ชาวบางกลอย วอนอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง หลังได้รับหนังสือยุติเรื่องขอความเป็นธรรม

6 พฤษภาคม 2566 - นายพงษ์ศักดิ์ ต้นน้ำเพชร ชาวบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เปิดเผยว่า ภายหลังอัยการสูงสุดมีคำสั่งยุติเรื่องขอความเป็นธรรมกรณีสั่งฟ้องชาวบ้านบางกลอย 28 ราย พวกตนที่เป็นชาวบ้านชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยในนาม ‘บางกลอยคืนถิ่น’ จึงออกแถลงการณ์ขอความเป็นธรรม เรียกร้องให้อัยการสูงสุดทบทวนหนังสือขอความเป็นธรรม เนื่องจากหากยึดแนวทางการแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอยที่แต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนหลายแห่ง ล้วนมีแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เป็นผลดีต่อชาวบ้าน แต่อัยการสูงสุดกลับมีคำสั่งที่เป็นผลลบต่อการแก้ไขปัญหา

“หากชาวบ้านถูกสั่งฟ้องดำเนินคดี ต้องต่อสู้คดี ชาวบ้านยิ่งลำบาก ท้อแท้ แล้วจะไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่ายที่กำลังช่วยกันแก้ไขปัญหาสิทธิชุมชนให้ชาวบ้าน” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว

นางพงษ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งที่ 26/2565 แต่งตั้งคณะกรรมการให้คณะกรรมการให้แก้ไขดำเนินการให้ชาวบ้านกะเหรี่ยงบางกลอย จำนวน 150 คน กลับไปอาศัยในพื้นที่ป่าลึก ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนั้น ตอนนี้ยังไม่มีการเข้ามาดำเนินการใด ๆ ขณะที่ชาวบ้านยังมีความกังวลเรื่องคดีจึงยังไม่ทำอะไร และต้องเฝ้ารอหลังการเลือกตั้งและมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการหรือมีแนวทางตามคำสั่งของนายกฯ อย่างไร

ขณะเดียวกันชาวบ้านได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ เรื่อง ขอความเป็นธรรมเรียกร้องอัยการสูงสุดทบทวนหนังสือขอความเป็นธรรมคดีบางกลอย โดยระบุว่า พวกตนคือ ‘บางกลอยคืนถิ่น’ ชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย ผู้ประสงค์กลับบ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน ขอส่งเสียงเรียกร้อง ถึงอัยการสูงสุดและถึงผู้คนในสังคม ในวันที่ชาวบางกลอยอยู่ห่างไกลความเป็นธรรมเข้าไปทุกที หลังกลางปี 2564 ที่ชาวบางกลอยได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุดเพื่อให้พิจารณาสั่งไม่ฟ้องชาวบ้าน 28 คน ที่ถูกจับกุมอย่างไม่เป็นธรรมระหว่างต่อสู้เพื่อกลับไปยังผืนดินบรรพบุรุษ จนเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 กลุ่มบางกลอยคืนถิ่นได้รับหนังสือจากสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เป็นผลเชิงลบในทางคดีและกำลังนำไปสู่การเดินหน้าดำเนินคดี ของพนักงานอัยการเอง

แถลงการณ์ระบุว่า แม้กลุ่มบางกลอยคืนถิ่นจะยืนยันเหตุผลและความจำเป็น ในการกลับขึ้นไปทำกินที่บางกลอยบน-ใจแผ่นดิน ความเดือดร้อนของเราในระหว่างการต่อสู้คดีแต่ก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม ที่ผ่านมาเราไม่เคยหยุดต่อสู้ ภาระทางคดีความคือความทุกข์ซ้ำเติมปัญหาที่พวกเราต้องพบเจอมาเกือบ 30 ปี หลังถูกบังคับ อพยพโยกย้ายชุมชน โดยหลายหน่วยงาน อาทิ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย ได้ยืนยันตรงกันว่าพวกเราคือชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม การจับกุมพวกเราคือการละเมิดสิทธิมนุษยชน จึงควรยุติการดำเนินคดีพวกเรารวมถึงหาแนวทางให้พวกเราสามารถกลับไปทำกินบนผืนดินดั้งเดิมของเราได้เหมือนที่บรรพบุรุษเคยทำมา

“เสียงของเราในฐานะกลุ่มชาติพันธุ์นั้น ได้รับการรับฟังจากหลายหน่วยงาน องค์กร เครือข่าย ภาคีต่าง ๆ เราขอขอบคุณความมุ่งมั่นที่ช่วยพวกเราส่งเสียงและหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาจนเกิดเป็นทิศทางที่ดี แต่จนถึงวันนี้กระบวนการยุติธรรมยังไม่รับฟังและเห็นถึงความเดือดร้อนของเราแม้จะมีช่องทางให้อัยการสั่งไม่ฟ้องเราได้ พวกเราบางกลอยคืนถิ่น จึงขอเรียกร้องให้อัยการสูงสุดได้ทบทวนและพิจารณาความเห็นดังกล่าวโดยเร็วที่สุด เพราะการเดินหน้าฟ้องพวกเรา 28 คน จะส่งผลให้การแก้ไขปัญหาอาจล่าช้าและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางจิตใจ และต่อการดำเนินชีวิตของพวกเรา”เนื้อหาในแถลงการณ์ที่ชาวบ้านอ่าน

ทั้งนี้เมื่อต้นปี 2564 ชาวบ้านบางกลอยเกือบร้อยคนได้เดินทางกลับขึ้นไปที่หมู่บ้านบางกลอยบน(ใจแผ่นดิน)เพื่อทำไร่หมุนเวียนตามวิถีชีวิตดั้งเดิม หลังจากถูกเผาบ้านและยุ้งฉางบังคับให้ออกจากหมู่บ้านบางกลอยบนให้มาอยู่บ้านบางกลอยล่างตั้งแต่ปี 2554 แต่ก็ถูกอุทยานฯและเจ้าหน้าที่รัฐสนธิกำลังจับกุมและถูกดำเนินคดี โดยชาวบ้าน 22 ถูกตั้งข้อหากระทำผิดฐานยึดถือ ครอบครองที่ดิน แผ้วถาง เผาป่าหรือกระทำใดๆให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนสภาพพื้นที่ไปจากเดิม อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระฯพิจารณาการแก้ปัญหาโดยมีนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่ง 1 ในข้อสรุปคือการทำหนังสือไปถึงสำนักงานอัยการสูงสุดในการสั่งไม่ฟ้องคดีเนื่องจากเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตามล่าสุดสำนักงานอัยการสูงสุดได้ทำหนังสือถึงชาวบ้านบางกลอยในการยุติเรื่องร้องเรียนดังกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แก่งกระจานอวดความลับธรรมชาติ 'กระโถนพระราม-เสือดำ'

แก่งกระจานมรดกโลกของไทยเผยความลับแห่งธรรมชาติ ชวนนักท่องเที่ยวสัมผัสสามปรากฏการณ์มหัศจรรย์ในช่วงเวลาสุดพิเศษ "กระโถนพระราม" บานตระการตา พบ "เสือดำ" อวดโฉม พร้อมปรากฏการณ์แสงลึกลับ ณ เขาพะเนินทุ่ง

‘สุชาติ’ สั่งเข้ม เพิ่มการลาดตระเวน ป้องกันการลักลอบล่าสัตว์ป่า หลังพบกะโหลกค่างจำนวนมากในผืนป่ามรดกโลก ‘แก่งกระจาน’

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนพบกะโหลกค่างเป็นจำนวนมากในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมอุปกรณ์ล่าสัตว์ นั้น ได้สั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนเพื่อป้องกันการลักลอบล่าสัตว์ป่า รวมถึงการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า

จนท.แก่งกระจาน เปิดภาพ 'ปูม่วงไหมทอง' พบเห็นยากพร้อมลูกเกาะเต็มท้อง

เจ้าหน้าที่อุทยานฯ แก่งกระจาน ตื่นเต้นกับการค้นพบปูม่วงไหมทองที่หายาก พร้อมลูกเกาะเต็มท้อง บริเวณฝายกิโลเมตรที่ 18 บ้านกร่าง

'นั่งเล4' สนุกสุดมันจนลืมเวลา 9 ศิลปินจัดเต็มในปาร์ตี้ริมทะเลที่แซ่บและดีที่สุด

คืนสุดมันเกิดขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว เทศกาลดนตรีและปาร์ตี้ริมทะเลถูกรวมไว้ในงานเดียว “Chang Music Connection Presents NangLay Beach Party And Music Festival 4 เทศกาลดนตรีและปาร์ตี้ริมทะเล บิกินี่บีชแซ่บที่สุด ในวันเสาร์ที่ 22 มีนาคม 2568 ที่ TRIPLE TREE BEACH (ใกล้ครัวเม็ดทราย) อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ที่ผ่านมา

'พายุงวงช้าง' ถล่มชะอำ หลังคาบ้านปลิวว่อน เสียหาย 15 หลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่เมืองชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ได้เกิดพายุฝนฤดูร้อนตกลงมาอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดพายุงวงช้าง บ้านเรือนประชาชนนับสิบหลังคาเรือน ภายในชุมชนหนองคาง เขตเทศบาลเมืองชะอำ