ครอบครัวใจสลาย นักเรียนหญิง ป.3 ถูกเพื่อนรุมทำร้ายอ่วม ขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

19 มีนาคม 2568 - สืบเนื่องจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก Walailak Boonthiam ลงคลิปวิดีโอพร้อมโพสต์ข้อความว่า “เห็นสภาพหลานแล้วใจแทบขาด เลี้ยงมายังไม่เคยตีเลย มันจะเกินไปแล้วเด็กอายุแค่นี้ไปเจอขนาดนี้ ทำให้ไม่อยากจะไปโรงเรียน ทางบ้านถามก็ไม่บอกจนเรื่องมันเกิดขึ้นขนาดนี้ ถ้าเกิดว่าหนูตายจะทำยังไง ทำไมไม่ยอมบอกว่าโดนไม้ตีทั้งโดนกดน้ำจนสลบ โดนรุมทำร้ายมาหลายครั้งแล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้เป็นลูกหลานของตนเองคุณจะรู้สึกอย่างไร ขอให้เรื่องนี้อย่าเงียบ ขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุดนะคะ #เด็กโตทำร้าย” แล้วกลายเป็นไวรัลเพียงชั่วข้ามคืน มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเพจดังต่างๆก็แชร์คลิปดังกล่าวออกไปเป็นจำนวนมาก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ จ.นครพนม

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านท่าแต้ ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งเป็นบ้านของนายคมศักดิ์ บุญเทียม อายุ 36 ปี และ นางพัชราพร บุญเทียม อายุ 32 ปี สองสามีภรรยาประกอบอาชีพทำสวนยางพารา โดยมีพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน มาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพอดี

นายคมศักดิ์เปิดเผยว่าลูกสาวคนโตชื่อ "น้องมีนา" อายุ 8 ขวบ นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ถูกเพื่อนนักเรียนร่วมห้องทำร้ายร่างกายจริงๆ ซึ่งผู้ที่พบเห็นรอยแผลคือนางพัชราพรแม่ของน้องเอง ส่วนตนมาทราบเรื่องภายหลัง เพราะออกไปทำงานอยู่ข้างนอก

ด้าน นางพัชราพรได้เล่าว่าเหตุเกิดตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ตนเพิ่งมารู้เมื่อตอนเย็นของวันที่ 18 มีนาคม เพราะลูกไม่ยอมเล่าเรื่องที่ไปโดนเพื่อนทำร้ายให้แม่ฟัง กระทั่งตอนเย็นลูกสาวกำลังเปลี่ยนเสื้อเพื่ออาบน้ำ ขณะตนให้นมลูกคนเล็กอยู่ เหลือบเห็นที่แผ่นหลังลูกมีรอยเป็นแนวคล้ายถูกตี รู้สึกตกใจจึงเรียกลูกมาสอบถาม ทีแรกน้องมีนาไม่ยอมบอกอะไร มีแต่ร้องไห้อย่างเดียว แม่ต้องปลอบใจจึงยอมเล่าว่าถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกันรวม 4 คนรุมทำร้ายในห้องน้ำด้านหลังห้องเรียน เมื่อเวลาก่อนบ่ายของวันจันทร์ที่ 17 มีนาคม ตนได้ฟังลูกเล่าถึงกับน้ำตาไหล เพราะไม่เคยตีลูกเลย รักถนุถนอมดั่งแก้วตาดวงใจ จึงถ่ายคลิปส่งให้ญาติๆดูถึงความรุนแรงของเพื่อนลูกสาวร่วมห้องเรียน จากนั้นนางวลัยลักษณ์ผู้เป็นป้ากลับมาจากขายของ เห็นสภาพหลานสาวน่วมทั้งตัวจึงลงคลิปในเฟซบุ๊กด้วยความเหลือใจ

ส่วนน้องมีนา ทีแรกมีแววตากังวลเมื่อเจอหน้าผู้สื่อข่าว แต่พอหลังพี่นักข่าวบอกว่า จะมาช่วยไม่ให้ใครมารังแก จึงยอมเปิดปากเล่าเหตุการณ์ โดยมีนางบุญอ้อม วังสุขขี อายุ 60 ปี ผู้เป็นย่าอยู่เคียงข้างหลานสาวตลอดเวลา ซึ่งน้องมีนาเล่าว่าก่อนเที่ยงของวันจันทร์ คุณครูได้นำกล่องข้าวมาวางไว้ที่โต๊ะหน้าห้อง น้องต้นอ้อยบอกให้เธอไปขอข้าวครูมากิน ด้วยความที่กลัวน้องต้นอ้อยโกรธจึงเดินไปขอ ซึ่งคุณครูตอบว่า “ครูยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลยครูไม่ให้นะ” เมื่อเดินกลับมาบอกน้องต้นอ้อย กลับคะยั้นคะยอให้ไปขอใหม่แต่เธอไม่ยอมทำตาม

กระทั่งพักเที่ยงขณะที่เดินอยู่ด้านล่างห้องเรียน น้องต้นอ้อยพร้อมเพื่ออีก 3 คน กรูเข้ามาลากตัวเธอเข้าไปที่ห้องน้ำด้านหลังโรงเรียน โดยใช้กำปั้นทุบที่หลังจนทรุดลงกับพื้นกระเบื้อง ก็ถูกจับศีรษะโขกพื้น 1 ครั้ง จากนั้นน้องต้นอ้อยก็จับหน้าเธอกดน้ำในถังล้างห้องน้ำหลายครั้ง ขณะนั้นสติแทบจำอะไรไม่ได้ แต่รู้ว่าบริเวณแผ่นหลังถูกฟาดด้วยแปรงขัดส้วม ซึ่งน้องมีนาเล่าว่าในห้องน้ำมันแคบ ผู้รุมทำร้ายเข้าไปได้เพียง 3 คน รวมทั้งตัวเธอก็เป็น 4 คน ใน 3 คน มีน้องต้นอ้อย น้องอันดา และ น้องแฟนต้า ส่วนน้องกิมได้สับเปลี่ยนกับน้องอันดาเข้าไปในห้อง แต่น้องกิมไม่ได้ทำร้ายอะไรเพียงแค่ยืนดูเฉยๆ และกลอนประตูห้องน้ำเสียปิดไม่ได้

หลังจากทุบตีจนหนำใจแล้ว ทั้งหมดก็ทิ้งเธอไว้ในห้องน้ำ จึงนำร่างที่ชอบช้ำออกมาในสภาพหัวเปียก รวมทั้งเสื้อผ้าด้วย เมื่อครูเห็นถามว่าไปทำอะไรมา ด้วยความกลัวจะถูกเพื่อนทำร้ายซ้ำอีก จึงโกหกไปว่าหนูหกล้ม เมื่อกลับมาบ้านก็ไม่กล้าเล่าเรื่องให้ผู้ปกครองฟัง กระทั่งตอนเปลี่ยนผ้าเตรียมอาบน้ำแม่เห็นรอยความจึงแตกดังกล่าว

ขณะที่น้องมีนาเล่าเหตุการณ์ นายสมใจ โยบุตดา อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้านท่าแต้ หมู่ 11 ต.ท่าจำปา ได้เข้ามาสอบถามเพิ่มเติม หลังจากที่ได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่าลูกหลานโดนทำร้าย และได้รายงานเบื้องต้นให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว ว่า น้องมีนาถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียน จำนวน 4 คน รุมทำร้ายร่างกาย โดยใช้แปรงขัดห้องน้ำตีแผ่นหลังเป็นริ้วรอยแดง ศีรษะมีรอบปูดบวม ครูเห็นรอยบวมเด็กก็ไม่ได้พูดความจริง และไม่ได้เห็นรอยแผลที่หลัง จึงนำน้ำเย็นมาประคบเพราะเด็กบอกว่าหกล้ม จนผู้ปกครองเห็นรอยแดงจึงสอบถามข้อเท็จจริง เด็กถึงยอมเล่าว่าถูกเพื่อนทำร้าย จึงได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ท่าอุเทน พร้อมส่งตัวไปตรวจร่างกายเพื่อหาข้อเท็จจริง

ด้าน นางวลัยลักษณ์ บุญเทียม อายุ 41 ปี ผู้เป็นป้า และเป็นผู้นำคลิปวีดีโอมาลงในโซเชียล เผยว่ารู้สึกสงสารหลานมาก ปกติเป็นเด็กร่าเริง แต่วันสองวันดูซึมไป เริ่มเอะใจแต่ก็ไม่รู้ว่าหลานโดนรุมทำร้าย แค่ได้ยินว่าหนูไม่อยากไปโรงเรียน จนมาเห็นคลิปที่แม่น้องเขาส่งมาให้ดู ตนเป็นป้ายังไม่เคยตีหลานแม้แต่แปะเดียว หลังเรื่องแดงผู้ปกครองเด็กทั้ง 4 คน เข้ามาแสดงความเสียใจและขอโทษ ส่วนเด็กทั้งสี่ต่างโยนกันโยนกันมา ข่าวคืบหน้าจะนำมาเสนอต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

งานนมัสการพระธาตุพนม สัญญาเช่าพื้นที่เอื้อพวกพ้อง ฮุบหน้าวัดจัดล็อก โขกค่าเช่าโหด

กรณี กลุ่มตัวแทนผู้ค้าขายสินค้า อาหาร เสื้อผ้าและของฝาก บริเวณพื้นที่หน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร พระอารามหลวง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม มีหนังสือร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมฯ ถูกคนอ้างว่าได้รับฉันทานุมัติจากกรรมการวัด

น้ำลด ถนนอันซีนโผล่ จุดเช็กอินริมโขงนครพนมกลับสู่ภาวะปกติแล้ว หลังจมน้ำนานสัปดาห์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.นครพนม ระดับน้ำโขงเริ่มลดลงวันละ 20-30 เซนติเมตร ล่าสุดช่วงเวลา 17.00 น. อยู่ที่ 11.50 เมตร ห่างจากจุดเตือนภัยเฝ้าระวัง 50 เซนติเมตร คือที่ 12 เมตร

ระดับแม่น้ำโขงที่นครพนม วัดได้ 11.79 เมตร ปลอดภัยใกล้สู่ภาวะปกติแล้ว

ที่ จ.นครพนม ระดับน้ำโขงเริ่มลดปริมาณลง ตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้ ล่าสุดอยู่ที่ 11.79 เมตร ห่างจากจุดเฝ้าระวังเตือนภัย 21 เซนติเมตรคือที่ 12 เมตร ถือว่าปลอดภัยใกล้เข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังมีกระแสไหลเชี่ยว

ชาวนาระทม น้ำโขงหนุนสูง นาข้าวจมเกือบ 7 หมื่นไร่ 4 อำเภอ จ.นครพนม ตั้งศูนย์รับมือ

ระดับน้ำโขงสูงที่ จ.นครพนม หวนกลับมาอีกครั้ง หลังรับอิทธิพลจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ผนวกกับจีนปล่อยน้ำออกจากเขื่อนไฟฟ้า จึงเกิดผลกระทบต่อเนื่อง

น้ำโขงดีดสูงสุดรอบปี นาข้าวจมบาดาลกว่า 2 หมื่นไร่ จ่อประกาศพื้นที่ประสบภัย

คืบหน้าเกี่ยวกับผลกระทบจากแม่น้ำโขง มีระดับสูงต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 10.35 เมตร ถือว่าสูงสุดในรอบปี ห่างจากจุดวิกฤตประมาณ 1 เมตรเศษ คือที่ 12 เมตร หากถึงจุดดังกล่าวจะส่งผลให้ลำน้ำสาขาสายหลัก ไม่สามารถไหลระบายลงน้ำโขงได้ ในทางตรงกันข้ามน้ำโขงจะหนุนเข้าลำ