คุมตัว 'ไวยาวัจกร' ทำแผนชิงทอง อดีตพันจ่า ทร. โกงเงินวัดนับล้าน-เสียพนันบอล

นำตัวไวยาวัจกรวัดบุกจี้ชิงทอง 80 บาท ทำแผนประวัติไม่ธรรมดาเคยเป็นทหารเรือยศพันจ่าเอก วางแผนอำพรางซับซ้อนปล้นเหมือนในหนังทั้งลักรถจยย.ทำเดินพิการ ใช้เขม่าถ่านทาคิ้วให้หนา สวมเสื้อผ้าหลายชุดให้ดูอ้วน กบดานได้เดือนเดียว จนมุมเพราะยักยอกเงินวัดกว่าล้านเสียพนันบอลออนไลน์

22 พ.ย.2564 - จากกรณีคนร้ายเป็นชายวัยฉกรรจ์อายุปราณ 30-40 ปี ใส่เสื้อแกร๊บใช้อาวุธปืนบุกเดี่ยวปล้นทองรูปพรรณหนัก 75 บาท ที่ร้านทองเยาวราช ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาชุมพร ตำบลวังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ขณะลงมือมีกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายขณะก่อเหตุไว้ได้ เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 20 ต.ค.64 ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือน ตำรวจสามารถกุม นายดล ภาสุขเจริญ อายุ 38 ปี ไวยาวัจกร วัดเขาแก้ว หมู่ 5 ตำบลนากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และอดีตเป็นทหารเรือยศพันจ่าเอก จนมุมเพราะตำรวจขยายผลจากยักยอกเงินวัดไปใช้เล่นพนันบอลออนไลน์กว่า 1 ล้านบาท ตรวจค้นในบ้านพบทองรูปพรรณ ใบจำนำ เสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุในบ้าน ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร ร.ต.อ.สุคนธุ์ ผลทรัพย์ รอง สว.กก.สส./หน.นปพ.จว.ชุมพร พร้อมกำลังตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภูธรจังหวัดชุมพร ได้คุมตัวนายดล ภาสุขเจริญ อายุ 38 ปี ไวยาวัจกรวัดเขาแก้ว ผู้ต้องหาใช้อาวุธจี้ชิงทองคำรูปพรรณ 80 บาท ห้างทองเยาวราช สาขาบิ๊กซีชุมพร ไปทำแผนประกอบคำรับสาภาพ โดยผู้ต้องขอทำแผนเพียงจุดเดียวที่ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาชุมพร ริมถนนเมืองชุมพร-สี่แยกปฐมพร เท่านั้น ส่วนจุดอื่น ๆขอใช้สิทธิไม่ไปทำแผนแต่อย่างใด

การทำแผนที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี นายดล ภาสุขเจริญ ผู้ต้องหาใส่ชุดเหมือนวันก่อเหตุและสวมหมวกโม่งไหมพรมสีดำ เริ่มตั้งแต่ผู้ต้องหาขับรถจักรยานยนต์ไปจอดไว้ใต้อาคารห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี โดยพฤติกรรมผู้ต้องหาก่อนก่อเหตุได้วางแผนอำพรางตัวมาอย่างดี โดยนุ่งกางเกง 2 ชั้น ตัวในเป็นกางเกงยีนส์ขายาว ส่วนตัวนอกเป็นกางเกงวอร์มขายาวสีดำ ใส่เสื้อยืดตัวใน 3 ชั้น สวมทับด้วยเสื้อแกร็บไบค์ เพื่อให้ดูตัวอ้วนใหญ่ขึ้น สวมหมกไหมพรมสีดำ ส่วนที่คิ้วทั้ง 2 ข้างใช้เขม่าจากถ่านไม้ทาจนดำหนามากกว่าคิ้วเดิม เพื่อให้ดูใบหน้าเปลี่ยนไป หลังขับรถรถจักรยานยนต์มาจาดใต้อาคารห้าง ผู้ต้องหาได้ถือถุงหิ้วภายในมีท่อนเหล็กยาวประมาณ 1 ฟุต แล้วทำทีเดินเขย่งขาขวาเหมือนคนพิการ ไปขึ้นบันใดเลื่อนเพื่อขึ้นไปชั้นสองของห้าง โดยมีห้างทองเยาราชอยู่ตรงข้ามกับตัวบันใดเลื่อนชั้นสองพอดี

จากนั้นเดินปรี่เข้าไปที่ห้างทองเยาวราช ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่มีลูกค้าเพราะพิษโควิด แล้วใช้ถุงหิ้วกระดาษภายในมีถุงผ้าและท่อนเหล็กชี้ไปที่พนักงานขายทอง 3 คนที่ยืนอยู่ภายในร้าน พร้อมกับบอกว่าอย่าขยับอย่าส่งเสียงร้องและอย่ากดสัญญาณเตือนภัย มิฉะนั้นจะยิงให้ตาย แล้วบอกให้พนักงานทั้ง 3 คน รีบหยิบทองคำที่แขวนโชว์ในตู้กระจกมาใส่ในถุงผ้าที่เตรียมมา โดยตนเองจะให้เวลายนับ 1-10 เมื่อได้ทองแล้วตนจะรีบออกไปจากร้านทันที ถ้าใครขัดขืนหรือเล่นตุกติกจะยิงให้ตายทั้งหมด แล้วบอกกับพนักงานขายทองต่อว่าตนจะเริ่มนับแล้วให้รีบๆหยิบทองมาใส่ถุงผ้าเร็วๆ ซึ่งระหว่างที่พนักงานหยิบทองมาใส่ถุงผ้าที่วางอยู่บนตู้ทองในร้าน นายดลได้นับ 1-10 ด้วยน้ำเสียงดังพอสมควรให้พนักงานได้ยิน โดยการนับทอดช่วงเสียงไม่เกินนับละ 2 วินาที จนนับครบ 10 จากนั้นนายดลรีบคว้าถุงใส่ทองแล้วทำทีวิ่งเขย่งสวนลงไปทางบันใดเลื่อนช่วงทางขาขึ้น เพราะบันใดเลื่อนทางขาลงมีชาวบ้านเดินลงอยู่หลายคน

เมื่อวิ่งถึงที่จอดรกจักรยานยนต์ใต้อาคารห้างสรรพสินค้า นายดลผู้ต้องหาได้ถอดกางเกงวอร์มตัวนอกออกเอาเก็บซ่อนไว้ใต้เบาะนั่งรถแล้วรีบขับรถหลบหนีออกไปทางด้านหลังห้างอย่างรวดเร็ว

ภายหลังการทำแผนประกอบการรับสารภาพเสร็จและตำรวจคุมตัวนายดลขึ้นรถยนต์กลับ สภ.เมืองชุมพร ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายดลว่าจะมีอะไรพูดไหมและอีกหลายๆคำถามแต่นายดลได้แต่ก้มหน้าไม่พูดจาใด ๆทั้งสิ้น

สำหรับพฤติกรรมการจี้ชิงทองให้ห้างสรรพสินค้าในครั้งนี้ นายดลผู้ต้องหารับสารภาพกับตำรวจว่าอดีตตนเองเป็นทหารเรือยศพันจ่าเอก อยูที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี และได้หนีราชการทหารเมื่อปี พ.ศ.2558 กลับมาอยู่บ้านที่ตำบลนากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เนื่องจากตนเองติดพนันบอลออนไลน์อย่างหนัก จนมีหนีสินจำนวนมาก และได้มีเจ้าหนี้หลายรายทบุกมาทวงเงินแทบทุกวัน จนทำให้ต้องหนีออกจากทหารเรือกลับมาอยู่บ้าน และได้รับเลือกให้เป็นไวยจักรวัดเขาแก้ว ได้ประมาณ 2 ปี แต่งงานแล้วมีภรรยาทำงานราชการแต่ยังไม่มีลูกด้วยกัน

ช่วงเป็นไวยาวัจกรได้ยักยอกเงินจากบัญชีธนาคารไปเล่นพนันบอลออนไลน์หลายครั้งรวมเป็นเงิน 1,007,000 บาท จึงวางแผนก่อเหตุจี้ชิงทองในห้างดังกล่างเมืองชุมพร เพื่อจะนำเงินมาใช้คืนวัด จนมาถูกจับกุมโกงเงินวัด และขยายผลตรวจค้นพบหลักฐานตั๋วจำนำทองคำรูปพรรณรวม 15 บาท และตรวจค้นพบทองรูปพรรณอีก 26 บาท กับ 1 สลึง ซึ่งเป็นทองของร้านทองเยาวราช ภายในห้างบิ๊กซีที่ถูกปล้นไป ทำให้ผู้ต้องหายอมรับสารภาพเป็นผู้ลงมือจี้ชิงทองดังกล่าว และบอกว่าตนเองจี้ชิงทองมาได้เพียง 40 กว่าบาทเท่านั้น