ชาวบ้านแจ้งจับกลุ่มออมทรัพย์ ฝากเงินทุกเดือนแต่ถอนไม่ได้ ยอดเสียหาย 3.6 ล้าน

ชาวบ้านครึ่งร้อยบุกแจ้งความเอาผิดกรรมการกลุ่มออมทรัพย์ฯ หลังเงินออมสมาชิก 3.6 ล้านบาทหายไปทั้งที่ฝากเงินทุกเดือนแต่เบิกถอนไม่ได้ ด้าน ผกก.ฯสั่งตรวจสอบ พร้อมออกหมายเรียกคณะกรรมการ 6 คนมาสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย

5 มิถุนายน 2568 - ที่ สภ.พล จ.ขอนแก่น ได้มี ชาวบ้าน บ.หนองดู่ ม.9 ต.ลอมคอม อ.พล จ.ขอนแก่นกว่า 50 คน เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ 6 กรรมการกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ของบ้านหนองดู่ หลังไม่สามารถเบิกถอนเงินที่ฝากออมไว้ได้ รวมยอดเสียหายกว่า 3.6 ล้านบาท

นายสมศักดิ์ ภูเลียงเนาะ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 182 ม.9 บ้านหนองดู่ ต.ลอมคอม อ.พล จ.ขอนแก่น ตัวแทนของชาวบ้าน กล่าวว่ากลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต บ้านหนองดู่ ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2543 สมาชิกก็คือคนในหมู่บ้าน จากอดีตจนถึงปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 780 คน การฝากเงินเข้ากลุ่มออมทรัพย์นั้น แล้วแต่ว่าจะฝากคนละกี่บาท 20-50-100 หรือ 200 บาทก็ได้ โดยกรรมการจะเรียกเก็บเงินจากสมาชิกในทุกวันที่ 2-3 ของทุกๆเดือน และมีการดำเนินการเช่นนี้เรื่อยมา ส่วนการเก็บเงินจากสมาชิกนั้น กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต บ้านหนองดู่ จะมีกรรมการทั้งหมด 10 คน โดย 6 คน ทำหน้าที่เก็บเงินจากสมาชิก โดยมีการกำหนดไว้ว่า สมาชิกรายใดส่งเงินออทรัพย์กับกรรมการท่านใด เมื่อเวลาเบิกเงินออม ก็จะต้องแจ้งกับกรรมการท่านั้น จะเบิกเงินกับกรรมการรายอื่นไม่ได้

"นอกจากนี้กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต บ้านหนองดู่ ยังมีการเอาเงินออมที่เก็บได้จากสมาชิก ไปปล่อยกู้ให้กับสมาชิกอีกด้วย โดยมีกรรมการอีก 2 คน ดูแลเรื่องเงินกู้ยืมของกลุ่ม ส่วนกรรมการอีก 2 คน ทำหน้าที่เหรัญญิก ส่วนประธานกลุ่มนั้น เท่าที่ทราบผู้ใหญ่บ้านจะได้เป็นประธานกลุ่มโดยตำแหน่ง"

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ตั้งกลุ่มฯขึ้นมา จนถึงปี 2563 ไม่เคยมีปัญหา สมาชิกเบิกถอนเงินที่ฝากออมได้เป็นปกติ กระทั่งปี 2564 จนถึงปี 2567 สมาชอกฝากเงินออมเข้ากลุ่มทุกคน ทุกเดือน แต่เมื่อสมาชิกขอเบิกถอนเงิน ได้บ้างไม่ได้บ้าง และในปี 2567 หนักเลย คือไม่มีสมาชิกรายใดเบิกเงินได้เลย เมื่อถามกรรมการ 6 คน ต่างก็ตอบว่า ไม่มีเงินให้เบิก และในเดือนมกราคม 2568 เป็นเดือนสุดท้ายที่สมาชิกทั้งหมดฝากเงินออมเข้ากลุ่มฯ เพราะในเดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนมิถุนายน 2568 สมาชิกไม่มีใครยอมฝากเงินออมเข้ากลุ่มอีก เพราะทุกคนรู้ว่ากรรมการไม่โปร่งใส ฝากไปก็ไม่ได้เงิน

จึงรวมตัวกันมา แจ้งความกับตำรวจสภ.พล เพื่อให้ทำการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฏหมายกับกรรมการทั้ง 6 คนที่ทำหน้าที่เก็บเงินจากสมาชิกไป แต่มีข้อแม้ว่า หากไม่อยากติดคุก ไม่อยากถูกจับ ให้นำเงินมาคืนสมาชิกตามจำนวนที่ทุกคนฝากออมไป ให้ครบทุกคนแล้วสมาชิก จะไม่เอาเรื่อง เพราะเท่าที่ทราบนั้น เงินของสมาชิกที่ฝากออมเข้ากลุ่มฯ จำนวน 780 คน เป็นเงินประมาณ 3,600,000 บาท แยกเป็นเงินให้กู้ประมาณ 850,000 บาท ส่วนที่เหลือคือเงินออมของสมาชิกที่หายไป ฉะนั้นกรรมการทั้ง 6 คนต้องนำมาคืนให้สมาชิกให้ครบทุกบาท

ขณะที่นายประสิทธิ์ สินจันทึก อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 บ้านหนองดู ม.9 ต.ลอมคอม อ.พล จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ตนเป็นสมาชิกของกลุ่มออมทรัพย์ฯมาตั้งแต่ก่อตั้ง ฝากเงินออมเข้ากลุ่มเดือนละ 100 บาท และฝากทุกเดือนไม่เคยขาด จนถึงสิ้นปี 2563 ตนถอนออกมาจำนวน 5,000 บาท ก็ยังถอนได้ และฝากเงินออมต่อมาอย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2568 จะถอนเงินอีก ปรากฏว่าถอนไม่ได้ เพราะกรรมการที่เก็บเงินไปบอกว่าไม่มีเงินให้ถอน

เมื่อสอบถามจากสมาชิกรายอื่นๆที่ต้องการถอนเงินออมจากกลุ่ม ต่างก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกันคือกรรมการบอกว่าไม่มีเงินจะให้ถอน จึงตัดสินใจฝากเงินงวดสุดท้ายเมื่อเดือนมกราคม 2568 และไม่ฝากอีกเพราะไม่มีความเชื่อมั่นในตัวกรรมการอีก จากนั้นสมาชิกต่างก็คุยปรึกษากันถึงเงินที่ทุกคนฝากออมเข้ากลุ่มฯบางคนมีฝากพิเศษอีกหลายหมื่นบาท ก็ยังเบิกถอนไม่ได้ เมื่อทุกคนไม่สามารถเบิกถอนเงินได้ จึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความกับตำรวจ ให้เอาเรื่องกรรมการทั้ง 6 คนที่ทำหน้าที่เก็บเงินไปให้ถึงที่สุด แต่ถ้าเอาเงินมาคืน ก็จะไม่เอาเรื่อง เพราะทุกคนเป็นเพื่อนบ้าน เป็นลูกหลานในหมู่บ้านเดียวกัน

ด้านนายสมศักดิ์ เทพศิลา ผู้ใหญ่บ้าน บ้านหนองดู่ ม.9 ต.ลอมคอม อ.พล จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ตนเข้ามาเป็นผู้ใหญ่บ้านในเดือนมี.ค. 2565 ก็เริ่มระแคะระคายเรื่องกลุ่มออมทรัพย์ฯ เพราะมีสมาชิกมาเล่าให้ฟังว่า เบิกเงินไม่ได้ จึงเรียกให้กรรมการเอาสมุดบัญชีมาให้ พร้อมทั้งเรียกสมุดเงินออมจากสมาชิก 780 ราย มาทำการตรวจสอบ พบว่า บัญชีเงินฝากของกรรมการทั้ง 6 คนมีเงินเหลือในบัญชีรวมกันแล้วทั้งหมดเพียง 1,116 บาท และเงินสดอีก 7,000กว่าบาท

และพบพิรุธในบัญชีของกรรมการทั้ง 6 คน ที่ไม่ตรงกับบัญชีของสมาชิกกลุ่ม ทำให้เห็นว่าไม่มีความโปร่งใส จนทำให้ชาวบ้านที่เป็นสมาชิก เบิกถอนเงินไม่ได้ ซึ่งในความเข้าใจของชาวบ้านที่คิดว่า ผู้ใหญ่บ้านเป็นประธานกลุ่มออมทรัพย์โดยตำแหน่งนั้น ชาวบ้านคิดไปเอง เพราะในความเป็นจริงแล้วนั้น ตนเข้ามาเป็นผู้ใหญ่บ้าน และถ้าจะให้เป็นประธานกลุ่มออมทรัพย์ จะต้องมีการประชุม แต่งตั้งและมอบหมายงานจากคนเก่าให้ตนในฐานะผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ตามลำดับ

แต่ที่ผ่านมาไม่มีการประชุมไม่มีการหารือ จนมีชาวบ้านที่เป็นสมาชิกมาบอกกล่าวเรื่องที่เบิกถอนเงินจากคณะกรรมการกลุ่มฯไม่ได้ ตนเห็นความเดือดร้อนของชาวบ้านจึงได้พยายามตรวจสอบด้วยตัวเองทั้งหมด ยืนยันตนเองเป็นผู้ใหญ่บ้าน แต่ไม่ได้เป็นประธานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตแต่อย่างใด และถูกยัดเยียดให้เป็นตำแหน่งประธาน เพราะไม่ได้ร่วมประชุม ไม่มีการเรียกประชุม ไม่มีการแต่งตั้ง ไม่ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการหรือสมาชิกแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อตนพบปัญหา ก็ได้ติดต่อกับกรรมการทั้ง 6 คน รวมทั้งกรรมการที่ดูแลเรื่องเงินกู้ของกลุ่มอีก 2 คน มาพูดคุยกันเพื่อหาทางออก หรือเอาเงินมาให้ชาวบ้าน แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากกรรมการเลย เพราะมาพบเพียงคนเดียว กรรมการรายอื่นๆไม่มา จนกระทั่งชาวบ้านรวมตัวกันมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว

"ยืนยันว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่บ้าน แต่ไม่รู้เรื่องเงิน และไม่ทราบเรื่องการบริหารจัดการของคณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์แต่อย่างใด ตอนนี้เสมือนตนติดร่างแหไปด้วย จึงนำเอกสารหลักฐานที่ตนตรวจสอบแล้วพบพิรุธต่างๆมามอบให้กับตำรวจ เพื่อพิสูจน์ว่าตนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเงินออมทรัพย์ของชาวบ้านแม้แต่บาทเดียว และทราบว่า ตำรวจรับแจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว และได้ออกหมายเรียก เรียกกรรมการทั้ง 6 คนมาพบเพื่อสอบปากคำแล้วเช่นกัน ซึ่งในเบื้องต้น ตนจะเป็นคนนำหมายเรียกไปให้กรรมการทั้ง 6 คนแล้วจะเรียกพูดคุยกัน เผื่อว่าทั้ง 6 คนจะนำเงินมาคืนให้ชาวบ้าน ตามที่ต้องการได้ ก็น่าจะแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านได้"

ทางด้าน พ.ต.อ.พีระฉัตร สาขา ผกก.สภ.พล กล่าวว่า ในกรณีของชาวบ้านหนองดู่ ที่เป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งความเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในเบื้องต้นทราบว่า มีบุคคลที่เกี่ยวข้องกันหลายคน คณะกรรมการกลุ่มก็มีประมาณ 10 คน ซึ่งอาจจะต้องมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบสวนชาวบ้านที่เป็นสมาชิกทั้งหมดว่า แต่ละคนต้องการอย่างไร ต้องการดำเนินคดีตามกฏหมาย หรือต้องการอยากได้เงินคืน เพราะเท่าที่ทราบมีคณะกรรมการบางคน นำเงินไปคืนสมาชิกบางรายแล้วก็มี ซึ่งหลังรับแจ้งความร้องทุกจากตัวแทนสมาชิก จำนวน 5 คนแล้ว พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกคณะกรรมการของกลุ่มออมทรัพย์ ที่ทำหน้าที่เก็บเงิน จำนวน 6 คนมาสอบสวน และถ้าการสอบสวนโยงใยถึงใครอีก ก็จะออกหมายเรียกเพิ่มเติม

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชาวบ้านในเทศบาลขอนแก่น ไม่เชื่อมั่น 'ครม.อิ๊งค์ 2' สิ้นหวังแก้ปัญหาปากท้อง

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่ตลาดสดบางลำภู เขตเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนภายหลังจากได้รัฐบาลชุดใหม่มาบริหารประเทศ

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน แจ้งจับนายกฯ 4 ข้อหาหนัก เซ่นคลิปเสียงคุย 'อังเคิลฮุนเซน'

นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมือง จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายชัยชนะ ทัศนิยม ที่ปรึกษาองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นฯ พร้อมสมาชิกองค์กรและภาคประชาชนคน

เกษตรกรเผยปีนี้ 'กล้วยหอมทอง' ราคาดี แต่กำลังเจอปัญหาโรคเชื้อรา-รากเน่า ช่วงฝนตกชุก

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ บ้านนาเพียง ต.สำราญ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นหมู่บ้านปลูกกล้วยหอมทองรายใหญ่ ของ จ.ขอนแก่น หลังเริ่มได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้น้ำแฉะทำให้รากเริ่มมีเชื้อราและเน่าเปื่อย

ชาวบ้าน อ.พล ร้องเอาผิดผู้ใหญ่บ้านปลอมลายเซ็น ส่อทุจริตงบโครงการ SML

ชาวบ้านหอบหลักฐานแจ้งเอาผิดผู้ใหญ่บ้านปลอมลายเซ็นลูกบ้านกระทำการทุจริต ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านยืนยันทำทุกอย่างถูกต้องชี้แจงได้ทุกข้อกล่าวหา

รถเทรลเลอร์บรรทุกแบคโฮ เกี่ยวสายไฟ เสาล้มทับเก๋ง คนขับเชื่อบารมีหลวงปู่ทวดช่วยรอดตาย

คนขับเก๋ง เชื่อบารมี "หลวงปู่ทวด" ทำให้รอดตายหวุดหวิด เหตุพ่วงเทรลเลอร์เกี่ยวสายไฟทำให้เสาไฟฟ้าล้มทับรถยนต์ใจกลางเมืองขอนแก่น ขณะที่ กฟภ.ขอเวลา 3 ชม.แก้ไขระบบส่งจ่ายไฟฟ้าให้กับเขตเมือง

รวบ 6 คนไทยเปิดบริษัทบังหน้า ฐานเว็บพนันรายใหญ่ นอมินีนายทุนจีน-อินโดฯ

ตำรวจไซเบอร์ รวบ 6 คนไทยเปิดบริษัทฯค้าการเกษตรบังหน้า ก่อนพบเป็นฐานเว็บพนันรายใหญ่เงินสะพัดกว่า 3,200 ล้านบาท "ไตรรงค์"สั่งล่าทั้งขบวนการพบนายทุนอยู่จีนและอินโดนีเซีย อีกรายรวบโจ๋กาฬสินธุ์โพสต์ปืนพร้อมแคปชั่นเย้ยกฎหมาย