'เอ็นจีโอใต้' ร่อนจม.เปิดผนึก ฟ้อง นายกฯ ลงมาสงขลา ให้เห็นปัญหาบุกรุกเมืองเก่า-สุสานเรือเวียดนาม

'บรรจง นะแส' ร่อนจม.เปิดผนึกถึงผู้ว่าฯสงขลา ให้เรียนนายกฯ ที่ลงมาสงขลา เห็นปัญหาการบุกรุกทำลายแหล่งโบราณสถานเมืองเก่าที่อัยการยังไม่สั่งฟ้อง และกรณีสุสานเรือเวียดนามจอดระเกะระกะอยู่ตรงปากร่องน้ำร้อยกว่าลำ

10มี.ค.2566- นายบรรจง นะแส ผอ.สถาบันวิจัยการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่ง สมาคมรักษ์ทะเลไทย เขียนจดหมายเปิดผนึก โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว มีใจความดังนี้

เรียนท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา….

พรุ่งนี้ทราบมาว่าท่านนายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาตรวจราชการที่จังหวัดสงขลาของเรา โดยมีกำหนดการเดินทางมาดูปัญหาการใช้แพขนานยนต์ข้ามฟากที่หัวเขาแดงเชื่อมต่อระหว่างอำเภอสิงหนครกับตัวอำเภอเมือง…
ไหนๆท่านนายกรัฐมนตรีลงมาทั้งที ผมมีข้อเสนอให้ท่านผวจ.และฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง กรุณาเรียนท่านนายกรัฐมนตรีใน2เรื่องสำคัญดังนี้ครับ…

1.ในจุดที่ท่านนายกรัฐมนตรีมาตรวจราชการในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร อยู่ในเงื่อนไขที่จะทำให้ท่านได้ไปเห็นของจริงที่เกิดขึ้นและรอการแก้ไขคือกรณีการบุกรุกทำลายแหล่งโบราณสถานเมืองเก่า ที่มีการขุดดินออกไปจำนวนมาก หมิ่นเหม่ที่จะทำให้พระเจดีย์บนเขาน้อยอายุ1400ปีจะพังลงมาหากไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งมีเรื่องที่ท่านนายกรัฐมนตรีจะได้รับรู้มี2เรื่องคือ

1.1 กรณีการบุกรุกแหล่งโบราณสถานเกิดขึ้นเป็นคดีความมาครบหนึ่งปี(ซึ่งทางสำนักงานกรมศิลปากรที่11ได้ทำการแจ้งความไว้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์2565)จนถึงวันนี้ คดีในส่วนที่นักการเมืองท้องถิ่นและเป็นญาติกับนักการเมืองระดับชาติเข้าไปเกี่ยวข้องและตกเป็นผู้ต้องหา จนถึงวันนี้พนักงานอัยการยังไม่สั่งคดีส่งฟ้องศาล(มีข่าวในร้านน้ำชาในจังหวัดสงขลาปิดกันให้แซดว่า คดีนี้จะมีการลากคดีไปเรื่อยๆให้พ้นฤดูกาลเลือกตั้ง เพื่อจะไม่ให้คู่แข่งทางการเมืองนำไปขยายผลในการหาเสียงเลือกตั้งหรือรอให้คดีหมดอายุความเหมือนอีกหลายๆคดีที่เกิดขึ้นกับการบุกรุกแหล่งโบราณสถานหัวเขาแดง) ท่านนายกรัฐมนตรีควรจะได้ทราบปัญหานี้และจะได้กำชับไปทางพนักงานอัยการให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา

1.2 การฟื้นฟูสภาพอันเกิดขึ้นจากการบุกรุกขุดดินออกไปจำนวนมาก(ผู้เชี่ยวชาญเคยสรุปเอาไว้ว่ามูลค่าดินที่ถูกขุดออกไปคิดเป็นมูลค่ามากถึง62ล้านบาท)มีการนำเสนอมาตระการในการปกป้องไม่ให้พระเจดีย์อายุ1400ปีไว้ว่า จะต้องนำดินกลับมาถมค้ำยันเอาไว้คืออีกหนึ่งทางออก แต่ทางกรมศิลป์/จังหวัดไม่มีงบประมาณที่จะทำในส่วนนี้ หากท่านนายกรัฐมนตรีได้ไปดูด้วยตาของท่าน แล้วสามารถอนุมัติงบประมาณกลางให้เข้ามาจัดการกับปัญหานี้ได้ ก็จะเป็นคุณูปการต่อแหล่งโบราณสถานและคนสงขลาเราที่จะได้รักษาพระเจดีย์ให้อยู่คู่กับสงขลาตลอดไป

2.กรณีสุสานเรือเวียดนามที่โดนยึดไว้จากการบุกรุกทำประมงในน่านน้ำไทยและหมดอายุความ จอดระเกะระกะอยู่ตรงปากร่องน้ำร้อยกว่าลำ เป็นปัญหาสร้างทัศนะอุจาดและขวางทางน้ำส่งผลให้ทะเลสาบสงขลาตื้นเขิน ในจุดที่ท่านนายกรัฐมนตรีไปตรวจงานแค่ท่านผวจ.ชี้ให้ท่านนายกรัฐมนตรีดูก็สามารถเห็นได้ชัดเจนหรือจะนำท่านร่องเรือออกไปดูใกล้ๆก็จะใช้เวลาไม่เกิน10นาที ท่านนายกรัฐมนตรีสามารถสั่งการให้แก้ไขปัญหานี้ได้ไม่ยากเช่น
-สั่งการให้กองทัพเรือ/กรมเจ้าท่านำอุปกรณ์ของกองทัพเรือ/ของกรมเจ้าท่ามาย้ายซากเรือเหล่านี้ออกไปทำปะการังเทียม/ทำบ้านปลาให้กับชุมชนประมงพื้นบ้านใน6อำเภอที่มีพื้นที่ติดชายฝั่งในจังหวัดสงขลาของเราได้ ผลประโยชน์ก็จะเกิดขึ้นมากมายทั้งต่อพี่น้องประมงและธุรกิจการท่องเที่ยวของนักตกปลาซึ่งมีอยู่หลายหมื่นคนในจังหวัดสงขลา

-อนุมัติงบประมาณในการเคลื่อนย้ายให้บริษัทเอกชนนำออกไปสมมุติว่าจะต้องใช้งบประมาณในการเคลื่อนย้ายและกำหนดพื้นที่ให้นำไปกองทำปะการังเทียม/บ้านปลาใน6อำเภอตกลำละ1-2แสนบาท งบประมาณสัก30-40ล้านบาทก็จะสามารถจัดการกับปัญหาที่คาราคาซังมานานนี้ได้…

เรียนมาด้วยความเคารพนับถือ
นายบรรจง นะแส ผอ.สถาบันวิจัยการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่ง สมาคมรักษ์ทะเลไทย