ผู้ปกครองพร้อมพี่สาวโร่เข้าแจ้งความหลังน้องสาวถูกรุ่นพี่ในโรงเรียนทำร้ายร่างกายหลายครั้ง แต่ครูเพิกเฉย จนตัดสินใจกินน้ำยาไฮเตอร์
25 ธ.ค.2566 - นางสาวสาวิตรี ศรีสุข อายุ 43 ปี พร้อมด้วยนางสาวสุกัญญา วีระพงศ์ อายุ 24 ปี ผู้เป็นแม่ และพี่สาว ของเด็กหญิงสุทธิมล ยอดแก้ว อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดชุมพร เข้าพบ พ.ต.ท. สนธยา ไทยประดิษฐ์ สว.(สอบสวน)สภ.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เพื่อร้องทุกข์ไว้เป็นหลักฐานโดยแจ้งว่าน้องสาวถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายหลายครั้งจนเกิดความกดดัน โดยตนเองขอให้เจ้าพนักงานร่วมเดินทางไปโรงเรียนดังกล่าวซึ่งเป็นโรงเรียนประจำและน้องพักอยู่หอพักในโรงเรียน เพื่อขอนำตัวน้องออกมาตรวจร่างกาย เนื่องจากตนเองได้ประสานไปที่โรงเรียนแล้วว่าจะรับน้องสาวออกมาแต่ถูกปฎิเสธ
โดยพี่สาวได้เล่าเหตุการณ์ให้กับพนักงานสอบสวนฟังว่า น้องสาวตนคือเด็กหญิงสุทธิมล ได้เข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนดังกล่าว ตั้งแต่ช่วงเปิดภาคเรียนที่ผ่านมาซึ่งตอนนี้ก็ย่างเข้าสู่เทอมที่สองแล้ว ตลอดเวลาที่น้องเรียนอยู่ น้องก็ได้ติดต่อมาบอกว่าโดนรุ่นพี่ทำร้าย อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่รุ่นพี่ในหอพักสั่งให้ซักผ้าหรือทำงานอะไรแทนถ้าหากไม่ยอมทำหรือทำให้ไม่พอใจ ก็จะถูก รุมทำร้ายตบตี ที่ผ่านมาทั้งน้องสาวและตนเองก็เคยติดต่อแจ้งไปยังทางโรงเรียนแล้ว แต่ก็ ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา น้องสาวได้ทักแชทมาบอกว่าเหนื่อย หลังจากนั้นน้องสาวก็ได้ตัดสินใจกินไฮเตอร์ซักผ้า ทางโรงเรียนก็ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลและรักษาตัว อยู่ที่โรงพยาบาลกว่าหนึ่งสัปดาห์ หลังจากออกจากโรงพยาบาล ประมาณสองสัปดาห์ ตัวน้องได้ถูกรุ่นที่ลากเข้าไปรุมทำร้ายในหอพัก จนได้รับบาดเจ็บและได้ส่งภาพมาให้พี่สาวดู หลังจากนั้นตัวน้องก็ได้แจ้งไปยังคุณครูและผู้อำนวยการโรงเรียน แต่ก็ยังนิ่งเฉย จนเป็นที่มาให้พี่สาวได้นำไปโพสต์ใน Facebook
หลังจากมีการแชร์โพสต์ดังกล่าวออกไป ได้มีสายโทรศัพท์อ้างว่าเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนได้ โทรศัพท์ให้น้องสาวของตนมาคุยว่าให้ลบโพสต์ดังกล่าว ซึ่งตนก็ยืนยันว่าจะไม่ลบโพสต์ทางโรงเรียนจึงนัดให้ไปคุยกันที่โรงเรียนในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
หลังจากนั้นได้มีสายโทรศัพท์อีกหนึ่งสายโทรเข้ามาอ้างว่าโทรจากบ้านพักเด็ก พูดจาเชิงข่มขู่ว่าถ้าไม่ลบโพสต์จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งทางด้านพี่สาวและแม่ของน้องยืนยันว่าจะดำเนินคดีในส่วนที่น้องถูกทำร้ายร่างกายอย่างถึงที่สุด แต่ตอนนี้คุณแม่ไม่สามารถรับตัวน้องออกจากโรงเรียนได้เนื่องจากทางโรงเรียนไม่ยอมให้น้องกลับบ้านและได้ยึดโทรศัพท์มือถือเพื่อตัดขาดการติดต่อกับทางบ้าน และขอนัดให้ตนเข้าไปเคลียร์กันที่โรงเรียนในวันจันทร์นี้
ด้านพ.ต.ท.สนธยา ไทยประดิษฐ์ พนักงานสอบสวน สภ.สลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ได้ชี้แจงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวตนเองจะให้ผู้ร้องเรียนร้องทุกข์ โดยการลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนเพื่อเป็นขั้นตอนในการร้องเรียน ส่วนขั้นตอนต่อไป ก็จะประสานทางโรงเรียนขอรับตัวนักเรียนไปตรวจร่างกาย และขอคำวินิจฉัยของทางแพทย์มาประกอบกับร้องทุกข์กล่าวโทษหากผู้เสียหายต้องการจะดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย กับผู้ก่อเหตุต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มอบตัวแล้ว หลานนักการเมืองดังภาคใต้ แทงหนุ่มกลางร้านเหล้าเมืองภูเก็ต
กรณีหลานนักการเมืองชื่อดังในภาคใต้ ก่อเหตุใช้อาวุธมีดพกสั้นแทง นายกรรณตวีย์ ปรีชา อายุ 25 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช บาดเจ็บสาหัส ขณะนั่งดื่มกับอดีตแฟนสาวของหลานนักการเมืองชื่อดังในภาคใต้ เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 1 ต.ค.68 เวลา 23.15 น.
'กลุ่มปกป้องบ้านพ่อ' เฮลั่น! คดีสิ้นสุด นายทุนออกโฉนดทับ 'แก้มลิงหนองใหญ่' จ.ชุมพร กว่า 700 ไร่
จบแล้วสู้เกือบ 9 ปี ทวงคืนแผ่นดินบ้านพ่อ ร.9 แก้มลิงหนองใหญ่ชุมพร มูลค่าพันล้านในมือนายทุน กลับคืนสำเร็จ
พลังหนู! ลูกหมีขนทีม 'พลังชุมพร' ซบภูมิใจไทย
'ลูกหมี' บ้านใหญ่ชุมพร ขนทีม 'พลังชุมพร' 50 ชีวิต สมัครสมาชิกพรรค ภท. ลั่นไม่มีประโยชน์ส่วนตัว แค่อยากให้ประเทศเดินหน้า ปัดตอบ รทสช.แตก ด้าน 'พิพัฒน์' แย้มมีบิ๊กเนมการเมืองจ่อซบเพิ่ม
'ทหารพม่า-กะเหรี่ยง' ปะทะเดือด! เสียงปืนใหญ่ดังลั่นชายแดน จ.ชุมพร
นายสวง ริ้มงาม นายก อบต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โพสต์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ได้เกิดเหตุการปะทะกัน ระหว่าง ทหารพม่า สู้รบกับ ทหารกระเหรี่ยง มีเสียงปืนใหญ่ดังมาถึงพื่นที่หมู่
เกมแล้ว! บุกรวบ 'ไฮโซลูกนัท' คาบ้าน ยึดคลังแสงปืน-กระสุน พร้อมโคเคน
บุกรวบ "ไฮโซลูกนัท" ยึดคลังแสงปืนกว่า 20 กระบอก ปืนตบศรีษะบังคับเหยื่อสาวเสพยา
จับปลาซิวปลาสร้อย แก๊งงาบสวนปาล์มหมดสัมปทาน จนท.รัฐเอี่ยวนายทุนฮุบรายได้เดือนนับล้าน
เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า-กอ.รมน.รองนายก อบจ.ชุมพร บุกจับชาวพม่าแรงงานนายทุน "แก๊งสวาปาล์ม" ร่วมเจ้าหน้าที่รัฐ จัดสรรแบ่งล็อคเก็บผลผลิตปาล์มน้ำมัน พื้นที่หมดสัมปทานนับหมื่นต้น รายได้เดือนละนับล้านบาท


