เผยชนวนเหตุเจ้าของโรงโม่หิน ยิงผู้จัดการหุ้นส่วนดับ

ให้ประกันตัว 5 แสน เจ้าของสัมปทานโรงโม่ยิงผู้จัดการหุ้นส่วนบริษัทเช่าช่วงดับ เผยชนวนเหตุใกล้หมดสัญญาปีสุดท้ายถูกยื้อดึงเวลาไม่จ่ายเงินค่าเช่าและภาษีรวมเกือบ 2 ล้าน

14 พ.ค.2565 - จากกรณี นายอุดม อุโพธิ์ อายุ 71 ปี อยู่เลขที่ 150 หมู่ 7 ตำบลทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร เป็นเจ้าของประทานบัตรโรงโม่หิน ใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม. ยิงนายวีระวัฒน์ จิโนวัฒน์ อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159/4 หมู่ 4 ตำบลนาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร ผู้จัดการหุ้นส่วนของบริษัทเช่าช่วงทำโรงโม่หินจากนายอุดม อุโพธิ์ เจ้าของใบประทานบัตร ตายคาที่บริเณถนนลูกรังภายในโรงโม่หินพื้นที่ หมู่ 7 ตำบลทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 13 พ.ค.65 ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุ นายอุดมมือยิงได้เดินทางไปมอบตัวกับตำรวจ สภ.สวี พร้อมของกลางอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาสอบสวนผู้ต้องนานหลายชั่วโมงจนกระทั่งดึก ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ร.ต.อ.ณภัทร ด้วงสถิต รอง สว.(สอบสวน)สภ.สวี ได้นำตัว นายอุดม อุโพธิ์ อายุ 71 ปี ผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำเพิ่มเติม จนทราบว่าสาเหตุมาจาก นายอุดมเจ้าของประทานบัตรได้ติดตามทวงถามเรื่องเงินค่าที่ต้องจ่ายค่างวดรับช่วงสัมปทานและเงินภาษีที่จ่ายประจำปี รวมเงินเกือบ 2 ล้านบาท จากนายวีระวัฒน์ จิโนวัฒน์ อายุ 66 ปี หุ่นส่วนผู้จัดการ บริษัทผู้รับช่วงสัมประทานบัตรโรงโม่หินที่ได้ดำเนินกิจการนานเกือบ 10 ปี จนปีนี้เป็นปีสุดท้ายเหลือเวลาอีก 2-3 เดือน ใบประทานบัตรจะหมดอายุสัมปทานแล้ว แต่ถูกนายวีระวัฒน์หุ้นส่วนผู้จัดการพลัดวันประกันพรุ้งยื้อเวลาเรื่อยมา จนกระทั่งวันเกิดเหตุ นายอุดมได้ขับรถยนต์ขึ้นไปหานายวีระวัฒน์ที่โรงโม่หินอีกเพื่อทวงถามเงินดังกล่าว และขับรถไปเจอกันที่บนถนนลูกรังภายในโรงโม่พอดี ทั้งสองคนได้จอดรถลงมาพูดคุยกันไม่นานนัก แต่ไม่สามรถตกลงกันได้จนมีปากเสียงกันขึ้น นายอุดมเจ้าของประทานบัตรจึงชักอาวุธปืนขนาด 1 มม.ออกมาจ่อยิงนายวีระวัฒน์ เข้าที่ต้นคอขวาทะลุกรามซ้าย 1 นัด นายวีระวัฒน์จึงหันหลังวิ่งหนีสุดชีวิต แต่ถูกในอุดมไล่ยิงถูกกลางหลังอีก 1 นัด กระสุนทะลุกลางอกล้มฟุบเสียชีวิตคาที่ จากนั้นอุดมพรอมอาวุธปืนของกลางเดินทางไปมอบตัวกับตำรวจที่ สภ.สวี


เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหานายอุดมในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พกอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าต่อมาได้มี นายชาติชาย บุญมี นายก อบต.ทุ่งระยะ ทนายความ และทนายความได้มายื่นหลักทรัพย์ประกันตัวนายอุดมเจ้าของประทานบัตรโรงโม่หินผู้ก่อเหตุ ในวงเงิน 5 แสนบาท โดยพนักงานสอบสวนได้ให้ประกันตัวไปเนื่องจากเห็นว่านายอุดมมือปืนผู้ก่อเหตุมามอบตัวด้วยตนเองและไม่มีพฤติกรรมในการหลบหนีแต่อย่างใด จึงให้ประกันตัวออกไปในชั้นพนักงานสอบสวน โดยยังไม่พร้อมให้สีมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด.

ด้านนายชาติชาย บุญมี นายก อบต.ทุ่งระยะ กล่าวว่าหลังเกิดเหตุนายอุดมเจ้าของประทานบัตรก่อเหตุยิงคนตายได้ขับรถกลีบมาที่บ้านแล้วโทรศัพท์ติดต่อตนไม่ไปรับพาไปมอบตัวกับตำรวจ ตนตกใจมากและได้เดินทางไปรับนายอุดมพาไปมอบตัวระหว่างทางก็สอบถามถึงสาหตุนายอุดมบอกว่ามีปัญหาเรื่องธุรกิจและเงินทีไปทวงถาม จนเกิดมีปากเสียงกันขึ้นแล้วถูกผู้ตายด่าทอด้วยคำหยาบเกิดความโมโหแล้วก่อเหตุดังกล่าวขึ้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สลด! พบศพสองพี่น้อง ถูกฆาตกรรมหมกบ่อน้ำหน้าบ้าน

พ.ต.ท.ภัคดี ตันอนุกูล สว.(สอบสวน)สภ.หลังสวน จ.ชุมพร ได้รับแจ้งมีศพถูกฆาตกรรม 2 ศพทิ้งอยู่ในบ่อน้ำหน้าบ้านที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 10 ตำบลนาพญา อ.หลังสวน จึงรายงาน พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ รอง ผบก.ภ.จว

'เจ๊อ้วน' ขอโทษยอมรับกรรม! บอกผ่านลูกกรง ห้ามญาติประกันตัว-ไม่อุทธรณ์

ความคืบหน้ากรณีตำรวจจับกุม นางวันเพ็ญ ธัญญาพงศ์พานิช อายุ 62 ปี หรือ “เจ๊อ้วน” จ้างวาน นายสมชัย รัตนะ อายุ 62 ปี กับพวกอุ้มฆ่า นายขนบ สมหวัง อายุ 65 ปี หรือ “โกหมาด”

ของดีชุมพร กล้วยหอมถ้ำสิงห์ตีตลาดญี่ปุ่น ผลิตไม่ทันส่งออก

ชุมพร กล้วยหอมทองถ้ำสิงห์ ผลิตไม่ทันส่งออกขายญีปุ่นสัปดาห์ละเกือบ 10 ตัน เกษตรจังหวัดส่งเสริม เพาะหน่อเนื้อเยื่อพันธุ์ดีเพิ่มผลผลิต

พบศพหนุ่มกรีดยาง ถูกไฟไหม้เกรียมทั้งคนทั้งรถในหุบเขา

พบศพหนุ่มสวนยางถูกไฟคลอกไหม้เกรียมทั้งคนทั้งรถจักรยานยนต์ในหุบเขา หลังจากที่ขับรถออกจากบ้านไปกรีดยางตั้งแต่ช่วง 4 ทุ่มคืนวันที่ 13 มีนาคม เมียออกไปตามหาที่สวนยางบนเขาแทบช๊อคพบร่างถูกไฟไหม้เกรียมทั้งคนทั้งรถ เบื้องค้นคาดเป็นอุบัติเหตุแต่ส่งศพไปตรวจหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้งว่าถูกฆาตรกรรมอำพรางหรือไม่

หึงโหด! แฟนหนุ่มมือฆ่าอินฟลูเอนเซอร์สาวเมียนมา ร่ำไห้สารภาพหมดเปลือก

จากกรณีที่นายพิทญา บุญญัติศักดิ์ หรือนาย ท้าวโคตร” อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับฐานว่ากระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและลอบฝั่ง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือหรือเหตุแห่งการตายและลักทรัพย์ ในเวลากลางคืน ในคดีนายพิทญา