บุกยึดคืนที่สาธารณะอ่าวถ้ำธง-บางเบิด ลักลอบสร้างที่อยู่อาศัยนับร้อยราย

11 พ.ค.2565 - นายกิตติพงศ์ โสมณะ ปลัดอำเภอปะทิว ได้รับมอบหมายจากนายอำเภอปะทิวให้ลงพื้นที่ หมู่ 3 บ้านถ้ำธง ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร เพื่อตรวจสอบพื้นที่สาธารณะประโยชน์บริเวณอ่าวถ้ำธง-บางเบิด เนื่องจากมีชาวบ้านในพื้นที่ได้ร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรม เรื่องมีชาวบ้านทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่บุกรุกพื้นสาธารณะประโยชน์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยงานเกี่ยวข้อง และชาวบ้านในพื้นที่เข้าร่วมประชุมร่วมกันที่ทำการบ้านผู้ใหญ่บ้าน ก่อนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง

หลังจากนั้นผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ลงพื้นที่ตรวจสอบตั้งแต่บริเวณสะพานปลาบ้านถ้ำธง บริเวณพื้นที่สองฝั่งถนนเส้นท่องเที่ยวเลียบชายฝั่ง ซึ่งเป็นถนนท่องเที่ยว หรือถนนริเวียร่าเมืองไทย สู่แหล่งท่องเที่ยวแถบจังหวัดชายทะเลอ่าวไทยของภาคใต้ พบว่ามีการบุกรุกตลอดแนวสองฝั่งถนน มีการก่อสร้างเป็นบ้านที่อยู่อาศัย เป็นร้านค้า โรงต้มปลา บางส่วนรุกล้ำลงไปบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลด้วย และบางส่วนกำลังจะก่อสร้างมีการกั้นรั้วจับจอง รวมประมาณ 100 หลังคาเรือน

นอกจากนั้นยังพบว่าเริ่มมีการขยายพื้นที่บุกรุกขึ้นไปยังบริเวณเนินสันทรายสูง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด โดยมีการขุดทำลายสันทรายขึ้นไปสร้างบ้านเป็นลักษณะพักอาศัยมีห้องน้ำ มีการต่อน้ำประปา แต่ไม่มีไฟฟ้า โดยนางปราณี เชื้อสุวรรณ แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว และได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่ามีเพื่อนบ้านในพื้นที่ยกที่บริเวณดังกล่าวให้สร้างบ้านได้ ซึ่งเป็นที่ดินหัวไร่ปลายนา เนื่องจากตนเองไม่มีที่อยู่อาศัย โดยตนไม่รู้ว่าพื้นที่บริเวณบริเวณนี้เป็นที่ดินสาธารณะ

นายกิตติพงศ์ โสมณะ ปลัดอำเภอปะทิว เปิดเผยว่าได้กำหนดแนวทางเบื้องต้นในการดำเนินงานโดยจะให้ทาง อบต.ปากคลอง แจ้งไปยังชาวบ้านที่บุกรุกไปยื่นเรื่องที่ อบต.ในการดำเนินการเพื่อพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดินทำกิน และขอรังวัดพื้นที่เพิ่มเพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับพื้นที่หลวง ตามที่หัวหน้าที่ดินสาขาปะทิวได้แจ้งในที่ประชุม โดยยื่นเรื่องที่สำนักงานที่ดินสาขาปะทิว และมอบหมายให้ทาง อบต. ติดป้ายประกาศห้ามมีการบุกรุกพื้นที่สาธารณะประโยชน์ เนื่องจากพื้นที่บริเวณเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอปะทิว โดยในส่วนที่กำลังก่อสร้างนั้นจะให้ดำเนินการรื้อถอนภายใน 15 วัน หากภายใน 15 วัน ยังไม่รื้อถอนนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนชาวบ้านที่ก่อสร้างบ้านอยู่อาศัยแบบถาวรนั้นจะทำการยื่นรังวัดและตรวจสอบสิทธิ์ต่อไป

นายทนงค์ รุ่งเรือง หัวหน้าสำนักงานที่ดินสาขาปะทิว กล่าวว่า ที่ดินบริเวณนี้คณะกรรมการที่ดินแห่งชาติได้ประกาศห่วงห้ามไว้ฉบับลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2530 เนื้อที่ 1,043 ไร่ 3 งาน 25 ตารางวา ได้มีการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง(นสล.) ไปแล้ว 2 แปลง ซึ่งยังออกไม่หมด ที่ออกไปนั้นออกจากบัญชีสำรวจ และในขณะนี้อยู่ส่วนที่เหลือนั้นอยู่ระหว่างการออกเพิ่มเติม และเรื่องอยู่ในระหว่างดำเนินการ ซึ่งจากการลงพื้นที่จุดที่ชาวบ้านเข้ามาครอบครองทำประโยชน์ หากเข้ามาหลังประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 ถือเป็นการบุกรุกชัดเจน อันนี้จะต้องแจ้งความดำเนินคดี ส่วนถ้าเข้ามาก่อนประกาศฯ จะต้องแจ้งเป็นหนังสือเพื่อให้ออกภายใน 30 วัน

นายทรงสิทธิ์ พุ่มศรี นายก อบต.ปากคลอง กล่าวว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ ได้มีชาวบ้านเข้ามาบุกรุกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนเองเพิ่งได้เข้ามารับตำแหน่ ได้ไม่ถึงปี ก็ได้เข้ามาตรวจสอบและแจ้งเตือนชาวบ้านอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ในส่วนตัวนั้นไม่ทราบกฎหมายในเรื่องการใช้พื้นที่สาธารณะประโยชน์อย่างชัดเจน จึงต้องประสานให้หลายๆหน่วยงานเข้ามาช่วยกันแก้ปัญหา เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอด้วย และมีความสำคัญทางระบบนิเวศเป็นอย่างมาก ซึ่งหากชาวบ้านเข้ามาบุกรุกสันทรายกันอย่างต่อเนื่อง สันทรายที่สวยงามก็จะหมดไป และที่สำคัญแนวสันทรายพื้นที่สาธารณะผืนนี้มีแนวยาวติดกับโครงการพัฒนาส่วนพระองค์อีกด้วย

นางสมเภา สังขพันธ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ตำบลปากคลอง เปิดเผยว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวนั้น เป็นพื้นที่อนุรักษ์ เป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการสร้างเพียงเพิงพักเท่านั้นไม่ได้มีการสร้างเป็นบ้านหรืออาคารถาวรอย่างที่เห็น โดยชาวบ้านที่สร้างเป็นเพิงพักนั้นทำอาชีพประมงโดยการตากปลา ต้มปลา โดยเริ่มมีการก่อสร้างอย่างถาวรในยุค คสช.โดยตนเองในฐานะผู้นำชุมชนได้เข้ามาแจ้ง แต่ชาวบ้านก็ไม่สนใจและอ้างว่าไม่มีที่อยู่ ไม่มีที่ทำกิน โดยจากการตรวจสอบนั้นชาวบ้านส่วนใหญ่มีที่อยู่ที่ทำกิน