
พฤติกรรมเหมือนกัน แต่ปฏิบัติ "ต่างกัน"
เมื่อครั้ง "มาดามเดียร์" น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นำทีม ส.ส. "กลุ่มดาวฤกษ์" โหวตสวนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งก่อน "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ ถึงขั้นตั้งกรรมการสอบและมีบทลงโทษออกมา
แต่ครั้งนี้ ก๊วนปากน้ำ ในนามสมุทรปราการก้าวหน้า ของ เอ๋-ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม แหกมติ เมินประกาศิตหัวหน้าพรรค โหวตสวน 2 รัฐมนตรี คือ "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ "เสี่ยเฮ้ง" นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และผู้อำนวยพรรคพลังประชารัฐ นอกจากควันจะไม่ออกหูแล้ว "บิ๊กป้อม" ยังแทบจะอุ้มนั่งตัก
ระหว่างการลงพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา "บิ๊กป้อม" ถึงขั้นรับปาก หากมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) สมุทรปราการต้องมีรัฐมนตรี
“ขอขอบคุณประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชารัฐถึง 6 คน ถึงแม้ได้ ส.ส.มากแต่ยังไม่ได้รัฐมนตรี ไม่ต้องห่วงครับ ยังไงต้องได้ครับ ยังไงต้องได้ เพราะว่าทำงานให้รัฐบาลต้องได้รับการพิจารณานะครับ หลังจากปรับ ครม.เมื่อไหร่ต้องได้ จะได้เป็น”
มองเผินๆ เหมือนแค่ยาหอม "ให้ความหวัง" หรือเป็นการปลอบประโลมกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น หากแต่ยี่ห้อ "บิ๊กป้อม" ถ้าพูดเรื่อง ครม.คงเลื่อนผ่านไม่ได้ เอ่ยปากคำนี้กับใครเป็นจริงทุกคน
ครั้งหนึ่งเคยสัญญากับ "เสี่ยโอ๋" นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เมื่อครั้งเป็นเลขานุการวิปรัฐบาล ว่าหากมีการปรับ ครม.จะเป็น "คิวแรก" ในบัญชี และมันก็เกิดขึ้นจริง
ครั้งนี้จึงเช่นกันว่า "ก๊วนปากน้ำ" ได้เวลาเตรียมตัดชุดรอ
คำพูดของ "บิ๊กป้อม" ยังเป็นการส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับ ครม.เกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าให้สัญญาต่อหน้าธารกำนัล
เวลานี้ถือว่าเหมาะสม เพราะเป็นปีสุดท้ายก่อนรัฐบาลครบเทอม เป็นช่วงเวลาของการ "ปูนบำเหน็จ" พวกตกสำรวจ เพื่อ "เก็บตก-ซื้อใจ" ก่อนการเลือกตั้งจะมาถึง
ขณะเดียวกัน ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องแรงกระเพื่อม เพราะแยกทางกับพรรคเศรษฐกิจไทยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และหัวหน้าพรรคแบบขาดสะบั้นแล้ว จึงได้เวลาเติมให้เต็มเก้าอี้ 2 ตัวที่ว่างมานาน
ว่าด้วยคณิตศาสตร์ทางการเมือง การที่ "ก๊วนปากน้ำ" จะได้รับการจัดสรรโควตารัฐมนตรีนั้นไม่แปลก เพราะมี ส.ส.ในมือถึง 6 คน คือ นายอัครวัฒน์ อัศวเหม, นายยงยุทธ สุวรรณบุตร, นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ, น.ส.ภริม พูลเจริญ, นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก และนายต่อศักดิ์ อัศวเหม
อีกทั้งในการเลือกตั้งท้องถิ่นของ จ.สมุทรปราการที่ผ่านมา กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้าของ "เอ๋ ชนม์สวัสดิ์" กวาดเรียบวุธแทบจะทุกระดับ เรียกว่าประสบความสำเร็จทั้งระดับชาติและท้องถิ่น
ที่สำคัญ มุ้งนี้เดินอยู่ในแถวตลอด ไม่เคยตีรวนแย่งเก้าอี้เหมือนกับมุ้งอื่นๆ เพิ่งจะมีเพียงครั้งนี้ที่แหกมติพรรค
เพียงแต่การตอบแทนให้กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า หลังเหตุการณ์ "แหกมติพรรค" มันถูกตั้งข้อสังเกตว่า สมเหตุสมผลหรือไม่
ลำพังโหวตสวน "เสี่ยเฮ้ง" ยังพอเข้าใจได้ เพราะมีปัญหาส่วนตัวกันอยู่ เนื่องจากในการเลือกตั้งปี 2562 "เอ๋ ชนม์สวัสดิ์" วางตัวผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเอาไว้ทั้ง 7 เขต แต่ปรากฏว่าในช่วงโค้งสุดท้ายเกิดปัญหา เมื่อ "เสี่ยเฮ้ง" กับ "เสธ.อ." ร่วมมือกันเอาชื่อของ น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ คนสนิทของ "เสธ.อ." มาเสียบแทนนายต่อศักดิ์ อัศวเหม ในเขตเลือกตั้งที่ 7 ทั้งที่ "ต่อศักดิ์" หาเสียงเอาไว้นานแล้ว จนทำให้ต้องกระเด็นไปอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 22
และกว่านายต่อศักดิ์จะได้เลื่อนเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็ต้องรอถึงปลายปี 2564 ที่มี ส.ส.บัญชีรายชื่อลาออก
นอกจากนี้ ยังปรากฏข่าวว่า "เสี่ยเฮ้ง" ไปดึงคู่แข่งของ "เอ๋ ชนม์สวัสดิ์" มาทำงาน สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้าเป็นอย่างมาก เพราะถือว่า "ล้ำเส้น-ข้ามพื้นที่"
ขณะเดียวกัน "เอ๋ ชนม์สวัสดิ์" ยังมีความสนิทสนมเป็นอย่างมากกับ "เสี่ยแป๊ะ" นายสนธยา คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา คู่กรณีอีกคนในพื้นที่ จ.ชลบุรีของ "เสี่ยเฮ้ง"
แต่ในกรณีโหวตสวน "บิ๊กป๊อก" ที่ถือเป็นน้องรักของ "บิ๊กป้อม" แล้วยังจะมีการมา "ตกรางวัล" มันดูย้อนแย้งกัน ราวกับว่า "ก๊วนปากน้ำ" ไปทำผลงานอะไรมา
มันชวนให้น่าสงสัยเหมือนที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ที่ "ก๊วนปากน้ำ" กล้าโหวตสวน "บิ๊กป๊อก" เพราะมี "ผู้ใหญ่" ที่ใหญ่กว่า "เอ๋ ชนม์สวัสดิ์" ไฟเขียว
"ก๊วนปากน้ำ" อาจจะไม่พอใจการทำหน้าที่ของ "บิ๊กป๊อก" ที่ไม่เคยเหลียวแล จ.สมุทรปราการจริง เพียงแต่มีคนใช้ความไม่พอใจของก๊วนนี้มาเป็น "เครื่องมือ" ในการเขย่าเก้าอี้ รมว.มหาดไทยของ "บิ๊กป๊อก" เพื่อเป็นเหตุผลในการขยับ "บิ๊กป้อม" ไปนั่งกุมบังเหียนที่คลองหลอดแทนน้องรอง
โดยมีการพุ่งเป้าไปที่ "บิ๊ก ป." ผู้มากบารมีนอกรัฐบาล หลังม่านมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ที่เคยเคลื่อนไหวเขย่าเก้าอี้ มท.1 ของ "บิ๊กป๊อก" มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งมีความสนิทกับ "เอ๋ ชนม์สวัสดิ์" ว่าเป็น "ผู้อยู่เบื้องหลัง" ปฏิบัติการครั้งนี้
แล้วต้องยอมรับว่า การเขย่ารอบนี้มีอิมแพกต์ค่อนข้างสูง เพราะเป็นขวบปีสุดท้ายที่รัฐบาลจำเป็นต้องใช้กลไกกระทรวงมหาดไทยมาช่วยปูทางสู่การเลือกตั้ง หลังกระแสพรรคดิ่งลงเหว ส.ส.ไร้น้ำมันเครื่องในการขับเคลื่อนพื้นที่
ส่วนมันจะได้ผลหรือไม่อยู่ที่ "บิ๊กตู่" เพราะที่ผ่านมาอุ้ม "บิ๊กป๊อก" มาโดยตลอด ประกอบกับบุคลิกของ "บิ๊กป๊อก" เป็นคนไม่ยอมคน ยิ่งมาถูกกระทำแบบ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังแบบนี้ยิ่งต่อต้าน
แต่กระนั้นการที่ "บิ๊กป้อม" เดินเกมแรงแบบแสดงออกในปีสุดท้าย มันจึงชัดเจนว่าต้องการบีบ "บิ๊กตู่" ตรงๆ ว่าต้องยอมหากจะไปต่อในสนามเลือกตั้ง
ช็อตนี้จึงเป็นช็อตวัดใจ "บิ๊กตู่" ล้วนๆ ว่าจะอุ้ม "พี่รอง" หรือยอม "พี่ใหญ่" ที่มี ส.ส.ในมือซึ่งจำเป็นต้องใช้เป็น "นั่งร้าน" ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
เขย่ารอบนี้ถือว่า ใกล้เคียงที่สุด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)


