บุรีรัมย์ตำรวจ-ทหาร จับหนุ่มกัมพูชาวัย 29 ปี ในพื้นที่ อ.เมืองบุรีรัมย์ หนังสือวีซ่าทำงานหมดอายุแล้ว พบมาอาศัยอยู่บ้านพ่อตาแม่ยาย เพื่อเลี้ยงลูกน้อย 1 คน ส่วนเมียไปทำงานกรุงเทพฯ ตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติ หรือเป็นสายลับ
8 สิงหาคม 2568 - พ.ต.อ.สยาม เกียรติบรรจง ผกก.สภ.หนองสองห้อง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองสองห้อง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดบุรีรัมย์ ,ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.บุรีรัมย์ , เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ชปส.ร้อย ตชด.216 , ตำรวจสันติบาลบุรีรัมย์ , เจ้าหน้าที่ทหาร หน่วย ขกท.กกล.สุรนารี และเจ้าหน้าที่ทหาร สขว.กอ.รมน.
จับกุมตัวนายติดรี เสา (Mr.TETRY SAO) อายุ 29 ปี ชาวกัมพูชา ได้ที่บริเวณหน้าเมืองไทยแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยบ้านบุลาว ต.สองห้อง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วยหนังสือเดินทางราชอาณาจักรกัมพูชา 1 ฉบับ ที่ยังไม่หมดอายุ และวีซ่าทำงานอีก 1 ฉบับ ซึ่งหมดอายุการทำงานแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.67 ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบเบื้องต้นทั้งพยานแวดล้อม การตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ และสื่อสารออนไลน์ต่างๆไม่พบการโพสต์ หรือการถ่ายภาพ หรือมีข้อความในลักษณะยั่วยุ หรือเสี่ยงต่อภัยความมั่นคงของชาติ มีเพียงการถ่ายภาพการใช้ชีวิตในครอบครัว และภาพบุคคลในครอบครัวเท่านั้น
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันออกสืบสวนจับกุมบุคคลแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ และพบชายต้องสงสัยลักษณะเหมือนบุคคลต่างสัญญาติ จึงเรียกขอตรวจสอบ ก็ยอมรับว่าเป็นชาวกัมพูชา ซึ่งสามารถพูดคุยเจรจาภาษาไทยได้เป็นอย่างดี พร้อมยื่นหนังสือเดินทาง 1 ฉบับ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบหนังสือเดินทาง เป็นประเภทวีซ่า NON L-A (กลุ่มแรงาน 3 สัญชาติ) ที่อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทย ถึงวันที่ 1 พ.ค.2567 แต่นายติดรี เสา ได้อยู่เกินกำหนด จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองสองห้อง ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อโดยกล่าวหาว่า ‘เป็นคนต่างด้าว (สัญชาติกัมพูชา) อยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยการอนุญาตสิ้นสุด (จำนวน 465 วัน)
สอบถาม นายติดรี เสา บอกว่า ตนเองเป็นชาวเมืองกัมปงโสม ราชอาณาจักรกัมพูชา ได้มาอาศัยอยู่ที่ประเทศไทย 12 ปีแล้ว โดยทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา (โรงไก่ ซี.พี.) และได้ออกจากงานมาตั้งแต่เดือน ม.ค.67 มาอาศัยอยู่ที่บ้านของภรรยาชาวไทย เป็นชาวบ้านหนองใหญ่ ม.1 ต.สะแกโพรง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ แล้วภรรยาไปทำงานเป็นแม่บ้านที่กรุงเทพฯ ส่วนตนก็บ้านกับพ่อตาแม่ยายและอยู่เลี้ยงลูกชาย อายุประมาณ 6 ขวบ ซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 โดยหนังสือเดินทางยังไม่หมดอายุแต่วีซ่าทำงานของตนหมดอายุทำงาน ประกอบกับได้ออกจากงานด้วย จึงไม่ได้ไปต่อใบอนุญาตวีซ่าทำงาน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บุรีรัมย์'จัดใหญ่ใส่เต็ม 3บิ๊กอีเว้นต์กีฬาระดับโลก 'มาราธอน-โมโตจีพี-รอบเทสต์'ฤดู2026
การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วยภาคเอกชน ผนึกกำลังจัดการประชุมเตรียมความพร้อมมหกรรมกีฬาสุดยิ่งใหญ่ประจำปี 2569 ได้แก่ “บุรีรัมย์ มาราธอน 2026” ฉลองครบรอบ 10 ปี และรุกหนักแผนรับมือ “พรี-ซีซั่นเทสต์และสนามเปิดฤดูกาล” ต่อเนื่องปีที่ 2 “โมโตจีพี รายการ พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์ 2026” เพื่อวางรากฐานการบริหารจัดการอย่างเต็มระบบ รองรับคลื่นนักวิ่ง-แฟนความเร็วนับแสนสู่ 3 บิ๊กอีเว้นต์ระดับโลก
ร่าง 'จ่าเริง' วีรบุรุษทหารกล้า เนิน 350 ปราสาทตาควาย ถึงบ้านเกิดบุรีรัมย์
ครอบครัว ญาติพี่น้องรับร่าง จ.ส.อ.สำเริง คลังประโคน วีรบุรุษทหารกล้า เนิน 350 ปราสาทตาควาย กลับสู่บ้านเกิด ในหลวง–พระราชินี พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เตรียมพระราชทานเพลิงศพ 24 ธ.ค.นี้ ณ วัด ห้วยปอ ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ แม่เผย สุดเศร้าหลังจากนี้จะไม่ได้เห็นหน้าลูกอีกแล้ว หากชาติหน้ามีจริงขอให้เกิดเป็นลูกแม่อีก
ร่าง 'จ่าเริง' ถึงมาตุภูมิพรุ่งนี้ ภรรยาเผยนำศพลงมาไม่ได้ เพราะสามีสัญญาไว้ต้องยึดเนิน 350 ให้ได้ก่อน
แม่จ่าเริง ทหารพลีชีพเนิน 350 ภูมิใจทหารทุกนายที่ทำสำเร็จได้เนิน 350 คนมา ขอให้รบชนะแบบเบ็ดเสร็จโดยเร็ง และให้ประเทศไทยมีแต่ความสงบสุขหลังจากนี้ ผู้ว่าฯเผยการเตรียมจัดงานพร้อมทุกอย่างแล้ว ร่างมาถึงพรุ่งนี้
ครอบครัว 'จ่าเริง' ทหารกล้า ทำใจแล้วนำร่างกลับยาก ติดบนเนิน 350 นาน 4 วันแล้ว
แม่และพี่สาวจ่าเริง นักรบพลีชีพรับสภาพได้แล้วว่าการนำร่างกลับมายากลำบากเพราะอยู่ในสนามรบ ระบุจ่าเริงคงอยากให้ทางบ้านทำใจได้ก่อนจึงจะกลับมา ตอนนี้ภูมิใจที่คนทั้งประเทศแห่ให้กำลังใจ ร่างจะมาตอนไหนขึ้นอยู่กับโอกาส เห็นใจเจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนัก
เสียงปืนเขมรเบาลงครั้งแรกในช่วง 12 วันสู้รบ พบลูกจรวดเกลื่อนไร่ยางพารา
เสียงปืนฝั่งเขมรหยุดลงครั้งแรกในรอบ 12 วัน จนท.เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ พบลูกจรวดปืนใหญ่ตกใส่ไร่ยางพาราเป็นจำนวนมาก มีทั้งแตกและไม่แตก ระบุเขมรหันกระบอกปืนมาทางพลเรือนของไทย
ไฟแนนซ์โทรทวงค่างวดผู้อพยพ-ชรบ.ชายแดน ต้องหายืมเงินไปจ่าย โอดสู้รบยืดเยื้อ
การสู้รบระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 12 แล้ว และยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าการสู้รบจะจบลงวันไหน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

