ชาวบ้านรวมตัวปักหลักเรียกร้องที่ทำกินแปลงสวนยาง  ‘ป่าคลองกรุงหยัน’

ชาวบ้านสุดทนลุกฮือรวมตัวปักหลักเรียกร้องที่ทำกินในแปลงสวนยาง กยท.หมดสัญญาสัมปทาน “ป่าคลองกรุงหยัน”-หลังกรมป่าไม้อนุมัติให้จังหวัดนครศรีธรรมราชจัดสรรที่ทำกินให้ชาวบ้านตามนโยบายรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 2565 แต่กลับไม่มีความคืบหน้าใด ๆ- แกนนำแฉเบื้องหลัง นายทุนและข้าราชการหวังฮุบที่ดินไว้เอง รวมทั้งผลประโยชน์ต้นยางเก่าสามารถขายได้หลายร้อยล้านบาท

2 มี.ค. 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลกรุงหยันอำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราชและจากพื้นที่ใกล้เคียง ได้รวมตัวกัน เดินทางเข้า ปล่อยปักหลักร่วมชุมนุมในที่ดินสวนยางหมดสัมปทานขององค์การสวนยางแห่งประเทศไทย พื้นที่หมู่ 7 ตำบลกรุงหยัน อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเรียกร้องให้จังหวัดนครศรีธรรมราชและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการจัดสรรที่ดินทำกิน ให้กับประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งทางกรมป่าไม้ ได้มีหนังสืออนุญาตเล่มที่ 015 ฉบับที่ 18 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2565ให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล เนื้อที่ 2,107 ไร่ 96 ตารางวา โดยให้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ทางจังหวัดนครศรีธรรมราชและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังนิ่งเฉยไม่ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและคำสั่ง กรมป่าไม้ฉบับดังกล่าว

  สำหรับพื้นที่แปลงดังกล่าวเนื้อที่ 4,600 ไร่ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้อนุมัติเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2565 ให้องค์การสวนยางแห่งประเทศไทย เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าที่คณะรัฐมนตรีมีมติรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติป่าคลองกรุงหยันทรงที่อำเภอทุ่งใหญ่และอำเภอทุ่งสงจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อใช้เป็นพื้นที่ปลูกสวนยางพันธุ์ดีตามวัตถุประสงค์ เป็นระยะเวลา 30 ปี และหมดสัญญาวันที่ 17 มกราคม 2555 ต่อมาผู้ตรวจการแผ่นดินได้วินิจฉัยให้จัดสรรที่ดินทำกินให้กับราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองสังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยนำเสนอให้คณะอนุกรรมการจัดหาที่ดินพิจารณากำหนดพื้นที่ป่ากรุงหยันแปลง 4,600 ไร่ โดยแบ่งเนื้อที่จำนวน 2,100 ไร่ เศษเป็นพื้นที่เป้าหมายในการจัดที่ดินทำกินให้กับชุมชน (คทช.) ตามนโยบายรัฐบาล ส่วนที่ดินที่เหลือจากการดำเนินการโครงการดังกล่าวทางราชการจะได้ดำเนินการตามแนวทางที่กลุ่มป่าไม้สั่งการต่อไป

  นายเชาว์ แกนนำชาวบ้าน กล่าวว่า หลังจากพื้นที่ดังกล่าวหมดสัญญาสัมปทาน บรรดากลุ่มอดีตลูกจ้างสังกัดกรมจัดการศูนย์ยาง 2 การยางแห่งประเทศไทย ภาคใต้ตอนกลาง และประชาชนที่ยากไร้ ไม่มีที่ทำกินได้ยื่นหนังสือขอให้จังหวัดนครศรีธรรมราชดำเนินการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับชุมชนตามนโยบาย แต่ระยะเวลาผ่านมา 3 ปี ยังไม่มีความคืบหน้าในการจัดสรรที่ดินให้กับชาวบ้าน ของรัฐบาลในพื้นที่แปลงสวนยางที่หมดสัมปทาน ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการหลายครั้งแต่ในที่สุดเรื่องก็เงียบหายไปทุกครั้ง

  โดยเชื่อว่าสาเหตุมาจากกลุ่มนายทุนและกลุ่มข้าราชการ ที่หวังผลประโยชน์มหาศาลในที่ดินดังกล่าว โดยเฉพาะ ต้นยางเก่าที่หมดสภาพสามารถขายได้อย่างน้อยไร่ละ 500 บาท รวมเป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท นายทุนและเจ้าหน้าที่รัฐต่างหวังผลประโยชน์ในส่วนนี้รวมทั้งหวังฮุบที่ดินไว้เป็นของตนเอง หากทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยึดผลประโยชน์ของประชาชนที่มีฐานะยากจนไร้ที่ทำกินเป็นหลัก เชื่อว่าการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับประชาชนรายละ 10 ไร่เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมาก และถือว่าต้นยางในพื้นที่ดินที่ประชาชนได้รับการจัดสรรทุกคนก็สามารถตัดโค่นต้นยางไปขายเป็นทุนในการเริ่มประกอบอาชีพดำเนินชีวิตต่อไป

  นายเชาว์  กล่าวอีกว่า เมื่อเดือนก่อนชาวบ้านนับพันคน รวมตัวกันเพื่อเดินทางเข้าปักหลักประท้วงเรียกร้องี่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช  ให้จัดสรรที่ทำกินในแปลงป่าสวนยางหมดสัมปทานแปลงดังกล่าว แต่ทางจังหวัดนครศรีธรรมราชไ ด้สั่งระงับไม่ให้รวมตัวประท้วงอ้างว่าจะ เชิญแกนนำชาวบ้านเข้าร่วมประชุม กำหนดแนวทางการจัดสรรที่ดินทำกิน แต่เมื่อถึงวันกำหนดนัดประชุมทางจังหวัดกลับยกเลิกการประชุมไม่ยอมให้แกนนำชาวบ้านเข้าร่วมประชุมด้วย และอ้างว่าทางหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจะประชุม พร้อมสรุปแนวทางการดำเนินการ และจะแจ้งให้ ชาวบ้านทราบอย่างเป็นทางการต่อไป แต่ในที่สุดเรื่องเงียบหายไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ทั้งสิ้น จนเป็นที่มาของการนัดรวมตัวประท้วงเรียกร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนผู้ยากไร้ไม่มีที่ทำกิน เดินทางมาเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงเรียกร้องเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และจะมีการประชุมสรุปเพื่อยกพลบุกปักหลักประท้วงเรียกร้องบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราชในเร็วๆ นี้ พร้อมคันนี้จะล่ารายชื่อชาวบ้านทั้งหมดยื่นร้องต่อศาลปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราช อีกทางหนึ่งด้วย  

  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีกลุ่มเจ้าหน้าที่การยางแห่งประเทศไทย พร้อมชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่ง เดินทางเข้าไปสังเกตการณ์ในบริเวณที่ชุมนุมจนเกิดการปะทะคารมโต้เถียงกับกลุ่มชาวบ้านแต่เรื่องก็ยุติลงได้ก่อนจะบานปลาย โดยทางแกนนำเกรงว่าต่อไปจะเกิดเรื่องบานปลายถึงถึงขั้นปะทะกันระหว่างชาวบ้านกับกลุ่มชายฉกรรจ์โดยอาจจะมีการทำร้ายร่างกายบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ ซึ่งชาวบ้านชื่อว่าชายฉกรรจ์เป็นคนของนายทุนที่ส่งเข้ามาสังเกตการณ์ติดตามความเคลื่อนไหวของชาวบ้าน โดยล่าสุดได้มีนายสมพร คงแก้ว ปลัดอำเภอทุ่งใหญ่ เดินทางเข้ามาพบกับแกนนำเพื่ออำนวยความสะดวก ในการชุมนุมเรียกร้องและรักษาความสงบเรียบร้อย โดยจะมีการประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้บริการและดูแล ในด้านต่าง ๆ ตามกรอบของกฎหมายต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘รมว.นฤมล’ เยี่ยม รร.เบญจมราชูทิศ ปฏิรูปการศึกษา จ.นครศรีฯ ลั่น 3 เดือน แก้หนี้ครูได้ เตรียมดึงแบงก์รัฐทุ่มแสนล้าน ทำสหกรณ์กลาง สกสค.

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ศธ. ลงพื้นที่ประชุมตรวจเยี่ยมสถานศึกษาและติดตามการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลด้านการศึกษา ณ ห้องประชุมธัชมุนี โรงเรียนเบญจมราชูทิศ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช

กอ.รมน.ภาค 4 พบจนท.รัฐเอี่ยวกลุ่มอิทธิพล บุกรุกที่สาธารณะ ขนแรงงานเถื่อน ชง 'ปปช.-ปปง.' ลงดาบ

พลตรีธรรมนูญ ไม้สนธิ์ โฆษก กอ.รมน. ชี้แจง กรณีที่มีข้อร้องเรียนปัญหาอิทธิพลในพื้นที่ชายแดน จ.ชุมพร-ระนอง ว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในห้วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ประท้วงรัฐเกียร์ว่าง สวนปาล์มน้ำมันหมดสัมปทาน ยังมีกลุ่มเก็บผลผลิตนับ 100 ล้านบาทต่อเดือน

ชาวบ้านกว่า 300 คน บุกศาลากลางชุมพร ทวงถามที่ดินหมดสัมปทานนาน 10 ปี ยังปล่อยให้ยืดเยื้อ มีกลุ่มบุคคลเข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตเดือนนับร้อยล้าน ขอนำมาจัดสรรให้คนยากจน

‘ธรรมนัส’ เตรียมนำทัพใหญ่ลุยช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อมเมืองคอน

“ธรรมนัส”เตรียมนำทัพใหญ่ เปิดเวทีปราศรัยช่วย“ก้องเกียรติ“สู้เลือกตั้งซ่อม สส.เมืองคอน 25 เม.ย.นี้ วอน ขอโอกาสเข้าไปเป็นปากเสียงในสภาฯ

ชาวบ้านทวงเงินเยียวยา 9 พันบาท หลังน้ำท่วมภาคใต้ผ่านไปเกือบ 3 เดือน

ประชาชนชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชจำนวนหลายร้อยคนรวมตัวกันบริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่า ริมถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อเรียกร้องสอบถามความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วมจำนวน 9,000 บา