แก๊งเงินกู้โหดปาหินทุบบ้าน ลูกหนี้ผวาหนักโทรแจ้งตร.ไม่รับสาย

แก๊งเงินกู้ขอนแก่นโหดก่อเหตุ ปาหิน ทุบบ้านลูกหนี้ ผู้เสียหายผวาหนัก โทรศัพท์แจ้งตำรวจแต่ไม่มีใครรับสาย วอนนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ช่วยจัดการให้เด็ดขาด หวั่นบานปลายแบบอุดรธานี

14 ก.พ.2565 - ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่บ้านเลขที่ 459/2 ม.1 บ.หนองกุง ต.หนองกุง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น โดยพบกับนางสุภัสสร อาสาสนา อายุ 53 ปี เจ้าของบ้าน หลังจากได้รับการร้องเรียนว่า ถูกเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ ตามทวงหนี้แล้วทุบทำลายบ้าน พังเสียหาย โดยนางสุภัสสร ได้พาเดินไปดูจุดที่ชาย 3 คนเข้ามาทวงหนี้กลางดึกแล้วใช้ก้อนหินขว้างไปที่กระจกประตูและหน้าต่างบ้าน จนพังเสียหายรงม 3 จุด พร้อมกับเขียนข้อความด่าทอเสียๆหายๆ จนผวาไม่กล้านอนอยู่ที่บ้าน

นางสุภัสสร กล่าวว่า เมื่อประมาณ 2 เดือน ที่ผ่านมาได้ติดต่อขอกู้เงินจากเจ้าหนี้เงินกู้รายหนึ่ง โดยติดต่อผ่านใบปลิวที่มาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านโดยขอกู้เงินจำนวน 5,000 บาทซึ่งจะต้องจ่ายเงินดอกเบี้ยวันละ 100 บาทจนกว่าจะสามารถหาเงินต้นคืนได้ ที่ผ่านมาก็จ่ายทุกวัน แต่มา 3 -4 วันที่ผ่านมาไม่สามารถหาเงินจ่ายได้ จนกระทั่งเมื่อคืนวันที่ 13 ก.พ. 2565 ขณะนอนพักผ่อนอยู่กับลูกชายอายุ 20 ปีภายในบ้าน ซึ่งเปิดเป็นร้านตัดขนสุนัข มีชายนิรนาม 3 คนขับรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนเข้ามาเรียกตน เพื่อที่จะทวงหนี้ ด้วยความกลัวตนจึงให้ลูกชายไปรับหน้าและบอกว่าตนอยู่บ้านสวน

" จากนั้นลูกชายได้พาชายทั้งสามคนไปที่บ้านสวนเพื่อให้ตนปลอดภัย เมื่อชายทั้งสามไปถึงบ้านสวนไม่พบตน จึงโทรศัพท์ติดต่อกลับมา ตนจึงบอกว่าให้กลับมารับเงิน ซึ่งเดี๋ยวจะออกไปกดเอทีมเอ็ม ให้ ระหว่างไปกดเงินด้วยความกลัว จึงโทรแจ้งตำรวจให้เข้ามาที่บ้าน หลังจากตำรวจเข้ามาที่บ้านแล้ว แต่ชายนิรนามทั้ง 3 คนก็ยังไม่เข้ามา ตำรวจจึงไม่รอ ทั้งที่ตนร้องขอว่าให้ช่วยรักษาความปลอดภัย แต่ตำรวจที่มา ได้โทรไปแจ้งชายทั้ง 3 คนด้วยว่าตนอยู่บ้าน แล้วตำรวจก็กลับไป"

นางสุภัสสร กล่าวต่ออีกว่า ต่อมาในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนชายกลุ่มดังกล่าวเข้ามาอีก คราวนี้ไม่พูดจาอะไรแต่ใช้ก้อนหินทุบกระจกที่บ้าน ตนและลูกชายก็ไม่กล้าออกดูรอจนกระทั่งกลุ่มชายคนดังกล่าวกลับไป จึงโทรแจ้งตำรวจ แต่ไม่มีใครรับสาย จึงแจ้งยังกำนันตำบลหนองกุงให้มาช่วยดู เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ตนและครอบครัวรู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าจะทำกันถึงขนาดนี้ ซึ่งได้ไปแจ้งความที่ สภ.น้ำพอง แล้วและอยากให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ช่วยจัดการให้เด็ดขาดด้วย

ขณะที่ก็มีผู้เสียหายอีกรายทราบชื่อนางทองหนุน สีพิลา อาชีพขายส้มตำ ชาวบ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.น้ำพอง จังหวัดขอนแก่น บอกว่า คนภายในหมู่บ้านใช้บริการเงินกู้หนี้นอกระบบจำนวนมาก มีหลายบริษัทมาเสนอให้กู้ โดยวิธีแจกใบปลิวตามบ้าน ส่วนใหญ่เป็นคนนอกพื้นที่ สำหรับตนได้กู้เงินกับบริษัทหนี้นอกระบบ 10 แห่งรวมเป็นเงินหลายหมื่นบาทต้องส่งเฉพาะดอกเบี้ยวันละ 4,300 บาทกู้มาเป็นเวลา 8 เดือนเงินที่ทำมาหากินได้ก็จะจ่ายดอกเบี้ยเกือบหมด บางวันไม่มีเงินติดกระเป๋า ทราบว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยสูง แต่ก็ต้องจำเป็นต้องใช้เงินอยากให้ตำรวจช่วยจัดการกลุ่มเงินกู้นอกระบบ ที่พูดจาไม่ดีและขู่กรรโชกลูกหนี้ เพราะขณะนี้ชาวบ้านหลายตำบลใช้บริการกู้หนี้นอกระบบเป็นจำนวนมาก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตำรวจไซเบอร์บุกทลาย 'แก๊งคอลเซ็นเตอร์' ชาวจีน กลางโรงแรมดัง

พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 (ผกก.3 สอท.5) สืบทราบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เหยื่อพระครูปลัดเล่นแอปหาคู่เกย์ ยันถูกลากขึ้นรถ หลังปฏิเสธมีเซ็กซ์เหตุใช้รูปไม่ตรงปก

หนุ่มนครพนม ที่ถูกพระครูชื่อดังหลอกมาข่มขืนที่ขอนแก่นเข้าให้ปากคำตำรวจแล้ว ยืนยันถูกลากขึ้นรถก่อนตัดสินใจหักพวงมาลัยชนราวเหล็กขอบถนน บาดเจ็บทั้งคู่

นายกฯ กำชับตำรวจก้าวข้าม 'ต่อ-โจ๊ก' ลั่นไม่ขอยุ่งแล้ว ให้เป็นหน้าที่คกก.ตรวจสอบ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 2/2567 ว่า ในที่ประชุมได้กำชับเรื่องความขัดแย้งระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

'บิ๊กต่าย' ไม่รู้ข้อเท็จจริง 'ทนายตั้ม' แฉปมส่วยเว็บพนัน แต่ต้องรับผิดชอบคำพูด

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวว่า ไม่ได้ให้ผู้ใต้บังคับการบัญชาที่เป็นนายตำรวจระดับผู้กำกับการโทรศัพท์ไปขอข้อมูลกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่เกี่ยวพันกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก่อนที่ทนายตั้ม