นิติบุคคลบัญชีม้า มีหน้าที่ในการเบิกเงินสด จำนวน 6 ราย, กลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นกลุ่มฟอกเงิน มีหน้าที่ในการช่วยเหลือ ดูแล ในการเบิกเงินสด จำนวน 13 ราย, กลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นผู้จัดหาบัญชีม้านิติบุคคล และควบคุมสั่งการในการถอนเงิน จำนวน 2 ราย, ผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่เป็นล่าม และนำเงินสดไปส่งมอบให้แก่คนจีน จำนวน 1 ราย และกลุ่มผู้ต้องหาที่รับเงินสด เป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 2 ราย (จีน 1 ราย และไทย 1 ราย )

กระทั่งวันที่ 9 ก.ย.68เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท., บก.ปคบ., บก.ปคม., บก.ป., บก.ทล. ได้เปิดปฏิบัติการ “9.9 Fake Company” ตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 13 จุด ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และเชียงใหม่ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 15 ราย และอายัดตัวผู้ต้องในเรือนจำ 1 ราย พร้อมตรวจยึดของกลาง โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 29 รายการ, สมุดบัญชีธนาคาร/บัตร ATM จำนวน 100 รายการ และซิมการ์ด จำนวน 10 อัน และทรัพย์สินมีค่าต่างๆ ประกอบด้วย รถยนต์ จำนวน 9 คัน, กระเป๋าและเครื่องประดับแบรนด์เนม จำนวน 40 รายการ, เงินสดหลายสกุลมูลค่าประมาณ 300,000 บาท และพระเครื่อง จำนวน 23 องค์ รวมมูลค่าสิ่งของที่ตรวจยึดประมาณ 21 ล้านบาท

จากการสืบสวนและซักถามขยายผลพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาเป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่อย่างเป็นระบบ กลุ่มผู้บงการชาวจีนเป็นผู้สั่งการและกำหนดแนวทาง โดยจะมีคนไทยเป็นผู้ประสานงาน ทำหน้าที่ล่ามแปลภาษา จัดหาบัญชีม้านิติบุคคลให้แก่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อเงินของผู้เสียหายถูกโอนเข้าสู่บัญชีม้านิติบุคคล กลุ่มผู้ต้องหาจะมีการนัดหมายเบิกถอนเงินสดตามธนาคารสาขาต่างๆ โดยมีผู้รับผิดชอบประสานงานกับธนาคาร เพื่อให้สามารถถอนเงินได้ครั้งละหลายล้านบาท ขณะเดียวกันจะมีกลุ่มที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและควบคุมความเรียบร้อยระหว่างการถอนเงิน ทำหน้าที่ป้องกันการโกงหรือการหนีหายของกรรมการบริษัทบัญชีม้า ซึ่งภายหลังเมื่อมีการถอนเงินตามธนาคารสาขาต่างๆ แล้ว กลุ่มผู้ต้องหาจะรวบรวมเงินสดนำส่งต่อให้แก่ผู้บงการชาวจีนที่เป็นสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สำหรับเหตุผลที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์เลือกใช้บัญชีนิติบุคคลม้าในการรับเงินจากผู้เสียหาย เนื่องจากต้องการทำให้เกิดความน่าเชื่อถือในการหลอกลงทุน และบัญชีนิติบุคคลจะไม่ค่อยถูกอายัด อีกทั้งเมื่อมีการทำธุรกรรมในยอดเงินจำนวนมาก จะไม่ค่อยถูกตรวจสอบจากสถานบันทางการเงินต่างๆ

ทั้งนี้จากการตรวจสอบในระบบแจ้งความออนไลน์ พบว่ามีคดีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้จำนวนทั้งสิ้น 265 คดี รวมมูลค่าความเสียหายว่า 654 ล้านบาท ซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลงทุนเทรดหุ้นผ่าน แพลตฟอร์ม FINNIXMAX และ CGS International อีกทั้งยังมีการแอบอ้างบุคคลผู้ที่มีชื่อเสียงด้านการลงทุนต่างๆ เช่น คุณทิวา ชินธาดาพงศ์ และ นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี เป็นต้น

 

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดร.ณัฏฐ์ ชำแหละปม ‘ทักษิณ’ ภาษีหุ้นชินคอร์ป 1.7 หมื่นล้าน

ดร.ณัฏฐ์-นักกฎหมายมหาชน ผ่าปม “ทักษิณ” ภาษีหุ้นชินคอร์ป 1.7 หมื่นล้าน โอนให้นอมินี ไม่พ้นจากความรับผิด โอกาสยึดทรัพย์ในต่างประเทศยาก

'รังสิมันต์' ตามขยี้ 'ธรรมนัส' บอกไม่ใช่จบแค่ 'ชนนพัฒฐ์'

'โรม' ลั่นวันนี้ต้องไม่ใช่แค่ 'ชนนพัฒฐ์' แต่ต้อง 'ธรรมนัส' ย้อนถามปลดคนนี้แล้วประเทศเสียอะไร หวั่นช่วงเลือกตั้งใช้ทุนเทามหาศาล สุดท้ายทุนเทาก็เข้ามามีอำนาจรัฐ แล้วอย่างนี้ 'อนุทิน' จะมาเป็นนายกฯทำไม

ป.ป.ง. มีมติให้ยึด-อายัดทรัพย์ 159 ล้าน 'สส.ชนนพัฒฐ์' กับพวกเอี่ยวเว็บพนัน

ปปง. มีมติยึดและอายัดทรัพย์สิน 159 ล้าน “ชนนพัฒฐ์ “ และครอบครัวไม่เกิน 90 วัน ที่เกี่ยวกับการกระทำผิดพนันออนไลน์