
กลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย มุกดาหาร ตีแสกหน้ารัฐหยุดพฤติกรรมทวงคืนผืนป่าประเคนนายทุนเหมืองแร่ เขย่าเจ้าหน้าที่ตื่นแก้ปัญหาให้จบ
28 ส.ค.2565 – มีความคืบหน้าล่าสุดในการต่อสู้ของกลุ่มประชาชนในนาม กลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย ต.คำป่าหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร หลังจากที่ประชุมของคณะอนุกรรมการประสานงานเร่งรัดติดตามกรณีการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) และขับเคลื่อนนโนบาย 9 ด้าน ได้จัดประชุมเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐทุกประเภทโดยมี นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้จากเอกสารประเด็นปัญหาที่ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ขอให้ที่ประชุมพิจารณาเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนมี 30 เรื่อง หนึ่งในนั้นคือความเดือดร้อนคือ ปัญหาป่าสงวนแห่งชาติป่าดงหมู แปลง 2 ต.คำป่าหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร ขอให้ชะลอการดำเนินคดีและตรวจสอบการถือครองทำประโยชน์ในที่ดิน รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในพื้นที่ด้วย
นางสมัย พันธะโคตร กลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย กล่าวว่า อยากให้ปัญหาของพวกตนได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมโดยไว เพราะระยะเวลาของการต่อสู้ของพวกตนเองนั้นหากนับเป็นวันก็ 1,500 วันแล้วที่เราถูกพรากถูกยึดที่ทำกิน ถูกทำลายผลผลิตที่เราปลูกไว้เลี้ยงชีวิตเลี้ยงครอบครัว เพราะนโยบายทวงคืนผืนป่า ซ้ำร้ายพวกเรายังถูกแจ้งความดำเนินคดีทั้งที่อาศัยและทำกินอยู่ในพื้นที่ของตนเองด้วย
นางสมัย กล่าวด้วยว่า กล่าวว่า พวกเรากว่า 61 ครัวเรือน เกิดและเติบโตในพื้นที่บริเวณนี้ อยู่มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาย อยู่มาตั้งแต่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประประกาศให้พื้นที่บ้านเกิดที่ทำกินของเราตรงนี้เป็นป่าสงวนเสียอีก ครอบครัวของตนเองใช้ผืนดินปลูกพืช ปลูกมันสำปะหลังเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งรายได้จากการปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ที่ถูกขับไล่เป็นรายได้หลักที่ใช้เลี้ยงครอบครัว เมื่อไม่มีรายได้จากผืนดินตรงบริเวณนั้นตนและครอบครัวก็ต้องเปลี่ยนไปทำงานรับจ้างรายวันเมื่อเงินไม่พอในการใช้จ่ายก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพิ่ม
“ปัญหาของพวกเราคือเราไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่ดินตรงนั้นมันคือชีวิตจิตใจของพวกเราของครอบครัวเรา พอพวกเราทำกินปลูกมันกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษก็หาว่าพวกเราเป็นผู้บุกรุก แต่ในทางกลับกันพอยึดที่พวกเราไปแล้วกลับกลายเป็นว่าบริษัทเหมืองจะเข้ามาในพื้นที่ที่ไล่ยึดของพวกเราไป แบบนี้มันคือการยึดที่ดินของคนจนไปให้เหมืองแร่ มันคือการทวงคืนผืนป่าเพื่อเอาไปให้เหมืองแร่หรือไม่อย่างไร ถ้าไม่ใช่ก็อยากให้รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาให้พวกเราโดยเร็วด้วย ให้พวกเราได้กลับเข้าไปทำกินในผืนดินเดิม และให้ถอนฟ้องคดีความกับพวกเราทุกคนด้วย” นางสมัย กล่าว

ขณะที่นายใส ไชยบัน กล่าวว่า พวกเราอยากเข้าไปทำกินในพื้นที่เดิมของพวกเรา ตอนนี้ทุกคนที่โดนยึดที่ดินทำกิน ตอนแรกที่มีที่ดินทำกินเราไม่ได้มีหนี้สินมากมายเลย แต่พอไม่มีที่ดินแล้วก็มีหนี้สินล้นพ้นตัวกันแทบทุกคน ภาพวันที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาไถผลผลิตของเราทิ้งแม้จะผ่านมาหลายปีแล้วแต่ภาพก็ยังติดตาอยู่ มีพี่น้องเราบางครอบครัวปลูกยางจนกรีดยางไป 2 ปีแล้วเขาก็ตัดต้นยางของพี่น้องเราทิ้งหมด เจ้าของสวนเข้าไปคุยเข้าไปเจรจาเขาก็ไม่ให้เขาบอกเขาทำตามหน้าที่ทำตามนโยบายทวงคืนผืนป่า มันจะทวงคืนผืนป่าไปได้อย่างไรในเมื่อที่แห่งนี้มันคือที่ทำกิน ที่เกิด ที่นอน และที่ตายของพวกเรา ผ่านมา 5 ปีแล้วที่พวกเราต่อสู้ เราอยากให้ปีนี้เป็นปีที่พวกเราได้รับความเป็นธรรมจริงๆสักที
ด้าน นายอดิศักดิ์ ตุ้มอ่อน เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ ระบุว่า ประเด็นของพี่น้องคำป่าหลายถึงแม้จะถูกยกไปไว้ในการประชุมครั้งต่อไป แต่พวกเราจะช่วยกันติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะที่ผ่านมาพี่น้องต้องเผชิญกับความเดือดร้อน ทุกข์ยากจากการที่ถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ทำกินของตนเอง พืชผลในพื้นที่ก็ถูกทำลายตามไปด้วย และมีหลายครอบครัวที่ต้องเสียโอกาสจากการเข้าไปทำกินในพื้นที่ของตนเอง เพราะการถูกขับไล่และถูกแจ้งความดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ และ พ.ร.บ. ป่าสงวนฯ
“นอกจากนี้หลังขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ทำกินของตนเองเสร็จพื้นที่ของชาวบ้านก็ถูกนำไปประกาศเป็นพื้นที่ที่เปิดให้เหมืองยื่นคำขอประทานบัตร และเจ้าหน้าที่ยังได้ปลูกป่าทับพื้นที่ทำกินของชาวบ้านที่ถูกขับไล่ด้วย ที่ผ่านมาชาวบ้านเองได้ต่อสู้ในหลากหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นการยื่นหนังสือให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด จนนำหน่วยงานป่าไม้มาตรวจสอบในพื้นที่” นายอดิศักดิ์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ชาวบ้านกำลังรอความคืบหน้าแนวทางการแก้ไขปัญหามากว่า 1 ปีแต่สถานการณ์ไม่มีความคืบหน้า ภายหลัง คณะทำงานตรวจสอบการครอบครองเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงหมู แปลงที่ 2 ท้องที่ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ที่มีนายเอกราช มณีกรรณ์ ปลัดจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบ แนวทางการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือความเดือดร้อนด้านที่ดินทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ของราษฎร ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร คือ 1.ให้ยุติการดำเนินคดี 2.ให้พี่น้องเข้าทำประโยชน์ 3.ยกเลิกการปลูกป่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรมป่าไม้ ส่งสิ่งของที่รับบริจาคถึง อ.หาดใหญ่ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่แจกจ่ายให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัย
อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า จากการที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และได้สั่งการให้ กรมป่าไม้จึงเร่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือและยานพาหนะที่จำเป็นเร่งลงพื้นที่เพื่อเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทั้งในด้านการอพยพประชาชน การสนับสนุนด้านเสบียง และกำลังช่วยอย่างเต็มที่
กรมป่าไม้ ขานรับนโยบาย รองนายกฯ สุชาติ ตั้งจุดรับบริจาคสิ่งของให้ผู้ประสบภัยภาคใต้
รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้กำชับทุกหน่วยงานเร่งบูรณาการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยเน้นย้ำในการช่วยเหลือประชาชนต้องปลอดภัยเป็นอันดับแรก
กรมป่าไม้ เผยประชุม APFC ครั้งที่ 31 ที่จ.เชียงใหม่ ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ผลักดันความร่วมมือด้านป่าไม้อย่างยั่งยืน ด้วยพันธกิจ “ป่าที่สมบูรณ์หล่อเลี้ยงอนาคต”
กรมป่าไม้ ประกาศผลสำเร็จประชุมสมัชชาป่าไม้แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 31 (APFC 31) ช่วง 4–7 พ.ย. 68 ที่จ.เชียงใหม่ ไทยนำทีมประเทศสมาชิก
บุกทลายแก๊งคอลฯ เช่าตึกแถวกลางเมืองมุกดาหาร ยึดซิมบ็อกซ์ คนร้ายไหวตัวหนีทัน
ชุดปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมกับ ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร เข้าตรวจค้นตึกแถวห้องหนึ่งบริเวณสถานีขนส่งจังหวัดมุกดาหาร สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสจากสายลับว่าที่ตึกห้องแถวบริเวณสถานีขนส่งจังหวัดมุกดาหาร จ
กรมป่าไม้ เปิดเวทีประชุมคณะกรรมการการป่าไม้แห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 31 อย่างยิ่งใหญ่
กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จัดพิธีเปิด "การประชุมคณะกรรมการการป่าไม้แห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 31 (The 31st Asia - Pacific Forestry Commission : APFC31) ภายใต้ประเด็นหลัก "Healthy Forests Feed the Future" ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายนิกร ศิรโรจนานนท์ อธิบดีกรมป่าไม้ และ Dr. Alue Dohong ในฐานะ Assistant Director General FAO และ Regional Representative for Asia and the Pacific เป็นประธานเปิดงาน


