
ความอึมครึมใน ททบ.5 ก็เกิดขึ้น นับแต่มีภาพ พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 (กอญ.ททบ.5) หรือ ผอ.ช่อง 5 ไปพบทูตรัสเซียปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเจ้าตัวชี้แจงระหว่างให้สัมภาษณ์รายการ “เจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์” ว่าการไปพบทูตรัสเซียนั้น ทำไปในฐานะที่เป็นสื่อมวลชน จึงเสาะหาข่าวสารนำเสนอข้อมูล 2 ทาง อีกทั้งข่าวสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนได้รับความสนใจ เพราะมีผลทางอ้อมกับไทยในด้านเศรษฐกิจและราคาพลังงานด้วย
พร้อมระบุว่า ได้มีการทำ “เอ็มโอยู” กับทางจีน รัสเซีย อิหร่าน ในการรับข่าวผ่านทางสถานทูตทั้ง 3 แห่ง รวมไปถึงสถานทูตยูเครน ซึ่งได้นำภาพข่าวการพบกับทูตออกอากาศในช่วงข่าวของ ททบ.5 เพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ด้วย
ที่สำคัญคือ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) รับรู้ว่า ผอ.ช่อง 5 จะไปแลกเปลี่ยนข่าวสารกับเอกอัครราชทูตตามที่กล่าวมาข้างตน เพราะตัวเขาเองต้องรายงาน ผบ.ทบ.ที่เป็นประธานบอร์ด แต่ก็ไม่ได้แจ้งรายละเอียดว่าจะไปคุยอะไรบ้าง
จนกระทั่งเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีคำสั่งภายในให้หยุดการเผยแพร่ข่าว “สงครามรัสเซีย-ยูเครน” ทุกช่วงข่าว และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาช่วงข่าวภาคเที่ยง “เจ๊ปอง” อัญชะลี ไพรีรัก ผู้ประกาศกำลังรายงานข่าวดังกล่าวจาก “สตูดิโอท็อปนิวส์” หยิบข่าวดังกล่าวขึ้นมาอ่าน ส่งผลให้มีการตัดสัญญาณไปทันที โดยไม่รู้ว่าเป็น “คำสั่งนาย” หรือ “การปฏิบัติตามคำสั่งนาย” อย่างเคร่งครัด ตามมาด้วยข่าวว่า “ท็อปนิวส์” จะถอนตัวจากการเป็นผู้ร่วมผลิตรายการในที่สุด
กระทั่งเช้าวันอังคารก็มีข่าว พล.อ.ณรงค์พันธ์ “ปลด ผอ.ช่อง5”!!
กอญ.ททบ.5 หรือที่เรียกกันว่า “ผอ.ตี๋” - “รังษี หยุ่น” ตามฉายาของเพื่อนร่วมรุ่น รร.เสนาธิการทหารบกตั้งให้ เนื่องจากเป็นนายทหารที่ชอบอ่านและสรุปข่าวให้เพื่อนๆ ในชั้นเรียนฟัง ชื่อดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจในเรื่องข่าวสารทุกด้าน โดยเฉพาะข่าวต่างประเทศ ที่สำคัญเขาเป็นนายทหารที่มี “ไอเดียทางธุรกิจ” จึงเป็นความหวังว่าที่ กอญ.ททบ.5 คนนี้จะมีนโยบายที่จะหารายได้ มากกว่า “ใช้เงิน” ได้อย่างไร
การดึง “เอกชน” เข้ามาร่วมผลิต พร้อมผู้ประกาศข่าวที่มีแฟนคลับ เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ กอญ.ผู้นี้คิดว่าน่าจะเรียกเรตติ้งและโฆษณาเข้ามาได้บ้าง เพื่อลดตัวเลขขาดทุนที่แดงโร่มาหลายปี
แต่ทว่าข่าว “รัสเซีย-ยูเครน” มีความอ่อนไหว ทั้งเรื่องการเมืองต่างประเทศ และการเมืองในประเทศ มีภาพทับซ้อน อีกทั้ง “มหาอำนาจ” 2 ขั้วกำลังจับจ้องประเทศพันธมิตรเล็กในวงที่สอง-สามว่ามีการขยับตัวอย่างไร จึงทำให้ประเด็นที่เกิดขึ้นไม่ได้กระทบแค่ “ททบ.5” หากแต่สั่นสะเทือนไปถึงรัฐบาลและกองทัพบก
แม้จะมีคำสั่งให้หยุดเผยแพร่ข่าวดังกล่าวตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ทว่าผู้ประกาศ บริษัทผู้ร่วมผลิต ยังคงอ่านข่าวยูเครน-รัสเซีย จนถูกตัดสัญญาณกลางอากาศ ซึ่งบริษัทผลิตสื่อมีมุมมองว่าไม่ใช่วิสัยคนทำสื่อที่จะกระทำต่อกัน รวมทั้งมองว่าเป็นคำสั่งทางทหารที่ไม่ควรเข้ามาแทรกแซง
แต่ในภาวะเช่นนี้ รัฐบาลและกองทัพเองต่างรู้ดีว่า “ไทย” อยู่ในภาวะ “เขาควาย” ท่ามกลางแรงกดดันให้เลือกข้างจากขั้วอำนาจของโลก โดยที่สื่อเองก็เลือกที่หยิบประเด็นที่ “ล้อ” ไปกับขั้วความขัดแย้งการเมืองในประเทศเช่นกัน ดังนั้นการที่ “ช่อง5”กำลังถูกใช้เป็นเงื่อนไข ก็มีความสุ่มเสี่ยงที่จะลากโยงไปถึง กองทัพ และตัว ผบ.ทบ. การใช้วิธีการ “ตัดเกม” จึงทำให้เกิดการเผชิญหน้าขึ้น
“โมเดล” ที่ถูกหยิบขึ้นมาเพื่อลดกระแสคือ การเสียสละ “อวัยวะ” เพื่อรักษา "ร่างกาย" ด้วยการที่ ผอ.ช่อง 5 ต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะถ้าปล่อยให้มีการนำไปขยายผลคงไม่ดีนัก และอาจจะบานปลายกลายเป็นแรงสั่นสะเทือนให้เก้าอี้ ผบ.ทบ.ในฐานะประธานบอร์ดช่อง 5 ได้ในที่สุด
เหมือนที่สมัย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ต้องปลด พล.ท.ราชิต อรุณรังษี ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งเจ้ากรมสวัสดิการ ทบ. เพื่อน ตท.20 ออกจากนายสนามมวยลุมพินี และให้ย้ายมาช่วยราชการที่ ทบ.จากที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์การจัดมวยในช่วงโควิด จนกลายเป็น “คลัสเตอร์สนามมวย”
ขณะที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ และ พล.อ.รังษี ก็เป็นเพื่อน ตท.22 ที่มีความสนิทสนมกันมาก ถึงขนาดที่เคยบอกว่า ผบ.ทบ.ก็รู้ว่าเขาคิดอะไร และ เขาก็รู้ว่า ผบ.คิดอะไร ซึ่งภายนอกอาจจะดูเหมือนง่ายในการจัดการปัญหา แต่ในขณะเดียวกันย่อมเกิดความลำบากใจที่ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล แต่เมื่อสถานการณ์ล่วงเลยมาขนาดนี้ก็ต้องหาทางออกร่วมกัน
แต่เหนืออื่นใด พล.อ.ณรงค์พันธ์คงต้องออกแรงประคับประคองไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมมากขึ้นกว่าเดิม ท่ามกลางกระแสข่าวต่างๆ ในการปรับย้ายปลายปีว่าอาจจะมี “เซอร์ไพรส์” จนกลายเป็นความหวาดระแวงระหว่างรุ่นกันเอง ทั้งที่หลายฝ่ายก็รู้ว่าทุกอย่างเป็นไปตาม “โชคชะตาฟ้าลิขิต”
แม้ ผอ.รังษีพ้นช่อง 5 ในวันที่ 7 เม.ย.นี้ จะทำให้กระแสลดลง แต่ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะถูกนำไปขยายผลในการอภิปรายของฝ่ายค้าน โดยมีการเมืองภายใน-ภายนอกชักใยอยู่เบื้องหลังหรือไม่
แต่ที่แน่ๆ เรื่องช่อง 5 ก็ทำให้เก้าอี้ ผบ.ทบ.สั่นไหวได้เหมือนกัน!!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศึกชิง ‘เมืองกล้วยไข่’ ‘กล้าธรรม’ ปะทะ ‘รัตนากร’
1 ในพื้นที่เป้าหมายสำคัญของ ‘พรรคกล้าธรรม’ ภายใต้การนำของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าพรรค คือ จ.กำแพงเพชร
เปิดขั้นตอนหย่อนบัตร8ก.พ.69 บัตร3ใบเลือกตั้งพ่วงประชามติ
ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูกาลการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) อย่างเป็นทางการ โดยในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่จะมีการเลือกตั้ง สส. พร้อมกับการทำประชามติหนึ่งเรื่องในวันเดียวกัน โดยกำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 17.00 น. ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
'ภท.-ปชน.' แตกหักปม112 'พท.' ตัวแปรรอร่วมรัฐบาล
การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงโค้งสำคัญ พรรคการเมืองต่างเร่งนำเสนอนโยบาย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และทีมรัฐมนตรี เพื่อขอโอกาสประชาชนเข้ามาบริหารประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า
ภูมิใจไทยพลัส-เปิดเกมใหญ่ ชูรัฐมนตรีคนนอก ลุยเลือกตั้ง
บรรยากาศการเมืองปลายปี 2568 ต่อเนื่องต้นปี 2569 เดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งเตรียมเปิดรับสมัคร สส.ปลายเดือนธันวาคม ก่อนจะหย่อนบัตรในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พรรคการเมืองต่างเร่งเปิดตัวผู้สมัคร นโยบายหาเสียง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงโค้งสุดท้าย
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้
คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568

